ดูประวัติศาสตร์คำสบถใน History of Swear Words แล้วหาที่มาของเหี้ยและอื่นๆ

Highlights

  • History of Swear Words คือสารคดีว่าด้วยคำสบถที่บรรยายโดย Nicolas Cage สามารถรับชมได้ในเน็ตฟลิกซ์
  • สารคดีพาเราลงลึกถึงที่มาของการใช้คำหยาบในภาษาอังกฤษอย่าง fuck, shit, bitch, dick, pussy และ damn แบ่งเป็นคำละตอน ตอนละ 20 นาที เล่าผ่านท่าทีที่สนุก กวนแต่เป็นมิตร จนรู้ตัวอีกทีก็ดูทั้ง 6 EP จบในเวลาอันรวดเร็ว

สารภาพว่าผมเผลอพูดคำสบถในใจเมื่อดู EP แรกของสารคดี History of Swear Words ในเน็ตฟลิกซ์จบแล้วกด next episode ต่ออย่างไม่ลังเล

รู้ตัวอีกทีทั้ง 6 EP ในซีซั่นแรกก็ผ่านตาผมหมดแล้ว

ทำไมสารคดีที่ว่าด้วยเรื่องคำหยาบและคำสบถในภาษาอังกฤษถึงสนุกขนาดนี้ แล้วคำหยาบเป็นสารคดีได้ด้วยเหรอ

ผมจะอธิบายให้ฟัง

History of Swear Words

พูดให้เข้าใจง่ายที่สุด นี่คือสารคดีที่ชวนเราทำความเข้าใจคำสบถในหลากหลายมิติ

ทำไมเราถึงสบถ แต่ละคำมีที่มายังไง เรามักใช้ตอนไหน และในหลากหลายวัฒนธรรมคำสบถถูกใช้ยังไงบ้าง–สารคดีค่อยๆ อธิบายคำตอบของคำถามเหล่านี้

บางคนอาจตั้งคำถามและเลิกคิ้วสงสัยว่าเรื่องแค่นี้เป็นสารคดีได้ด้วยเหรอ แต่ในความเป็นจริงแล้ว บ่อยครั้งไปที่เรื่องไม่เป็นเรื่องถูกนำมาตีแผ่แบบเนิร์ดๆ เพราะถ้าลองเข้าหมวด ‘สารคดี’ ในเน็ตฟลิกซ์จะพบว่ามีสารคดีอีกหลายเรื่องที่หยิบเอาเรื่องที่หลายคนมองข้ามมาค้นคว้าเจาะลึก ดังนั้นคุณภาพที่แท้จริงของสารคดีจึงวัดกันที่เนื้อในและการนำเสนอมากกว่า

พอมาคิดทบทวน ผมพบว่าเหตุผลนี้เองที่ทำให้ตัวเองกดดูสารคดีนี้เมื่อแรกเห็น เพราะนอกจากหัวข้อที่ค่อนข้างน่าสนใจแล้ว ตัวอย่างสารคดียังขายว่าผู้บรรยาย (narrator) ประจำสารคดีนี้คือ Nicolas Cage

History of Swear Words

ในฐานะเด็กคนหนึ่งที่เติบโตมากับหนังอย่าง The Rock, Con Air และ National Treasure การเห็นนิโคลัสมาบรรยายสารคดีว่าด้วยคำหยาบถือเป็นแรงดึงดูดชั้นดี แค่นึกหน้าเขาที่บรรยายและพูดคำว่า fuck! ก็มีความสุขแล้ว

และนั่นเองคือ EP แรกของ History of Swear Words ซึ่งเปิดมาโดยการจิกกัดตัวเองของนิโคลัส เขาทำเป็นเนียนๆ โดยการพูดว่า ‘ดาราคนที่สุ่มมานี้ใช้คำว่า fuck เยอะที่สุดถ้าเทียบกับคำหยาบทั้งหมด’ ก่อนที่หน้าจอจะปรากฏขึ้นมาว่าดาราคนที่สุ่มก็คือตัวเขาเอง และเขาก็ตะโกนคำว่า fuck! ใส่หน้าจอต่อเนื่องกัน 7 วินาที

จากนั้นสารคดีจึงเล่าถึงการใช้คำว่า fuck ในวงการบันเทิง โดยเปิดแบบสำรวจว่านักแสดงคนไหนในฮอลลีวูดที่ใช้คำว่า fuck มากที่สุดในจอภาพยนตร์ หลายคนต่างลงความเห็นว่าเป็น Samuel L. Jackson นักแสดงที่มักพูดคำว่า motherfucker จนเป็นสโลแกนติดตัว ก่อนที่สารคดีจะเฉลยว่าแท้จริงแล้วคือ Jonah Hill ต่างหาก เพราะแค่หนังเรื่อง The Wolf of Wall Street เรื่องเดียว เจ้าตัวก็ซัดคำว่า fuck ไปทั้งหมด 107 ครั้งเข้าไปแล้ว (คนอื่นเฉลี่ยเรื่องละ 50 ครั้งเท่านั้นเอง)

EP ต่อๆ มาของ History of Swear Words เล่าเรื่องคำว่า shit, bitch, dick, pussy และ damn ตามลำดับ โดยใช้รูปแบบการเล่าคล้ายๆ กันกับ EP แรกที่ผมยกตัวอย่างไป นั่นคือการเปิดด้วยนิโคลัสผู้ออกมาเกริ่นการใช้คำเหล่านั้นด้วยท่าทียียวนกวนประสาท ก่อนส่งต่อไปให้คนจากหลากหลายวงการแสดงความเห็น เช่น นักภาษาศาสตร์หรือนักวิชาการที่ทำงานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรง ให้พวกเขาเล่าให้ฟังว่าเหตุใดมนุษย์ถึงใช้คำหยาบแต่ละคำในการโจมตีฝ่ายตรงข้าม รวมถึงสำรวจความคิดเห็นของดารานักแสดงบางคนว่าคำหยาบมีผลต่ออาชีพการงานยังไง

History of Swear Words

“ผมคิดว่าคำเหล่านี้สำคัญมากนะ และสำคัญพอๆ กับที่เราต้องรู้ว่ามันมีที่มาจากอะไร” หนึ่งในผู้สร้างสารคดีอย่าง Bellamie Blackstone ให้สัมภาษณ์กับ newsweek.com 

ด้าน Brien Meagher โปรดิวเซอร์ของสารคดีเรื่องนี้บอกว่า “ผมเชื่อว่าเราสบถออกมาเพราะเหตุผลบางอย่าง เช่น คำเหล่านั้นอาจเป็นสิ่งที่ทดแทนใจคุณได้ดีที่สุด มันช่วยสื่อให้คนอื่นเข้าใจว่าตอนนี้คุณรู้สึกโกรธแค่ไหน เซ็งแค่ไหน หรือดีใจยังไง”

History of Swear Words

นี่เป็นตัวอย่างในการหยิบจับเอาแง่มุมต่างๆ ของคำหนึ่งคำมาเล่าอย่างรอบด้านโดยให้ทั้งความรู้และความสนุก เกร็ดสนุกๆ เกี่ยวกับคำสบถยังมีอีกมากที่รอให้ทุกคนลองไปเสพดู แต่เรื่องที่ผมอยากต่อยอดและเล่าในบทความนี้เพิ่มเติมคือ ถ้าสารคดีที่ว่าด้วยเรื่องนี้ถูกทำออกมาในเวอร์ชั่นภาษาไทยล่ะ เราจะเจอชุดข้อมูลอะไรบ้าง

ยกตัวอย่างเช่นคำสบถที่หลายคนมักพูดอย่าง เหี้ย ควย และเย็ดแม่

เหี้ย

ไม่ต้องเกริ่นก็พอรู้ว่าแท้จริงแล้ว ‘เหี้ย’ เป็นคำที่ใช้เรียกสัตว์เลื้อยคลานที่หลายคนใช้คำสุภาพเรียกว่า ‘ตัวเงินตัวทอง’ แต่เคยสงสัยไหมว่าทำไมเหี้ยถึงถูกใช้ในฐานะคำหยาบ ทำไมไม่ใช่ยุงหรือนกเป็ดน้ำ

ถ้าจะว่ากันถึงต้นเหตุที่แท้จริงแล้ว มีหลักฐานปรากฏว่าการนำคำว่า ‘เหี้ย’ มาใช้เป็นคำด่านั้นปรากฏขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 สาเหตุเพราะพฤติกรรมของเหี้ย (ที่เป็นสัตว์) มักแอบเข้าไปกินสัตว์เลี้ยงของชาวบ้าน หรือกินของเน่าที่สร้างความไม่สำราญแก่ผู้คนที่พบเห็น เหี้ยจึงค่อยๆ กลายเป็นสัตว์อัปมงคลจนกลายเป็นคำด่าที่ได้รับความนิยม เมื่อคำถูกใช้ในชีวิตประจำวันบ่อยๆ และยึดโยงกับการแสดงอารมณ์ที่รุนแรง ทำให้ในปัจจุบันเหี้ยยังมีสถานะเป็นคำขยายแบบเดียวกับคำว่า very ด้วย

ทุกอย่างเป็นเหี้ยได้หมด เช่น สนุกเหี้ยๆ แย่เหี้ยๆ หรือแม้กระทั่งเหี้ยเหี้ยๆ

 

ควย

ออกตัวก่อนว่าแท้จริงแล้วผมไม่สนับสนุนการเอาเครื่องเพศมาใช้เป็นคำด่าหรือสบถไม่ว่ากรณีใดๆ แต่เมื่อสำรวจตัวเอง เวลาที่อารมณ์ขึ้น ‘ควย’ เป็นคำด่าหยาบๆ ที่ผมมักเผลอสบถออกมาเป็นประจำ

ตามพจนานุกรมแล้ว ‘ควย’ หมายถึงอวัยวะเพศชาย เช่นเดียวกับคำว่าจู๋หรือเจี๊ยว แต่ถ้าเทียบดีกรีความหยาบ ‘ควย’ มักถูกใช้ในภาษาอีกระดับ ซึ่งที่มาของคำนี้มาจากเรื่องชนชั้นที่ในสมัยก่อนคำอย่าง ‘ควย’ หรือ ‘หี’ เป็นภาษาชาวบ้าน คนที่ถือตัวว่าอยู่ในชนชั้นสูงจึงมองคำนี้เป็นคำหยาบคายไปพร้อมๆ กับการพยายามแบ่งแยกว่าชาวบ้านอยู่คนละชนชั้นกับตน เช่นเดียวกับการแต่งตัว มารยาท หรือการปฏิบัติในอีกหลายๆ กรณี

 

เย็ดแม่

ว่ากันถึงความหมายแบบตรงตัว นี่ถือเป็นคำด่าที่ตรงกับคำในภาษาอังกฤษอย่าง motherfucker แต่การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ให้กำเนิดเริ่มกลายเป็นคำหยาบคายที่จุดไหนกัน

ถ้าจะอธิบายเรื่องนี้คงต้องย้อนกลับไปที่รากฐานของการด่ากันด้วยคำหยาบ คำหยาบมักเป็นการหยิบบางอย่างหรือบางกิริยาที่ผู้ด่ามองว่าเป็นเรื่องต่ำตมอย่างถึงที่สุดมาโจมตีฝ่ายตรงข้าม หลายครั้งคำด่าจึงโยงเข้ากับบุพการี เช่น ‘เย็ดแม่’ และ ‘พ่อมึงตาย’ นั่นเอง การด่าแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในวัฒนธรรมไทยแต่มีอยู่ในวัฒนธรรมอื่นๆ ทั่วโลกด้วย

 

คำด่าเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หมุนเปลี่ยนเวียนไปตามกาลเวลา ดังนั้นยังมีคำด่าอีกหลายคำในหลายภาษาที่รอให้เราค้นคว้าและหยิบมาเล่า เช่นเดียวกับ History of Swear Words ที่ถึงนาทีนี้แม้ยังไม่มีข่าวยืนยันว่าจะมีซีซั่นใหม่หรือไม่ แต่ถ้ามีผมก็มั่นใจได้ว่าพวกเขาจะทำได้อย่างสนุก (เหี้ยๆ) แน่นอน

AUTHOR