เมื่อหลายประเทศเริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวกลับมาเดินทางได้อีกครั้ง หนึ่งในหมุดหมายปลายทางยอดนิยมของคนไทยก็คงไม่พ้นไต้หวัน ประเทศที่ครบเครื่องทั้งเรื่องกิน เที่ยว และช้อป
หากพูดถึงไต้หวัน เมืองที่คนไทยส่วนใหญ่นิยมไปเที่ยวบ่อยๆ คงมีเพียงไม่กี่เมืองเท่านั้น แต่ไต้หวันยังมีเมืองอีกมากมายที่ไม่ค่อยถูกพูดถึง หนึ่งในนั้นคือเมืองเจียอี้ ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่าเป็นแค่เมืองทางผ่าน แต่ความจริงแล้วเมืองนี้ยังมีสถานที่เที่ยวและกิจกรรมน่าสนใจที่หลายคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อน
อธิบายอย่างคร่าวๆ เมืองเจียอี้ (Chiayi) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของไต้หวัน สถานที่ท่องเที่ยงส่วนใหญ่มีความเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ ในทุกที่ของเมืองจะพบเห็นวัฒนธรรมสมัยใหม่ของชาวญี่ปุ่นและไต้หวัน นอกจากนี้ยังมีเทศกาลใหญ่ประจำปีที่ใครหลายๆ คนต่างรอคอย นั่นคือเทศกาลดนตรีนานาชาติเมืองเจียอี้
การเดินทางไปเทศกาลวงดนตรีนานาชาติที่เมืองเจียอี้ น่าจะเป็นหนึ่งในลิสต์ของชาวไต้หวันและสายดนตรีทั่วโลก หลายๆ คนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าถ้าได้ไปดูพร้อมกับคนที่มีแพสชั่นในดนตรีเหมือนๆ กัน การเดินทางครั้งนั้นก็น่าจะพิเศษขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
เทศกาลวงดนตรีนานาชาติเมืองเจียอี้ หรือ Chiayi City lnternational Band Festival เป็นเทศกาลที่รวมการแสดงจากหลากหลายท้องถิ่นของไต้หวัน และเป็นแหล่งรวมผู้คนที่ชื่นชอบในเสียงดนตรีนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็น วงดนตรีเครื่องเป่า, วงซิมโฟนีออร์เคสตรา, วงดนตรีแจ๊ซ และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งงานนี้มักจัดขึ้นช่วงปลายปีของทุกๆ ปี ในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เรามีโอกาสได้เดินทางไปสัมผัสประการณ์ของเทศกาลนี้ที่ไต้หวันด้วยตัวเอง ทำให้เราเข้าใจแล้วว่าทำไมชาวไต้หวันถึงได้ตั้งหน้าตั้งตารอคอยเทศกาลนี้ในทุกๆ ปี มันยิ่งใหญ่และมีความหมายกับพวกเขามากขนาดไหน
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1993 จุดเริ่มต้นของเทศกาลนี้เกิดขึ้นจากงานดนตรีเล็กๆ ที่เปิดโอกาสให้วงดนตรีท้องถิ่นได้มีการแสดงร่วมกัน จนกระทั่งปี 1997 หลังรัฐบาลเมืองเจียอี้เชิญวงดนตรีจากประเทศต่างๆ มาร่วมงาน ทำให้มีศิลปินระดับโลกเข้าร่วมมากมาย จากนั้นก็ค่อยๆ พัฒนากลายมาเป็นงานดนตรีนานาชาติ จนได้ชื่อว่าเป็นงานที่ยิ่งใหญ่งานหนึ่งของเมืองเจียอี้ เพราะไม่เพียงแต่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและดึงดูดนักท่องเที่ยว แต่ยังเป็นเหมือน soft power ที่ส่งผ่านวัฒนธรรมของเมืองเจียอี้ให้คนต่างชาติได้รู้จักมากขึ้นอีกด้วย
หนึ่งไฮไลต์สำคัญที่ชาวเจียอี้รอคอยก็คือ การแสดงวงออร์เคสตราท้องถิ่น หรือ Chia-Yi Wind Orchestra (CYWO) วงดนตรีเครื่องเป่าที่เป็นเหมือนเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของเมือง เพราะมีการจัดตั้งโรงเรียนสอนดนตรีมาอย่างยาวนาน ส่งเสริมนักเรียนดนตรีให้ได้รับประสบการณ์แลกเปลี่ยนในต่างประเทศ จนในที่สุดก็มีนักดนตรีที่ได้สร้างชื่อเสียงให้เมืองมากมาย
สำหรับปี 2022 นี้มีวงโยธวาทิตจากโรงเรียนและมหาวิทยาลัยในไต้หวันและวงดนตรีนานาชาติจากญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ยูเครน แอฟริกา และเยอรมนี มาร่วมแสดงในงานด้วย น่าเสียดายที่ปีนี้มีประเทศที่มาเข้าร่วมไม่เยอะเท่ากับปีที่ผ่านๆ มา หนึ่งในนั้นคือทีมจากประเทศไทย เพราะสถานการณ์โควิดและไต้หวันที่เพิ่งเปิดประเทศได้ไม่นาน ด้วยเวลาที่กระชั้นชิดจึงทำให้หลายๆ ประเทศไม่สามารถเข้าร่วมได้
เมื่อถึงวันงานฝนฟ้าอากาศก็ไม่อำนวยสักเท่าไหร่เพราะพายุจ่อจะเข้าให้ใจหายเล่นตลอด ทำเอาผู้เข้าร่วมงานต้องลุ้นกันสุดตัวว่าจะมาเสียเที่ยวรึเปล่า เพราะมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่พิธีเปิดขบวนพาเหรดอาจจะถูกยกเลิกและเลื่อนไปวันอื่นแทน แต่โชคดีที่ฝนหยุดตกหนักก่อนงานจะเริ่มเพียงไม่กี่ชั่วโมง จึงทำให้พิธีเปิดยังคงสามารถดำเนินต่อไปได้
เวทีหลักและจุดเริ่มต้นขบวนพาเหรดในปีนี้ ตั้งอยู่บริเวณวงเวียนน้ำพุบนถนนจงซาน บริเวณจุดนี้มีความพิเศษสองอย่างหลักๆ หนึ่งคือ น้ำพุแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณใจกลางวัฒนธรรมและธุรกิจของเมืองเจียอี้ และยังเป็นสัญลักษณ์ที่ระลึกถึงประวัติศาสตร์ระบอบประชาธิปไตยของชาวไต้หวัน สองคือ รูปปั้นของบุคคลที่กำลังขว้างลูกเบสบอลตั้งเด่นอยู่บนบริเวณน้ำพุ เราสงสัยว่าเขาคือใครกัน และได้คำตอบว่าเขาคือ อู๋ หมิงเจี๋ย (Wu Ming-chieh) นักเบสบอลชาวไต้หวัน ผู้เล่นตำแหน่งพิทเชอร์จากทีมเบสบอล Kano ที่มีชื่อเสียงอย่างมากของไต้หวันนั่นเอง
ทุกมุมเมืองเจียอี้เต็มไปด้วยป้ายต้อนรับเข้าเทศกาลอย่างเรียบง่าย Chiayi City lnternational Band Festival 2022 ในปีที่ครบรอบ 30 ปีบริบูรณ์ ทันทีที่เราก้าวเข้ามาบริเวณโซนจัดงาน บรรยากาศเต็มไปด้วยสีสันสดใส เสียงดนตรีอึกทึกครึกครื้นก็ปรากฏให้เห็น ผู้คนมากมายต่างมายืนรอคอยดูชมขบวนพาเหรดในครั้งนี้
เฉิน ซูฮุ่ย–รักษาการรองผู้ว่าฯ เมืองเจียอี้ เล่าว่า “ก่อนหน้านี้เมืองเจียอี้เป็นเมืองศูนย์กลางแห่งศิลปศาสตร์ของไต้หวัน ทางรัฐบาลเมืองเจียอี้จึงได้ริเริ่มจัดงานส่งเสริมเทศกาลดนตรีขึ้นมา โดยในปี 2011 ได้สมัครเข้าร่วมสมาพันธ์ดนตรีระดับโลก (WASBE) นับตั้งแต่นั้นมาพวกเรามีความคิดว่างานดนตรีนี้ทำให้การเรียนการสอนในด้านดนตรีของเจียอี้เป็นที่ประจักษ์ ดนตรีทำให้เจียอี้ครึกครื้น มีชีวิตชีวามากขึ้น
“ตลอดระยะเวลา 3 ทศวรรษที่ผ่านมา พวกเราได้ปลูกฝังในด้านการเรียนการสอนดนตรี อีกทั้งยังมีผลงานมากมายอันเป็นที่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นทุกปีพวกเราจะอาศัยการจัดเทศกาลดนตรีนี้เหมือนเป็นสะพานสร้างเสริมมิตรภาพกับผู้ที่สนใจในดนตรีทั่วโลก
“เมืองเจียอี้แห่งนี้ครึกครื้นเพราะดนตรี ยิ่งใหญ่ก็เพราะดนตรี”
เมื่อพิธีเปิดงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เสียงพลุและเพลงดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เป็นสัญญาณของการเริ่มเดินขบวน โดยจุดหมายปลายทางครั้งนี้อยู่ที่สนามกีฬาประจำเมืองเจียอี้ ทั้งหมดนี้เป็นระยะทางประมาณ 2-3 กิโลเมตร สองข้างทางเต็มไปด้วยผู้คนที่มารอชมขบวนพาเหรดของวงดนตรีและวงโยธวาทิตเป็นจำนวนกว่า 40 วง
ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำลงมา ทำให้สภาพอากาศในตอนนั้นอุณหภูมิลดลงถึง 12 องศา แต่ความหนาวก็ไม่สามารถทำลายความตั้งใจของเหล่าผู้ชมได้เลยแม้แต่น้อย ทั้งเด็กเล็กใหญ่ผู้สูงอายุ คู่รักหนุ่มสาว ครอบครัวชาวไต้หวัน แก๊งวัยรุ่น รวมถึงชาวต่างชาติขาแดนซ์มากมาย ทั้งหมดต่างตบเท้าเข้าจังหวะสนุกสุดเหวี่ยงคล้อยตามบรรยากาศครึกครื้นจนลืมหนาวกันไปเลย โดยส่วนมากทุกคนจะมีพร็อพติดตัวคือร่มและชุดกันฝน ยิ่งทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยสีสันละลานตามากขึ้นกว่าเดิมเท่าตัว
นอกจากขบวนพาเหรดแล้ว ตลอดเวลา 17 วันของเทศกาลวงดนตรีนานาชาติจะมีไลน์อัพที่แตกต่างกันไป เพราะยังมีการแสดงคอนเสิร์ตจากวงดนตรีท้องถิ่นและวงดนตรีต่างประเทศใน Chiayi City Concert Hall จากวงออร์เคสตรา วงดนตรีแจ๊ซ และอื่นๆ ให้ได้ชมกันอีกมากมาย แต่น่าเสียดายที่เราต้องกลับก่อนก็เลยไม่ได้อยู่เข้าร่วมงานของวันถัดๆ ไป
ด้วยความที่งานนี้ได้รวบรวมวงดนตรีจากทั่วทุกมุมโลก ทำให้มีความแตกต่างจากงานอื่นตรงที่เราได้ฟังดนตรีแปลกๆ ใหม่ๆ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ยิ่งไปกว่านั้นงานนี้ยังเหมือนเป็นพื้นที่ให้ทุกคนสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้และวัฒนธรรมซึ่งกันและกันผ่านเสียงดนตรี
สิ่งที่เราประทับใจที่สุดของงานนี้คือ สปิริตและความตั้งใจของผู้คนที่มาเข้าร่วม ไม่ว่าจะเป็นนักดนตรี หรือนักเรียนนักศึกษาทุกช่วงวัยที่เดินพาเหรดท่ามกลางอากาศหนาวเย็น แถมยังต้องเล่นเครื่องดนตรีและทำการแสดงไปด้วยเป็นเวลาหลายชั่วโมง รวมถึงทีมงานต่างๆ ที่มีการจัดการที่ดีทำให้รู้สึกว่าสภาพอากาศไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับพวกเขา นอกจากนั้นคือภาพของครอบครัวที่พาลูกตัวเล็กๆ มางานนี้ด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข ทำเอาบรรยากาศที่หนาวๆ อบอุ่นไปเลย เห็นแล้วยิ่งทำให้รู้สึกหลงรักเมืองนี้มากขึ้นไปอีก
หากใครมีโอกาสไปไต้หวันเราก็แนะนำให้ลองไปเทศกาลนี้ โดยเฉพาะใครที่ชื่นชอบในเสียงดนตรีก็ควรได้ไปเยือนสักครั้ง เป็นหนึ่งใน a must ของเทศกาลที่ห้ามพลาดเลย
>ภาพ: อัญชิสา เรืองโรจน์