The Cloisters : พิพิธภัณฑ์ที่สร้างจากโบสถ์โบราณกลางนิวยอร์ก

ถ้าพูดถึงนิวยอร์กแล้ว นอกจากจะเป็นมหานครที่ไม่เคยหลับใหล เต็มไปด้วยแสงสีและแหล่งบันเทิงทุกรูปแบบ
นิวยอร์กยังเป็นเมืองที่มีพิพิธภัณฑ์ทางศิลปะที่ดีที่สุดติดอันดับต้นๆ
ของโลกอีกด้วย ซึ่งพิพิธภัณฑ์ที่นักท่องเที่ยวรู้จักและนิยมไปมากที่สุดก็คือ The MET หรือ The
Metropolitan Museum of Art บนถนน 5
th
Avenue ซึ่งที่จริงแล้วยังมีพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กในเครือของ
The MET อีกสองแห่งคือ The Met Cloisters (หรือเรียกสั้นๆ ว่า The Cloisters) และ The Met
Breuer โดยถ้าเราซื้อตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์จากที่ใดที่หนึ่งในสามที่นี่แล้ว
เราจะสามารถใช้ตั๋วเดียวกันนี้เข้าชมพิพิธภัณฑ์อีกสองแห่งที่เหลือได้ภายในวันเดียวกัน
โดยไม่ต้องเสียเงินเข้าชมอีก

แวบแรกที่เดินพ้นแนวไม้แล้วเห็นภาพของ The Cloisters
ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าตอนนั้น รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเดินหลุดเข้ามาในปราสาทยุคกลางของยุโรปมากกว่าที่จะกำลังยืนอยู่ในนิวยอร์ก

ที่น่าทึ่งก็คือ พิพิธภัณฑ์ที่เห็นอยู่ตรงหน้าสร้างขึ้นจากโบสถ์เก่าจริงๆ ไม่ได้สร้างขึ้นใหม่เพื่อเลียนแบบของเก่าแต่อย่างใด ทั้งที่จริง การสร้างขึ้นใหม่น่าจะเป็นวิธีง่ายกว่ามากเมื่อเทียบกับความจริงที่ว่า
The Cloisters สร้างขึ้นโดยนำเอาอาคารบางส่วนมาจากโบสถ์โบราณในประเทศสเปนและฝรั่งเศสจำนวนถึง 5 แห่ง ผ่านการรื้อถอนแล้วเคลื่อนย้ายลงเรือ ก่อนจะนำมาประกอบใหม่ในรูปแบบเดิมแบบก้อนต่อก้อนที่นี่ ตัวพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่บนเนินเขาทางตอนเหนือของแมนฮัตตันใน Fort Tryon Park ริมแม่น้ำฮัดสัน เป็นการผสมผสานสถาปัตยกรรมยุค Medieval Art ที่หลากหลายจนเกิดเป็นอาคารใหม่

Cuxa Cloister สวนหย่อมตรงกลางพิพิธภัณฑ์ ล้อมรอบไปด้วยระเบียงทางเดิน โดยการจัดสวนก็เป็นไปในแบบยุค Medieval Art เช่นกัน
มีน้ำพุและสวนสมุนไพรขนาดเล็ก
เวลามองออกมาจากตัวอาคารทำให้รู้สึกร่มรื่นดี

ภายในพิพิธภัณฑ์จะมีการรวบรวมผลงานทางศิลปะในยุคกลางของตะวันตก
เช่น ศิลปะในยุคไบแซนไทน์ โรมาเนสก์ โกธิค เป็นต้น ผลงานทางศิลปะส่วนใหญ่จึงเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับศาสนา มีทั้งภาพเขียน งานแกะสลัก งานปั้น ภาพพรมทอ
หรือแม้แต่เครื่องประดับ

ไฮไลต์หนึ่งของที่นี่คือ Fuentidueña Chapel ภาษาไทยอาจเรียกว่าวิหารหรือหอสวดมนต์
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโบสถ์ San Martín เดิมในประเทศสเปน
(ค.ศ.1175 – 1200) โดยตัววิหารถูกสร้างจากก้อนอิฐหินปูน
(limestone) มากกว่า 3,000 ก้อน
ส่วนภาพเขียนบนหลังคาโดมเป็นภาพเขียนสีในสไตล์เฟรสโก้ รวมถึงงานแกะสลักไม้กางเขนจากไม้ซึ่งเป็นศิลปะในศตวรรษที่ 12


Tapestries หรือภาพศิลปะ จากพรมทอ
มักว่าด้วยเรื่องราวของคริสตศาสนาเช่นเดียวกัน


‘Pieta’ ในแบบ Medieval Art (ค.ศ.1375 – 1400)

‘Virgin and Child’ ศิลปะจากฝรั่งเศส (ค.ศ. 1340 – 1350)

ความน่ารักอย่างหนึ่งของที่นี่คือจะมีผู้นำชมและอธิบายงานศิลปะหรือที่เรียกว่า Museum Lecturer ซึ่งที่เห็นจะเป็นผู้สูงอายุเกือบทั้งหมด
จะมาคอยอธิบายถึงผลงานศิลปะแต่ละชิ้นให้แก่เด็กๆ ที่มาทัศนศึกษาหรือผู้เข้าชมฟังโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ

ไม่น่าเชื่อเลยว่าอาคารทั้งหมดที่เราเห็นอยู่นี้
ครั้งหนึ่งเคยถูกแยกชิ้นส่วนเป็นอิฐเดี่ยวๆ แต่ละก้อน
แล้วถูกนำประกอบใหม่เป็นอาคารทั้งหลัง

แม้ The Met Cloisters จะเป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดเล็กที่สุดในบรรดา The MET ทั้งหมด แต่โดยส่วนตัวแล้วกลับชอบมากที่สุด
อาจจะเป็นเพราะตัวพิพิธภัณฑ์ตั้งห่างไกลออกไปจากใจกลางแมนฮัตตันและเป็นส่วนหนึ่งของ Tryon Park ทำให้พิพิธภัณฑ์โบราณแห่งนี้อยู่ใจกลางธรรมชาติที่เงียบสงบและสวยงาม นักท่องเที่ยวไม่หนาแน่นมาก ถ้าหากไม่เร่งรีบจนเกินไป ค่อยๆ
เดินทอดน่องชมงานศิลปะที่บอกเล่าเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาเนิ่นนาน
ภายในสถาปัตยกรรมที่งดงามเป็นเอกลักษณ์ ก่อนจะออกมาเดินสูดอากาศและซึมซับกับความงามของธรรมชาติรอบๆ พิพิธภัณฑ์ ก็นับเป็นความสุขที่ช่วยให้ผ่อนคลาย พักจากความวุ่นวายต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

The Met Cloisters

Address: 99 Margaret Corbin Dr, New York, NY 10040
Hours: มีนาคม – ตุลาคม 10.00 – 17.15 น., พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์ 10.00 – 16.45 น.
(27 พฤษภาคม – 2 กันยายน 2016 เปิดถึง 19.30 น. ทุกวันศุกร์) ปิดวัน Thanksgiving, 25 ธันวาคม และ 1 มกราคม

How to get there: นั่ง subway สาย A สีน้ำเงิน (สถานีปลายทาง Inwood-207 st) มาลงที่สถานี 109
st แล้วเดินตามป้ายไปอีกประมาณ 10 นาที

Map:

ใครอยากส่งเรื่องที่น่าเที่ยวมาลงเว็บไซต์ a day online คลิกที่นี่เลย

AUTHOR