กลาสโกว์เป็นเมืองอุตสาหกรรมที่มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 4 ของสหราชอาณาจักร
สำหรับฉัน กลาสโกว์เป็นเมืองประหลาดที่ผสมผสานรูปแบบสถาปัตยกรรมหลายๆ อย่างเข้าด้วยกันทั้งเก่าและใหม่
เหมือนผ้า Patchwork ที่เอาผ้าหลายๆ แบบมาเย็บต่อกันยังไงยังงั้น
ย่านที่ฉันอยู่เป็นย่านใจกลางเมืองที่เรียกว่า City Centre ซึ่งเป็นแหล่งรวมร้านอาหาร ร้านค้า และสำนักงานต่างๆ
ส่วนมากถ้าใครมาเยี่ยมเยือนกลาสโกว์เป็นครั้งแรกก็จะมาลงเอยที่ย่านนี้ก่อน
ตั้งแต่มาอยู่ที่กลาสโกว์ สถานที่หลักที่ฉันไปเป็นประจำก็คือโรงเรียนกับหอพัก
จนฉันได้มีโอกาสทำโปรเจกต์เกี่ยวกับอาหาร ซึ่งทำให้ฉันได้ออกสำรวจแหล่งอาหารของเมืองนี้อย่างใกล้ชิด
เอาจริงๆ ที่เมืองนี้ไม่มีตลาดสดเหมือนเมืองไทยที่มีอาหารสารพัดให้เลือกซื้อกันในราคาย่อมเยา ยิ่งภายในตัวเมือง
สถานที่จับจ่ายซื้ออาหารก็หนีไม่พ้นซูเปอร์มาร์เก็ตยักษ์ใหญ่อย่าง Tesco หรือ Sainsbury’s ถ้าอยากจะได้อารมณ์ตลาดบ้านเราก็ต้องนั่งรถออกไปแถบๆ ชานเมืองเพื่อไปซื้อของที่ฟาร์เมอร์มาร์เก็ตที่จัดขึ้นเป็นครั้งคราว
ฉันเกิดคำถามว่าแล้วถ้าเราอยากจะผลิตอาหารกินเองล่ะจะต้องทำยังไง
เพราะพื้นที่อยู่อาศัยแถบในเมืองส่วนมากไม่มีที่กว้างๆ ให้ทำสวน
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ฉันได้รู้จักกับสวนชุมชนเล็กๆ ที่ชื่อว่า Woodlands Community Garden
สวนแห่งนี้เป็นพื้นที่เล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในชุมชน
ขนาบข้างด้วยอาคารที่พักอาศัยทั้งสองฝั่ง
ด้านหน้าสวนมีป้ายไม้สีสันสดใสเขียนว่ายินดีต้อนรับทุกคน
เมื่อเปิดประตูเข้าไปในสวนจะเห็นแปลงปลูกถูกแบ่งส่วนๆ
แต่ละแปลงเต็มไปด้วยผักหลากหลายชนิดให้คนในชุมชนมาเช่าปลูก
ตรงกลางสวนมีเตาพิซซ่าก่อมือติดด้วยกระเบื้องโมเสกที่เพิ่งสร้างเสร็จเมื่อ 2 อาทิตย์ที่แล้ว
สำหรับให้คนมาทำอาหารกินกันในช่วงหน้าร้อน
ทางด้านหลังสุดมีอาคารไม้เล็กๆ ที่ใช้เป็นสำนักงาน ซึ่งภายในมีห้องครัวขนาดจิ๋วอยู่ด้วย
ด้วยความที่เป็นคนแปลกหน้าฉันเลยเดินดุ่มๆ เข้าไปคุยกับคุณลุงที่กำลังขะมักเขม้นเก็บหัวแรดิชสีชมพูน่ากินอยู่
คุณลุงเห็นฉันสนใจเลยพาเดินเข้าไปแนะนำให้รู้จักคุณน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ประจำสวน ผู้เล่าให้ฟังว่าสวนชุมชนแห่งนี้เริ่มมาได้ประมาณ 6 ปีแล้ว
แต่ก่อนบริเวณตรงที่ฉันยืนอยู่เคยเป็นอาคารซึ่งถูกไฟไหม้
พื้นที่ตรงนี้เลยไม่ได้ใช้ประโยชน์ ทางชุมชนเลยขอมาทำเป็นสวนของชุมชนเสียเลย
ตอนนี้ที่สวนมีสมาชิกประมาณ 30 – 35 ครอบครัวที่มีพื้นที่ปลูกผักเป็นของตัวเอง
ซึ่งนับวันจำนวนสมาชิกมีแต่จะเพิ่มขึ้น
ตอนนี้ถึงกับมีการต่อคิวจองแปลงปลูกกันแล้ว
คุณน้าเล่าให้ฉันฟังว่า เขาอยากจะมีสวนเป็นของตัวเองมาตลอด
แต่ติดที่ว่าไม่มีพื้นที่ที่บ้าน
การปลูกผักสำหรับเขาคือการลงมือปลูกและดูมันเติบโตงอกงาม
การได้กินผักที่ปลูกเองเปรียบเสมือนเป็นรางวัลอย่างหนึ่ง
เพราะกว่าจะได้กินบางครั้งก็มีล้มเหลวบ้างเนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวน
ไหนจะปลูกแล้วตายอีก เพราะฉะนั้นผักที่ปลูกเองจึงสุดพิเศษสำหรับเขา
ส่วนสาวฮิปปี้สมาชิกประจำสวนก็มาแจมวงสนทนาโดยเสริมว่า
อาหารสำหรับเธอสำคัญที่รสชาติเท่านั้น เพราะผักที่ปลูกเองมันอร่อยสุดๆ
ความสุขของเธอเลยคือการได้ปลูกผักและลิ้มรสชาติของสิ่งที่เธอปลูกมากับมือ ระหว่างที่เราคุยกันอยู่มีสมาชิกของสวนเริ่มทยอยกันมา
คุณน้าเจ้าหน้าที่ออกไปช่วยพาสมาชิกคนนึงซึ่งนั่งรถเข็นมา สาวฮิปปี้บอกฉันว่า
สมาชิกบางคนของสวนแห่งนี้บ้างก็เป็นโรคซึมเศร้า บ้างก็ต้องนั่งรถเข็น
แต่ทุกคนก็หมั่นแวะเวียนกันมาที่สวน หลังจากมาที่นี่ได้สักพัก เธอว่าพวกเขาเหล่านั้นบางทีก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย
หลังจากที่ฟังสมาชิกชาวสวนสมัครเล่นทั้งสองพูดคุยกับฉันอย่างเป็นกันเอง
ฉันว่าสวนแห่งนี้ไม่ได้เป็นแค่แปลงปลูกผักของชุมชนธรรมดา
แต่เป็นสถานที่ที่ทำให้คนในชุมชน Woodlands มาพบปะ พูดคุย และสังสรรค์กันยามว่าง
บางคนไม่ได้เดินเข้ามาดูแลแปลงผักของตัวเองหรอก แต่เข้ามาคุย
ทักทายเพื่อนบ้านที่ออกมาทำสวนเหมือนกันต่างหาก
นอกเหนือจากสมาชิกในชุมชน ที่นี่ยังต้อนรับคนทั่วไปไม่จำกัดเพศและวัยมาเป็นอาสาสมัคร
ช่วยทำงานในสวนทุกบ่ายวันพุธและวันอาทิตย์
อย่าคิดว่าอาสาสมัครที่นี่จะมีแต่คนสูงอายุมาทำสวนนะ ตอนที่ฉันไป
เจอเด็กหนุ่มที่เพิ่งเรียนจบมัธยมปลายมาช่วยทำกองปุ๋ย
ฉันสงสัยเลยเข้าไปถามว่าทำไมถึงมาช่วยเป็นอาสาสมัครที่สวนแห่งนี้
เขาตอบฉันพร้อมรอยยิ้มว่า เพราะว่ามันสนุกดีออก เหมือนได้ออกกำลังกายไปในตัว
งานในสวนน่ะหนักเหมือนกันนะ แถมมีอยู่เรื่อยๆ ตลอด เขาเลยมาบ่อยๆ
นอกจากเป็นอาสาสมัครแล้ว ทางสวนยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายระหว่างปี
เช่น การอบรมเรื่องความรู้ในการทำสวน งานกิจกรรมวันเก็บเกี่ยวที่มีการเก็บผลผลิตที่ปลูกได้และมาทำอาหารร่วมกัน และป๊อปอัพคาเฟ่ที่จัดขึ้นทุกวันจันทร์ มีกิจกรรมสอนทำอาหาร
และเสิร์ฟอาหารสุขภาพแก่ทุกๆ คนที่มา (จะมาช่วยทำอาหารหรือจะมาแค่กินอย่างเดียวก็ได้นะ ฉันไปลองมาแล้วล่ะ
อร่อยจริงๆ)
ก่อนกลับจากสวน ฉันบอกลาทุกๆ คน คุณลุงคนแรกที่ฉันเจอตอนเข้ามารีบเดินเอาหัวแรดิชที่เก็บได้กำใหญ่มายัดใส่มือฉัน
พร้อมบอกว่าเอาไปกินนะ ล้างแล้วกินได้เลย
นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่มาอยู่ที่กลาสโกว์ที่เด็กต่างบ้านต่างเมืองอย่างฉันรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก
ฉันบอกกับตัวเองว่าถ้าอยากจะทำความรู้จักกับเมืองที่เราอยู่อย่างแท้จริง
สิ่งที่ง่ายที่สุดคือเราต้องเข้าไปสนิทสนมกับคนที่นั่น ระหว่างเดินทางกลับบ้าน
อยู่ๆ ฉันก็ยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว ถึงจะเป็นทางเดิมที่เดินทุกๆ วัน แต่วันนี้ฉันกลับรู้สึกมีความสุข
ฉันหันหลังจากสวนไปพร้อมสัญญาในใจว่าจะกลับมาที่สวนนี้อีกครั้งอย่างแน่นอน
Woodlands Community Garden
Address: 91-101 West Princes St, Glasgow G4 9BY
Hours: สามารถเข้าไปเยียมเยียนที่สวนได้ตลอด
แต่ถ้าสนใจเป็นอาสาสมัครให้ไปวันพุธและวันอาทิตย์ ช่วง 13:00 – 16:00 น.
How to get there: เดินจาก City Centre ประมาณ
15 นาที
Maps