กรีดแผลในอดีตเพื่อตั้งคำถามกับการมีชีวิตอยู่ผ่านหนังเรื่อง HOMESTAY

*บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์ แต่ไม่กระทบกับเนื้อเรื่องหลัก*

คุณเคยคิดหรือเคยลองฆ่าตัวตายไหม

ถ้าคุณอ่านบทความนี้อยู่ เรายินดีด้วย

เพราะคุณยังไม่ตาย คุณรอดมาได้

ณ ปัจจุบันขณะ คุณยังอยู่ตรงนี้ เราเองก็ยังอยู่ตรงนี้ ดำรงอยู่พร้อมกับบาดแผลและการแตกสลายในอดีต ยิ่งเวลาผ่าน เราอาจจะเริ่มรู้สึกว่าร่องรอยเหล่านั้นค่อยๆ จาง แผลจากความเจ็บปวดเริ่มหายสนิท

เชื่อเถอะว่าไม่ใช่เลย

เพราะหลังจาก 2 ชั่วโมงของภาพยนตร์เรื่อง HOMESTAY เราถึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วแผลมันไม่เคยหายสนิท

และมันจะไม่มีทางหายไปไหนอีกแล้ว

Homestay

HOMESTAY เป็นภาพยนตร์ที่ถูกดัดแปลงมาจากนิยายเรื่อง Colorful ของนักเขียนชาวญี่ปุ่นโมริ อิโตะ มันว่าด้วยเรื่องของวิญญานเร่ร่อนที่ได้รับโอกาสมาอาศัยร่าง (หรือที่ในหนังเรียกว่า HOMESTAY)  ของเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ตายไปแล้วจากการฆ่าตัวตาย การฟื้นขึ้นมาของเด็กหนุ่มภายใต้วิญญานดวงนี้ทำให้เขาต้องชดเชยรางวัลที่ได้รับด้วยการหาความจริงว่าเด็กหนุ่มเจ้าของร่างนี้ฆ่าตัวตายเพราะใคร

Homestay

ในฐานะของคนดูที่เป็นปุถุชนธรรมดาที่เจ็บปวด พูดอย่างตรงไปตรงมาว่าหนังเรื่องนี้ทำงานกับด้านเปราะบางของมนุษย์มากเหลือเกิน หรืออาจพูดได้ว่า HOMESTAY เกี่ยวพันกับชีวิตที่แสนอ่อนแอของเราทุกคนจนน่าตกใจ ประเด็นการฆ่าตัวตายที่ถูกนำมาตั้งคำถามและถ่ายทอดผ่านเรื่องราวของ HOMESTAY เหมือนกับมีดคมๆ ที่กรีดรอยแผลในอดีตของคนให้เจ็บขึ้นมาใหม่ หลายๆ คำถามที่หนังค่อยๆ หย่อนใส่ลงมาเป็นเหมือนมีดที่ค่อยๆ กรีดซ้ำ เราเริ่มเจ็บและจุกแต่ในทางกลับกันก็เริ่มอินกับมัน รู้ตัวอีกทีเราก็เชื่อมโยงกับเรื่องราวของ HOMESTAY จนแยกไม่ออก

Homestay

เวลาคนที่จะคิดฆ่าตัวตาย เราจะรู้สึกได้ว่าในหัวมีอะไรวิ่งวนอยู่มั่วไปหมด เหตุการณ์อะไรก็ตามรอบตัวที่มากระทบจิตใจจะคอยฉุดรั้งตัวเราให้ตกลงไปสู่ก้นเหวครั้งแล้วครั้งเล่า ใจที่เปราะบางจะแหลกสลายไม่มีชิ้นดี ความรู้สึกและความคิดรัดพันกันจนเหมือนเชือกที่ไม่มีทางแก้ สมองเอาแต่ตะโกนคำถามออกมาด้วยคำหยาบคายและตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงก่นด่าและตรรกะที่บิดเบี้ยว ความคิดแบบนี้เกิดขึ้นตลอดเวลาจนหัวแทบจะระเบิด ในท้ายที่สุดมันก็ส่งผลกระทบต่อเหตุผลในการมีชีวิต

Homestay

ดังนั้นสำหรับเรา คนที่คิดฆ่าตัวตายไม่ใช่ ‘คนคิดสั้น’ แบบที่ใครหลายคนว่า ไม่เลย ทุกคนที่ผ่านประสบการณ์นั้นล้วนคิดมาอย่างยาวนานและเดินผ่านตัวตนที่ผุพังมาไม่รู้กี่หนต่อกี่หน ความคิดและทุกสิ่งที่มากระทบผลักให้เราเดินไปสู่อีกปลายทางที่เป็นหลุมเหว เราอาจเลือกจบชีวิตตัวเองเพราะคิดว่าทางเส้นนี้คงเป็นทางที่ดีที่สุดแล้ว

และสิ่งที่ HOMESTAY ทำ คือการพาเราย้อนกลับไปสู่ความคิดยุ่งเหยิงที่กล่าวมาทั้งหมด เพื่อให้เราได้ลองพิจารณามันอีกครั้ง

Homestay

ถ้าอธิบายอย่างละเอียด HOMESTAY กรีดแผลแรกด้วยปมง่ายๆ ด้วยคำถามที่ว่า ‘อะไรทำให้มึงคิดฆ่าตัวตาย’ มันเริ่มจากคำถามง่ายๆ แค่นั้น แต่มันกลับพาเรากลับเข้าไปสำรวจจิตใจของคนที่คิดอย่างนั้นได้จริงๆ หนังโยนโจทย์นี้ใส่ตัวละครที่เกี่ยวข้องกับเด็กหนุ่มทุกตัวละคร ไม่ว่าจะพ่อ แม่ พี่ชาย คนรัก เพื่อนสนิท รวมถึงพวกเราที่เป็นคนดูเอง หนังพาเราไปเห็นทุกพฤติกรรมของคนที่มีผลต่อหัวใจอันบอบบางของมนุษย์ แต่ละมวลอารมณ์ที่หนังค่อยๆ ก้าวไปทำให้เราหดหู่ แต่นิ่งคิดและลุ้นระทึกไปพร้อมกับเรื่องราวจนมาถึงกับจุดไคลแมกซ์ที่เป็นการลงมีดครั้งสุดท้ายให้เราร้องตะโกนออกมาสุดเสียงในใจด้วยความเจ็บปวดก่อนที่ไฟในโรงจะดับลง

ทิ้งไว้เพียงผู้ชมที่ยังคงรู้สึกบางอย่าง

Homestay

ในความมืดนั้น เรารู้สึกว่าด้านมืดของทุกคนสามารถเชื่อมโยงกับตัวละครเด็กหนุ่มใน HOMESTAY ได้อย่างง่ายดาย บางถ้อยคำของตัวละครราวกับถูกพูดออกมาจากปากคนที่เคยคิดฆ่าตัวตายในความเป็นจริง มันช่างอ่อนแอ ไร้เดียงสา และเปราะบาง แต่เมื่อมาคิดดู เราคิดว่าคงมีผู้ชมจำนวนไม่น้อยที่รู้สึกว่าตัวเองมีความคิดคล้ายกับเด็กหนุ่มคนนี้ ในโลกที่ทุกอย่างเร่งรีบให้เราเข้มแข็ง มันยังมีคนที่วิ่งตามไม่ทันและเหนื่อยที่จะวิ่งต่อ ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตาม พวกเขาอยากหยุด และตอนนั้นเองที่พวกเขาเริ่มชี้นิ้วโทษคนอื่น พวกเขาเริ่มกล่าวโทษที่ทุกคนที่ไม่ให้ความรักเพื่อหาเหตุผลที่ตัวเองจะได้จากไป

ถ้าเราคิดให้ดีและดึงเปลือกทั้งหมดของ HOMESTAY ออก เราจะพบว่าหนังกำลังเดินไปหาคนอ่อนแอเหล่านั้นและถามคำถามเพื่อดึงสติของพวกเขากลับมา

“ถามจริงเถอะ อะไรทำให้มึงอยากฆ่าตัวตายนักวะ

เพราะโลกเหี้ยๆ ใบนี้น่ะเหรอ

หรือเพราะไอ้ครอบครัวที่ไม่เคยเข้าใจมึงเลย

หรือเพราะความรักที่ผิดหวังซ้ำซาก

หรือเพราะความไร้ค่าของมึง ที่ต่อให้มึงหายไปก็ไม่มีใครสน

หรือเพราะแม่งไม่มีเหตุผลอะไรอีกแล้ว… ที่ฉุดรั้งให้มึงอยากอยู่อีกต่อไป”

Homestay

แผลที่ถูกเปิดด้วยคำถามเหล่านี้อาจทำให้เราค้นพบความเจ็บปวดอีกครั้ง แต่เหนืออื่นใดหลังจากที่นั่งจมอยู่กับตัวเองสักพัก เราคิดว่าตะกอนที่เกิดขึ้นในใจจะทำให้คำตอบปรากฏ

“ก็เพราะไอ้ความเจ็บปวดเหล่านี้ไม่ใช่เหรอไง ที่ทำให้พวกเรายังคงรู้สึก ทำให้พวกเรามีชีวิต”

HOMESTAY ทำให้เรารู้ว่าการฆ่าตัวตายคือแผลที่เลวร้ายและไม่หายไปไหน อดีตไม่เคยเป็นแผลเป็นที่ไร้ความรู้สึก มันยังคงทำให้คนหม่นเศร้าได้ทุกครั้งเมื่อนึกถึง สิ่งนี้จะติดตัวเราไปเหมือนเงา ยามเมื่อเราหันไปเห็น มันจะกระโจนเข้ามาทำร้ายเราอย่างไม่มีทางสู้ แต่นั่นเองที่เป็นข้อดีของความเจ็บปวดในอดีต เพราะมันทำให้เราได้รู้ซึ้งว่าทุกวินาทีในปัจจุบันมันสำคัญ เรามีชีวิตอยู่ทุกวันนี้เพื่อจะมาพบว่าการมีชีวิตอยู่มันสำคัญและการเข้าใจตัวเองอย่างเท่าทันก็เป็นสิ่งจำเป็นเหลือเกินไม่ว่าจะกับใครก็ตาม

มีประโยคหนึ่งจากในหนังที่เรารู้สึกราวกับว่าโดนตบหน้า HOMESTAY บอกกับคนที่เอาแต่ชี้นิ้วกล่าวโทษด้วยคำสั้นๆ ง่ายๆ แต่สะเทือนไปถึงความรู้สึก

“มึงเลิกคิดว่าคนอื่นไม่รักมึงสักทีได้ไหมวะ”

Homestay

ประสบการณ์ 2 ชั่วโมงกับ HOMESTAY (หรืออีกหลายชั่วโมงที่ได้นิ่งคิดหลังจากนั้น) อาจทำให้เราหดหู่ แต่สิ่งหนึ่งที่เราอยากจะบอกก็คือ การถูกโบยตีทางความรู้สึกแบบนี้มันคุ้มค่า

HOMESTAY ตอกย้ำให้รู้ถึงความสำคัญว่าเรา ‘ยังคงอยู่’ กับ ‘ชีวิต’ แบบนี้ ชีวิตที่มาพร้อมเงื่อนไขเฮงซวยมากมายให้เรากล่าวโทษเพื่อยอมแพ้ เพียงแต่ลมหายใจและเวลาที่ผ่านไปก็อาจจะทำให้เราคิดได้มากขึ้น มันอาจทำให้เราตอบคำถามได้ว่าเหตุผลอะไรกันแน่ที่ยังคงทำให้เรายังอยากดำรงอยู่ ที่สำคัญคือการตระหนักได้ว่าการอยู่ใน HOMESTAY ร่างนี้ของพวกเราทุกคนก็คงไม่ใช่เรื่องแย่นักหรอก

อาจมีเหี้ยบ้าง แต่ก็ไม่แย่นัก

Homestay

นี่อาจไม่ใช่รีวิวหนังที่จะชวนคุณไปดูด้วยหลักการการวิเคราะห์ภาพยนตร์ แต่ในฐานะของคนดูที่เคยผ่านประสบการณ์คล้ายในหนัง เราอยากแนะนำให้คุณใช้เวลา 2 ชั่วโมงเพื่อถูกโบยตีจาก HOMESTAY ดูสักครั้ง

โลกที่ทุกอย่างช่างดูเปราะบาง HOMESTAY เหมือนกับค้อนที่มาทุบความคิดและความรู้สึกของเราให้ป่นปี้ แต่หนังก็ช่วยประกอบสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาใหม่ในเวลาไม่นาน และถึงแม้ว่าคุณจะไม่ใช่คนอ่อนแอ แต่เราก็เชื่อเหลือเกินว่าบางอย่างของ HOMESTAY จะทำให้คุณเข้าใจความอ่อนแอของใครหลายและชีวิตขึ้นมาได้บ้าง

“อะไรทำให้มึงอยากฆ่าตัวตายวะ”

และ “อะไรที่ทำให้มึงอยากมีชีวิต”

Homestay

ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก ติ๊ก… เข็มนาฬิกาจะหยุดเดินหรือไปต่อ

เราหวังว่าคุณจะตอบคำถามเหล่านี้ได้ว่าเพราะอะไร

 

AUTHOR