“พระเจ้าเจมส์ที่ 1 มักคิดว่าอำนาจกษัตริย์ต้องอยู่เหนือสภา แต่คนอังกฤษรับไม่ได้เพราะขัดกับความคิดที่ว่าอังกฤษมีรัฐสภา และรัฐธรรมนูญกำหนดว่ากษัตริย์ต้องทำตามรัฐธรรมนูญ ทำตามมติสภา”
เรื่องเริ่มจากว่าในยุคควีนเอลิซาเบธที่ 1 ซึ่งนับถือคริสต์นิกายโปรเตสแตนท์ไม่มีทายาทสืบต่อราชวงศ์ จึงต้องดึงเหล่าหลานชายซึ่งเป็นเจ้าชายจากราชวงศ์สจวร์ตของสกอตแลนด์มาขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อจากพระองค์
ปัญหาคือราชวงศ์สจวร์ตนับถือคาทอลิกและเชื่อว่ากษัตริย์คือพระเจ้าผู้มีอำนาจอยู่เหนือสภา จึงเกิดข้อขัดแย้งกับสภาอังกฤษที่เชื่อว่ากษัตริย์ต้องอยู่ใต้รัฐธรรมนูญ แม้เจ้าชายบางคนจะยอมเปลี่ยนเป็นโปรเตสแตนท์อยู่บ้าง แต่พอมีคนที่อยากเป็นคาทอลิกต่อไปก็ทำให้เกิดความขัดแย้งจนเกิดสงครามกลางเมืองมาแล้ว
กระทั่งยุคพระเจ้าเจมส์ที่ 2 ที่ประชาชนไม่พอใจขั้นรุนแรง ขุนนางอังกฤษจึงต้องส่งจดหมายไปหาเจ้าหญิงแมรี่ของอังกฤษที่ไปสมรสกับเจ้าชายวิลเลี่ยมที่ 3 แห่งราชวงศ์ออเรนจ์ ประเทศเนเธอร์แลนด์ให้มายึดอังกฤษ แล้วกำจัดพระเจ้าเจมส์ที่ 2 ออกไปเสีย!
‘การปฏิวัติอันรุ่งโรจน์’ จึงเกิดขึ้น ซึ่งต่อมามี ‘เพชรสีน้ำเงิน’ เป็นสัญลักษณ์และตัวแทนความร่วมมือของสองประเทศที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน
แต่สงสัยไหมว่าทำไมคนอังกฤษถึงเรียกว่าการปฏิวัติอันรุ่งโรจน์ ทั้งๆ ที่เป็นการประกาศสงครามระหว่างประเทศ และเพชรสีน้ำเงินกลายมาเป็นตัวแทนความร่วมมือของสองประเทศได้ยังไง เตย–มนสิชา รุ่งชวาลนนท์ และ ยุ้ย–กนกพรรณ อรรัตนสกุล แห่งพื้นที่ให้เล่าจะมาชวนเม้าถึงประวัติศาสตร์เรื่องนี้ในพ็อดแคสต์รายการ อดีต | ของ | ปัจจุบัน EP.05