State Hermitage Museum : พิพิธภัณฑ์ที่เต็มไปด้วยแมว แมว และแมว

มาเยือนนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กทั้งที สถานที่ที่พลาดไม่ได้เลยคือพระราชวังฤดูหนาว หรือ เฮอร์มิเทจนั่นเอง
ปัจจุบันเฮอร์มิเทจได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดของโลก
ด้วยความใหญ่โตอลังการทางด้านสถาปัตยกรรมทั้งภายในและภายนอก รวมถึงชิ้นงานทางศิลปะและประวัติศาสตร์อันล้ำค่ามากมายมากกว่า 3,000,000 ชิ้น! กินพื้นที่ถึง 5 อาคาร! เรียกได้ว่าเป็นดั่งสวรรค์บนดินของผู้ชื่นชอบงานศิลปะ
ให้เดินชมกันให้หนำใจกันไปเลยทีเดียว

จากที่เล่ามาก็คงไม่น่าแปลกสักเท่าไหร่ ถ้าจะบอกว่าที่นี่ต้องใช้พนักงานจำนวนมากในการดูแลพิพิธภัณฑ์
แต่ที่นี่มีพนักงานดูแลพิเศษ
เป็นหน่วยที่ก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่สมัยเริ่มสร้างพระราชวังเลยทีเดียว นั่นคือ ‘หน่วยแมวพิทักษ์พระราชวัง’ ค่ะ! ใช่แล้ว
อ่านไม่ผิดค่ะ ตามเรื่องเล่า เขาว่าวัฒนธรรมการเลี้ยงแมวของที่นี่เริ่มตั้งแต่สมัยพระเจ้าปีเตอร์มหาราช
หรือต้นศตวรรษที่ 18 เลยทีเดียว พระองค์ทรงนำแมวตัวแรกมาจากประเทศฮอลแลนด์มาทรงเลี้ยงไว้เพื่อให้แมวช่วยจับหนูในพระราชวัง
ไม่ให้มากัดแทะ ทำผลงานศิลปะที่ทรงสะสมเสียหาย ต่อมาในสมัยของพระนางเจ้าเอลิซาเบธที่หนึ่ง มีปัญหาเรื่องหนูแพร่พันธุ์เยอะมากและทำลายทั้งผนังและของทรงสะสมจึงได้ออกคำสั่งให้เริ่มเลี้ยงแมวไว้อย่างเป็นทางการและได้ปฏิบัติสืบต่อกันมา
จนกระทั่งเข้าสู่ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง นครเลนินกราด (ชื่อของนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กในสมัยนั้น)
ได้ถูกปิดล้อมเป็นเวลาเกือบ 3 ปี (ปลายปี 1941 – ต้นปี 1944) แมวพระราชวังเองก็ล้มหายตายจากไปจนหมด
ถือว่าเป็นช่วงเวลาเดียวที่พระราชวัง รวมไปจนถึงในเมืองไม่มีแมวหลงเหลืออยู่เลย
จนหลังสงครามสงบลง ก็ได้มีการขนส่งเจ้าเหมียวกว่า 5000 ตัวมาสู่เมืองนี้อีกครั้ง
และส่วนหนึ่งในจำนวนนั้นก็นำมาเป็นผู้พิทักษ์พระราชวังต่อมาด้วย

ในปัจจุบันเหล่าผู้พิทักษ์สมบัตินี้ไม่ได้รับอนุญาตให้เดินเล่นในพระราชวัง
เข้าห้องนั้นออกห้องนี้ตามใจชอบแล้ว แต่ให้ช่วยดูแลชั้นใต้ดินแทน
ซึ่งถือว่าเป็นส่วนที่สำคัญมากของพระราชวังทีเดียว เพราะเป็นส่วนควบคุมระบบทางเทคนิคต่างๆ ของพิพิธภัณฑ์
แต่ในฤดูร้อน ถ้าใครโชคดีไปเดินเล่นบริเวณจัตุรัสหน้าพระราชวัง อาจจะได้เจอเหล่าองครักษ์สี่ขานี้ออกมาเดินเล่นข้างนอกก็ได้ค่ะ
ซึ่งทางพระราชวังก็ทราบดีว่าแมวน้อยผู้พิทักษ์นี้ออกจะโด่งดังและมีแฟนๆ อยากจะได้เห็นและเล่นด้วยเหลือเกิน จึงได้มีการจัดงาน ‘วันแมวเฮอร์มิเทจ’ ขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยจะจัดขึ้นในช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ในวันนี้ เหล่าทาสแมวจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับพนักงานพิเศษสี่ขาประจำพระราชวังนี้
ใครสนใจจะติดต่อขอรับไปเลี้ยงที่บ้านทางพระราชวังก็ไม่ขัดข้องค่ะ จริงๆ แล้วค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเหล่าผู้พิทักษ์นี้ไม่ได้จัดสรรปันส่วนไว้ค่ะ
แต่จะได้มาจากการบริจาคของพนักงานพิพิธภัณฑ์ จากบุคคลทั่วไป หรือสปอนเซอร์ค่ะ
และน้องผู้กล้าขนปุยของเราก็เพิ่มจำนวนกันขึ้นตลอดจึงได้เปิดโครงการหาบ้านใหม่ให้น้องๆ ด้วยค่ะ (เนื่องจากผู้เขียนพลาดงานวันแมวเฮอร์มิเทจ
เลยไม่มีภาพมาให้ผู้อ่านได้ดูจึงขออนุญาตนำรูปจากทางเว็บไซต์รัสเซียและจากวิกิพีเดียมาแชร์นะคะ)

สำหรับทาสแมวที่เตรียมจะมาเยี่ยมเยือนนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กและอยากจะมาตามรอยน้องแมวที่พระราชวังนี้
แต่มาไม่ตรงวันงานพบปะแฟนคลับแน่ๆ ไม่ต้องเสียใจไปค่ะ ที่นี่ยังมีมุมแมวๆ ให้ได้ตามชื่นชมกันอีกเยอะเลย ห้องต่างๆ ภายในพิพิธภัณฑ์จะมีงานศิลปะรูปแมวเหมียวซุกซ่อนอยู่ทั่วไป
ไม่ว่าจะเป็นในภาพวาดสีน้ำมัน ภาพวาดฝาผนังด้วยเทคนิคเฟรสโก งานแมวแกะสลักทั้งจากหินและจากไม้ ไปจนถึงงานหล่อด้วยโลหะต่างๆ
เพราะฉะนั้นเวลาที่มาเยี่ยมชมลองมองหาดีๆ ที่น่าสนใจคือจะได้เห็นว่าภาพแมวแต่ละตัวก็จะแตกต่างกันออกไปตามสัญชาติของจิตรกรและช่วงเวลาค่ะ

ส่วนตัวคิดว่าอีกที่นึงที่น่าสนใจคือร้านขายของที่ระลึกของพิพิธภัณฑ์เอง
เพราะของหลายชิ้นก็ออกแบบมาจากผลงานของจิตรกรชื่อดังหรือเหล่าประติมากรรมต่างๆ ที่จัดแสดงให้ผู้มาเยือนได้ชม มาเป็นของใช้ต่างๆ ที่สวยงาม น่าซื้อฝาก (และซื้อไว้ใช้เอง) จริงๆ และด้วยความรักที่มีต่อผู้พิทักษ์
4 ขา ทางพิพิธภัณฑ์ได้จัดทำของฝากที่เกี่ยวกับแมวขึ้น ถึงขนาดว่ามีหนังสือรวมรูปศิลปะแมวตามจุดต่างๆ ของพิพิธภัณฑ์
หรือเซ็ตของฝากพร้อมรูปแมว ‘เชื้อชาติ’ ต่างๆ เช่น เสื้อยืด ย่ามใส่ของ เครื่องเขียน สมุดโน้ต แม่เหล็กติดตู้เย็น
พวงกุญแจ และถ้วยชามกระเบื้องน่ารักๆ ผู้เขียนนึกสงสัยจึงได้ซักถามจากพนักงานขายว่าแมวบนเซ็ตของฝากนั้นมีแมวจากที่ไหนบ้าง
เมื่อได้ทราบข้อมูลแล้วจึงไปเดินตามรอยหาต้นฉบับของฝากกันสักหน่อยค่ะ

ตัวแรกคงไม่ต้องให้เดาว่าเป็นเจ้าเหมียวสัญชาติญี่ปุ่นแน่นอน
ออกจะคิขุอาโนเนะขนาดนี้ เราไปเดินตามรอยในโซนศิลปะญี่ปุ่น แต่หาเท่าไหร่ก็ไม่พบ จึงทราบว่างานที่เป็นต้นฉบับเคยมาจัดแสดงเพียงชั่วคราวค่ะ
ทำให้ต้องตามหาภาพจากอินเทอร์เน็ตเท่านั้นตามคำบอกเล่าพบว่าเป็น ‘เนโกะ’ จากภาพวาด ’53 สถานีตามทางโทไคโดะ’ ของ อุทากาวะ คุนิโยสิ
หาเจอกันมั้ยคะว่าต้นฉบับอยู่ไหนเอ่ย?

ตัวที่ 2 สวยงาม ดูลึกลับมีเสน่ห์แบบนี้ เดาไม่ยากใช่มั้ยคะว่ามาจากที่ไหน
พื้นหลังบอกใบ้ชัดเจนว่ามาจากแดนพีระมิดประเทศอียิปต์นั่นเอง ว่าแล้วเราก็ไปตามรอยกันที่ห้องศิลปะอียิปต์กันค่ะ
เราก็ได้พบรูปหล่อทำจากทองแดง ซึ่งก็ไม่ใช่เพียงแมวธรรมดาแต่เป็นเทพยดาแห่งความรื่นเริง
ความสุข และความรักตามความเขื่อของชาวอียิปต์โบราณที่ชื่อว่า บาสเต็ต ค่ะ สวยสง่ามากเลยนะคะ

ส่วนตัวสุดท้ายในซีรีส์ของฝากแมวเหมียวที่อยู่ในเฮอร์มิเทจนี้ท้าทายความสามารถของทาสแมวสุดๆ
ค่ะ ว่าเป็นแมวจากประเทศอะไร หน้าตาตลกๆ ปากกว้างๆ จมูกโตๆ แมวจากที่ไหนกัน? แอบส่งต้นฉบับให้ดูก่อนเลยค่ะ

เฉลย เป็นแมวจากประเทศอิหร่านค่ะ! เป็นแมวอ้วน ตัวใหญ่ใจดี
ยิ้มกว้าง ผลงานของศิลปินนิรนามชาวอิหร่านในศตวรรษที่ 12 ผู้เขียนเดินตามหาต้นฉบับนี้นานมากเพราะขนาดเล็กกว่าที่คิดและ… นี่หรือคือแมว?

ทั้งหมดทั้งมวลช่างสนับสนุนว่าความสวยงามสง่า
น่ารักขี้เล่นของแมวเหมียวก็เป็นแรงบันดาลใจให้ศิลปินทั่วโลก ทุกกาลเวลาบรรจงสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ
ไม่แพ้ความงามของมนุษย์เลยค่ะ ที่นำมาเสนอนี่ยังเป็นเพียงส่วนเล็กมากๆ ของศิลปะแมวที่แฝงตัวอยู่ในพิพิธภัณฑ์เฮอร์มิเทจนี้ค่ะ
ขอทิ้งท้ายลากันไปด้วยเจ้าเหมียวอิตาลี ที่หลบมุมอยู่ตรง Raphael Loggias ถ้าผ่านมาเจอก็มาถ่ายรูปร่วมกันได้นะคะ

State Hermitage Museum

Address: Palace Square, 2, St Petersburg,
190000
Hours: 10.30 – 18.00, วันพุธและวันศุกร์: 10.30 – 21.00, ปิดทุกวันจันทร์
How to get there: สะดวกที่สุดคือนั่งรถไฟใต้ดินมาขึ้นที่สถานี
Admiralteyskaya (สายสีม่วง) พอออกมาจากสถานีให้เดินตรงมาที่ถนนเนฟสกี้
ข้ามถนนแล้วเลี้ยวซ้าย ถึงหัวมุมถนนก็จะเห็นจัตุรัสพระราชวังและพระราชวังเฮอร์มิเทจได้เลย
ใช้เวลาเดินจากสถานีรถไฟถึงตัวพระราชวังไม่เกิน 10 นาที
Map:

ภาพ www.rukivboki.ru และ en.wikipedia.org

ใครอยากส่งเรื่องที่น่าเที่ยวมาลงเว็บไซต์ a day online คลิกที่นี่เลย

AUTHOR