ทำยังไงให้บ้านของเรามีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

Highlights

  • การพัฒนาเมืองที่ครอบคลุมไปทุกย่าน ทำให้คนรุ่นใหม่เริ่มมองหาทำเลทองในย่านชานเมืองที่สามารถต่อยอดมูลค่าและคุณภาพชีวิตของพวกเขาได้ดีกว่าการอาศัยอยู่ในเมืองที่การพัฒนาเต็มขีดจำกัด
  • Peter Abualzolof ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Mashvisor บริษัทที่วิเคราะห์การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา กล่าวว่ามีหลายปัจจัยที่จะทำให้บ้านมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยคีย์เวิร์ดสำคัญคือ location หรือทำเล
  • ทำเลที่ดีควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีระบบขนส่งสาธารณะเชื่อมโยงกับส่วนต่างๆ ของเมืองอย่างครอบคลุม และมีสถานที่ตอบโจทย์ชีวิตอย่างโรงเรียน โรงพยาบาล ตลาด ห้างสรรพสินค้า อยู่ในระยะที่ไม่ต้องขับรถข้ามเมืองเพื่อไปทำธุระให้เสร็จ
  • ย่านปิ่นเกล้า-จรัญสนิทวงศ์ ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลทองของกรุงเทพฯ ในตอนนี้ที่เดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองได้สะดวกด้วยทางด่วน และกำลังจะมีรถไฟฟ้า 2 สายตัดผ่านในปี 2563 ที่จะทำให้มูลค่าของทำเลนี้เพิ่มขึ้นอีก

รู้ไหมว่า บ้านที่เรากลับไปนอน ใช้เวลาพักผ่อนอยู่ทุกวันๆ สามารถมีมูลค่าเพิ่มขึ้นได้

เทรนด์ของการพัฒนาเมืองทั่วโลกตอนนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่ในย่านใจกลางเมืองที่เราคุ้นเคยอีกต่อไป แต่เมืองยังขยายตัวออกไปสู่ชานเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะที่ครอบคลุมไปทั่วทุกพื้นที่ของกรุงเทพฯ เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ดี และเป็นเหตุผลที่เชื้อเชิญให้คนรุ่นใหม่ที่มองหาที่อยู่อาศัยของตัวเองเริ่มมองหา ‘ทำเลทอง’ ที่จะต่อยอดมูลค่าและคุณภาพชีวิตของพวกเขาได้ดีกว่า

ทำเลชานเมืองที่เขยิบออกไปจากใจกลางเมืองเล็กน้อย แต่แลกมาด้วยพื้นที่ที่กว้างขวางขึ้น ความเงียบสงบ แถมยังมีราคาไม่แพงเท่าย่านที่ถูกพัฒนาจนเต็มพิกัดแล้ว กำลังจะกลายเป็นทำเลทองที่ต้องจับตามอง (และรีบจับจอง) เพราะว่าในอนาคต พื้นที่เหล่านี้กำลังจะแสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมาให้เห็น

Peter Abualzolof ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Mashvisor บริษัทที่วิเคราะห์การลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐอเมริกา เคยให้คำตอบไว้ว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่จะทำให้บ้าน (ซึ่งใครหลายคนก็ลงทุนกับสิ่งนี้เป็นสินทรัพย์ที่หวังกำไร) มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนั่นก็คือ ‘Location, Location, Location’

‘ทำเล (location)’ คือปัจจัยสำคัญที่จะบอกว่าบ้านของเราจะได้ไปต่อหรือต้องรอจังหวะอีกนิด ทำเลยังเชื่อมโยงอย่างแยกไม่ออกกับ ‘ที่ดิน (land)’ ที่จะมีมูลค่าสูงขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ยิ่งที่ดินละแวกนั้นมีสิ่งปลูกสร้างมากขึ้น พื้นที่ว่างที่จำกัดก็ย่อมมีราคาสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำเลยังเป็นสิ่งที่ผูกติดกับบ้านเราไว้ คิดง่ายๆ ว่าหากบ้านเราเสื่อมโทรมก็ยังรีโนเวตให้สวยขึ้นได้ แต่เราไม่สามารถย้ายบ้านของเราไปตั้งในทำเลทองอื่นๆ ได้นั่นเอง

ทำเลที่ดีควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีระบบขนส่งสาธารณะเชื่อมโยงกับส่วนต่างๆ ของเมืองอย่างครอบคลุม และมีสถานที่ตอบโจทย์ชีวิตอย่าง โรงเรียน โรงพยาบาล ตลาด ห้างสรรพสินค้า อยู่ในระยะที่ไม่ต้องขับรถข้ามเมืองเพื่อไปทำธุระให้เสร็จ

‘โครงสร้างทางกายภาพ (the physical structure)’ ของบ้านก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ลองเทียบกันระหว่างบ้านในทำเลเดียวกัน โดยทั่วไปแล้วบ้านทาวน์โฮมที่มีราคาย่อมเยากว่าย่อมทำกำไรและเพิ่มมูลค่าให้เจ้าของได้มากกว่าในอนาคต แถมยุคสมัยนี้ การเลือกซื้อบ้านทาวน์โฮมในโครงการที่มีพื้นที่ส่วนกลางให้ใช้ร่วมกันก็เหมาะสมกับครอบครัวของคนรุ่นใหม่ที่ไม่ได้อยู่เป็นครอบครัวใหญ่มากกว่า

การเลือกซื้อบ้านกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ (real estate property) ที่มีความน่าเชื่อถือ มีแผนการพัฒนาในอนาคตที่น่าสนใจก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยบอกได้ว่าบ้านที่เราซื้อเพื่ออยู่อาศัยนั้นจะได้คุณภาพอย่างที่โครงการโฆษณาไว้จริงๆ และยังรับประกันได้หากเราจะขายต่อในอนาคต การศึกษาว่าทำเลไหนที่รัฐบาลหรือโครงการอสังหาริมทรัพย์มีแผนจะลงทุนการพัฒนาก็ช่วยทำให้มั่นใจว่าบ้านของเราจะมีมูลค่าเพิ่มในอนาคต

ย่านปิ่นเกล้า-จรัญสนิทวงศ์ ถือเป็นอีกหนึ่งทำเลทองอันดับต้นๆ ของกรุงเทพฯ ในตอนนี้ ด้วยที่ตั้งของย่านที่ถึงจะอยู่ฝั่งธนบุรี แต่ก็สามารถขับรถเข้าเมืองมาอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิหรือหมอชิตได้ง่ายๆ แค่ขึ้นทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอก หรือถ้าใครชอบบรรยากาศของเมืองเก่าย่านพระนคร แค่ข้ามสะพานปิ่นเกล้ามาก็ถึงแล้ว ยิ่งในปี 2563 รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (บางซื่อ-ท่าพระ) ก็จะพร้อมเปิดให้บริการ และการมาถึงของรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) ที่จะตัดผ่านในย่านนี้ก็ยิ่งทำให้มูลค่าของทำเลนี้เพิ่มขึ้นอีก

ถ้าใครยังติดภาพว่าปิ่นเกล้า-จรัญสนิทวงศ์เป็นย่านชานเมืองที่ถ้าย้ายไปอยู่คงจะเงียบเหงา เราอยากบอกว่าต้องปรับความเข้าใจใหม่ เพราะย่านนี้มีทั้งห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ที่เพิ่งรีโนเวตโฉมใหม่ไปไม่นาน คอมมิวนิตี้มอลล์ เดอะ เซนส์ ปิ่นเกล้า รวมถึงช่างชุ่ย อาณาจักรศิลปะรวมตัวคนฮิปที่เดินทางมาได้ง่ายมากๆ และใกล้กับสถานที่ต่างๆ อย่างตลาดศรีย่าน โรงเรียนเซนต์คาเบรียล โรงเรียนโยธินบูรณะ โรงพยาบาลยันฮี หรือการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ที่ไม่ว่าสมาชิกในบ้านจะเดินทางไปเรียนหรือทำงานก็สะดวก

และหนึ่งโครงการบ้านน่าจับตามองที่รับรองว่าจะมีมูลค่าสูงขึ้นในอนาคตแน่นอนก็คือ ‘บ้านกลางเมือง THE ERA ปิ่นเกล้า-จรัญฯ’ โครงการบ้านไฮเอนด์ทาวน์โฮม 3 ชั้นบนทำเลทองติดถนนใหญ่ ใกล้ทางด่วนและสถานีรถไฟฟ้า ด้วยดีไซน์เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความหรูหราและพิถีพิถันในการออกแบบพื้นที่ใช้สอย

แบบบ้านในโครงการนี้ใช้โมเดลใหม่ Terraria ที่จัดสรรพื้นที่ไว้ลงตัวและยังใส่ใจเรื่องพื้นที่สีเขียวสมกับแนวคิด ‘Terraria is kind of nature’ ทั้งการออกแบบให้พื้นที่ชั้น 3 ทั้งชั้นเป็น ‘Penthouse Master Bedroom’ การแบ่งพื้นที่มุมเล็กๆ บนระเบียงชั้น 2 และชั้น 3 ให้เป็น ‘Pocket Garden’ สำหรับปลูกต้นไม้ เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้ในบ้านและเป็นพื้นที่ให้ออกไปสูดอากาศได้ไม่อึดอัด สามารถนำต้นไม้ขนาดเล็กมาปลูกไว้เพิ่มพื้นที่สีเขียวในตัวอาคารให้เชื่อมต่อกับพื้นที่สีเขียวด้านนอก อีกหนึ่งไฮไลต์ของโมเดลนี้คือ Flexible Wall กำแพงแบบพิเศษที่รองรับการปรับเปลี่ยนและขยับขยายในอนาคตตามไลฟ์สไตล์ของเจ้าของแต่ละคน โดยไม่กระทบกับโครงสร้างหลักของตัวบ้าน

ใครอยากเป็นเจ้าของโครงการใหม่บนทำเลทวีค่า “บ้านกลางเมือง THE ERA (ดิ เอร่า) ปิ่นเกล้า-จรัญฯ” BEYOND LEGENDARY LIFE ส่งต่อคุณค่าวันนี้เพื่ออนาคต ใช้ชีวิตได้เต็มที่บนที่สุดของทำเล ติดถนนใหญ่ ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วน และรถไฟฟ้าถึง 3 สาย เริ่ม 5.69 ล้าน* เปิด Pre-sale พร้อมกันวันที่ 29-30 กันยายนนี้ ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลและส่วนลด 50,000 บาท* ได้ที่ https://bit.ly/2BhfNGN หรือโทร.1623


อ้างอิง

quora.com

thebalance.com

baania.com

AUTHOR

ILLUSTRATOR

ฟาน.ปีติ

ปีติชา คงฤทธิ์ นักออกแบบภาพประกอบประจำนิตยสาร a day งานอดิเรกคือการทำอาหารคลีน, วิ่ง และต่อกันพลา