HEARTSTOPPER กราฟิกโนเวลที่ชวนสำรวจความไม่ง่ายของชีวิต LGBT+ วัยทีนผ่านลายเส้นสุดนุบนิบ

‘น่ารักกกกกก’ HEARTSTOPPER

น่าจะเป็นคำที่เราใช้เปลืองที่สุดตอนอ่าน HEARTSTOPPER กราฟิกโนเวลของ Alice Oseman นักเขียนและนักวาดชาวอังกฤษที่ขโมยใจนักอ่านด้วยลายเส้นสุดนุบนิบจนกลายเป็นหนังสือขายดี แถมเร็วๆ นี้กำลังจะกลายเป็นซีรีส์เน็ตฟลิกซ์ที่อลิซก็ไปช่วยเขียนบทเองด้วย HEARTSTOPPER

‘Boy meets boy. Boys become friends. Boys fall in love.’ คำโปรยสั้นๆ ในเว็บไซต์สรุปเนื้อเรื่องของ HEARTSTOPPER ไว้อย่างนั้น อาจฟังดูธรรมดา แต่มากกว่าการเล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ของเด็กหนุ่มสองคน กราฟิกโนเวลเรื่องนี้ยังพาเราไปสำรวจประเด็นมิตรภาพ การค้นหาตัวตนของ LGBTQ+ วัยทีน การโอบรับความหลากหลาย รวมถึงความไม่ง่ายอื่นๆ ในชีวิตของพวกเขา 

เรื่องราวโฟกัสไปที่ตัวละคร Charlie Spring เด็กเนิร์ดที่เปิดตัวว่าเป็นเกย์คนเดียวในโรงเรียน และ Nicholas Nelson เด็กหนุ่มนักกีฬารักบี้ขี้อาย ซึ่งต้องนั่งติดกันในคลาสเรียนวิชาหนึ่ง แวบแรกที่พบกัน ชาร์ลีผู้เคยโดนคนทั้งโรงเรียนบูลลี่เพราะเป็นเกย์ก็คิดว่า นิกจะเป็นเหมือนเด็กผู้ชายห้าวเป้งคนอื่นๆ ที่ล้อเลียนเขา แต่ท่าทีใจดีของนิกค่อยๆ เปลี่ยนความคิดนั้นจนทั้งคู่สนิทกัน และตกหลุมรักกันในที่สุด

นอกจากคาแร็กเตอร์ที่อ่านไปหวีดไปว่า ‘น้อนนนนน’ เสน่ห์ของ HEARTSTOPPER ที่มัดใจเราได้อยู่หมัดคือ การดำเนินเรื่องอย่างเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน แต่พาให้เราคล้อยตามและเอาใจช่วยตัวละครได้เรื่อยๆ ภาษาที่อลิซเลือกใช้ก็เป็นภาษาของเด็กวัยรุ่นที่อ่านง่าย ไม่ได้แอดวานซ์มาก (ใครที่อยากฝึกภาษาอังกฤษ ใช้เรื่องนี้เป็นจุดสตาร์ทได้เลย รับรองว่าไม่ต้องเหนื่อยเปิดดิกฯ บ่อยแน่นอน) 

HEARTSTOPPER

เหนืออื่นใด จุดที่เราชอบมากๆ ในเรื่องคือ ความหนักแน่นในการลงลึกถึงประเด็นอื่นๆ นอกเหนือจากความรักของตัวละคร เริ่มตั้งแต่เรื่องความหลากหลายไปจนถึงสุขภาพใจของวัยรุ่น 

อลิซตั้งใจออกแบบตัวละครสมทบให้มีความหลากหลายทั้งเชื้อชาติและอัตลักษณ์ทางเพศ ทั้งเกย์ เลสเบี้ยน ไบเซกชวล ทรานส์เจนเดอร์ ฯลฯ เพราะจากผลสำรวจขององค์กร GLAAD ที่สำรวจคาแร็กเตอร์ของ LGBTQ+ ในหนังบล็อกบัสเตอร์ซึ่งออกฉายในปี 2019 มีเรื่องที่มีตัวละคร LGBTQ+ เพียง 18.6 เปอร์เซ็นต์จากทั้งหมด และไม่มีเรื่องไหนเลยที่มีตัวละครเป็นทรานส์เจนเดอร์ การใส่พวกเขาลงไปใน HEARTSTOPPER จึงทำให้เด็กๆ นักอ่านที่เป็นแบบนั้นได้มองเห็นตัวเองในเรื่อง ในขณะเดียวกันก็ทำให้ผู้อ่านคนอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นเพศหลากหลายได้เห็นเฉดสีในสเปกตรัมของ LGBTQ+ ที่พวกเขาอาจไม่เคยรู้จักหรือไม่เคยเห็นในสื่อเมนสตรีม

HEARTSTOPPER

ความจริงแล้ว ตัวละครหลักของเรื่องอย่างนิกก็ไม่ได้แตกต่างจากตัวละครหลักในนิยายวายที่ฮิตในบ้านเราสักเท่าไหร่ เขาเคยเดตกับผู้หญิงมาก่อน และเมื่อเขารู้ตัวว่ามีใจให้ชาร์ลี นิกก็เริ่มสับสนและตั้งคำถามกับตัวเองเช่นกัน แต่สิ่งที่เขาทำไม่ใช่การบอกอีกฝ่ายด้วยประโยค “เราไม่ได้เป็นเกย์ เราชอบนายคนเดียว” แล้วฟิน (ซึ่งบางคนอาจมองว่าดีจัง รักกันจนมองข้ามเรื่องเพศไปเลย แต่ในมุมของ LGBTQ+ บางคน นั่นคือการปฏิเสธตัวตนของเกย์และตอกย้ำค่านิยมในอดีตที่มองว่าเกย์คือความแปลกประหลาด ห้ามเป็น)

จากจุดนั้น HEARTSTOPPER พาเราไปสำรวจเส้นทางการค้นหาตัวเองของนิกต่อว่า แล้วในเมื่อเขาคิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นเกย์ นิกควรนิยามตัวเองว่าอะไร นำไปสู่การค้นพบตัวเองที่ไม่ได้ราบรื่นแต่อบอุ่นใจ ท่ามกลางการสนับสนุนจากชาร์ลีและคนรอบข้าง 

กราฟิกโนเวลเรื่องนี้ยังสอดแทรกประเด็นรองที่ทำให้เรายิ้มและเศร้าได้ระหว่างทาง อย่างการบูลลี่ในโรงเรียนซึ่งส่งผลต่อสุขภาพใจของวัยรุ่นในระยะยาว หรือการฉายภาพที่ไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่ในสื่อบันเทิงเรื่องอื่นๆ อย่างความรักระหว่างเด็กหนุ่มกับเด็กสาวทรานส์เจนเดอร์ ซึ่งก็ตอกย้ำสิ่งที่ผู้เขียนตั้งใจทำมาทั้งเรื่อง นั่นคือการให้คนอ่านเห็นความเป็นไปได้และมองว่าความหลากหลายคือเรื่องปกติ

HEARTSTOPPER

สำหรับเราแล้ว การมีอยู่ของกราฟิกโนเวลอย่าง HEARTSTOPPER สำคัญเพราะเหตุผลนั้น มากกว่าความ ‘น่ารักกกกกก’ มากกว่าความ ‘น้อนนนนน’ ในฐานะคนที่อยู่ในคอมมิวนิตี้ LGBTQ+ เราอยากเห็นสื่อบันเทิงดังๆ ที่มองเห็นตัวตนของเรา ถ่ายทอดเรื่องราวอย่างซื่อตรงโดยไม่ติดกับภาพจำเดิมๆ ไม่ใส่ตัวละคร LGBTQ+ มาเพื่อความตลกโปกฮา แต่ทรีตว่าเป็นตัวละครที่มีเลือดเนื้อและจิตใจ โอบรับความหลากหลายและสนับสนุนทุกคนอย่างที่เขาเป็น

เพราะถ้าสื่อบันเทิงทำได้ คนในสังคมก็คงทำได้เหมือนกัน 

HEARTSTOPPER

อ้างอิง

geeksout.org

lhsbudget.com

thailand.kinokuniya.com

1

11เรื่องราวโฟกัสไปที่ตัวละคร Charlie Spring เด็กเนิร์ดที่เปิดตัวว่าเป็นเกย์คนเดียวในโรงเรียน และ Nicholas Nelson เด็กหนุ่มนักกีฬารักบี้ขี้อาย ซึ่งต้องนั่งติดกันในคลาสเรียนวิชาหนึ่ง แวบแรกที่พบกัน ชาร์ลีผู้เคยโดนคนทั้งโรงเรียนบูลี่เพราะเป็นเกย์ก็คิดว่านิคจะเป็นเหมือนเด็กผู้ชายห้าวเป้งคนอื่นๆ ที่ล้อเลียนเขา แต่ท่าทีใจดีของนิคจะค่อยๆ เปลี่ยนความคิดนั้นจนทั้งคู่สนิทกัน และตกหลุมรักกันในที่สุด

12เรื่องราวโฟกัสไปที่ตัวละคร Charlie Spring เด็กเนิร์ดที่เปิดตัวว่าเป็นเกย์คนเดียวในโรงเรียน และ Nicholas Nelson เด็กหนุ่มนักกีฬารักบี้ขี้อาย ซึ่งต้องนั่งติดกันในคลาสเรียนวิชาหนึ่ง แวบแรกที่พบกัน ชาร์ลีผู้เคยโดนคนทั้งโรงเรียนบูลี่เพราะเป็นเกย์ก็คิดว่านิคจะเป็นเหมือนเด็กผู้ชายห้าวเป้งคนอื่นๆ ที่ล้อเลียนเขา แต่ท่าทีใจดีของนิคจะค่อยๆ เปลี่ยนความคิดนั้นจนทั้งคู่สนิทกัน และตกหลุมรักกันในที่สุด

2

21เรื่องราวโฟกัสไปที่ตัวละคร Charlie Spring เด็กเนิร์ดที่เปิดตัวว่าเป็นเกย์คนเดียวในโรงเรียน และ Nicholas Nelson เด็กหนุ่มนักกีฬารักบี้ขี้อาย ซึ่งต้องนั่งติดกันในคลาสเรียนวิชาหนึ่ง แวบแรกที่พบกัน ชาร์ลีผู้เคยโดนคนทั้งโรงเรียนบูลี่เพราะเป็นเกย์ก็คิดว่านิคจะเป็นเหมือนเด็กผู้ชายห้าวเป้งคนอื่นๆ ที่ล้อเลียนเขา แต่ท่าทีใจดีของนิคจะค่อยๆ เปลี่ยนความคิดนั้นจนทั้งคู่สนิทกัน และตกหลุมรักกันในที่สุด

22เรื่องราวโฟกัสไปที่ตัวละคร Charlie Spring เด็กเนิร์ดที่เปิดตัวว่าเป็นเกย์คนเดียวในโรงเรียน และ Nicholas Nelson เด็กหนุ่มนักกีฬารักบี้ขี้อาย ซึ่งต้องนั่งติดกันในคลาสเรียนวิชาหนึ่ง แวบแรกที่พบกัน ชาร์ลีผู้เคยโดนคนทั้งโรงเรียนบูลี่เพราะเป็นเกย์ก็คิดว่านิคจะเป็นเหมือนเด็กผู้ชายห้าวเป้งคนอื่นๆ ที่ล้อเลียนเขา แต่ท่าทีใจดีของนิคจะค่อยๆ เปลี่ยนความคิดนั้นจนทั้งคู่สนิทกัน และตกหลุมรักกันในที่สุด

3

31เรื่องราวโฟกัสไปที่ตัวละคร Charlie Spring เด็กเนิร์ดที่เปิดตัวว่าเป็นเกย์คนเดียวในโรงเรียน และ Nicholas Nelson เด็กหนุ่มนักกีฬารักบี้ขี้อาย ซึ่งต้องนั่งติดกันในคลาสเรียนวิชาหนึ่ง แวบแรกที่พบกัน ชาร์ลีผู้เคยโดนคนทั้งโรงเรียนบูลี่เพราะเป็นเกย์ก็คิดว่านิคจะเป็นเหมือนเด็กผู้ชายห้าวเป้งคนอื่นๆ ที่ล้อเลียนเขา แต่ท่าทีใจดีของนิคจะค่อยๆ เปลี่ยนความคิดนั้นจนทั้งคู่สนิทกัน และตกหลุมรักกันในที่สุด

32เรื่องราวโฟกัสไปที่ตัวละคร Charlie Spring เด็กเนิร์ดที่เปิดตัวว่าเป็นเกย์คนเดียวในโรงเรียน และ Nicholas Nelson เด็กหนุ่มนักกีฬารักบี้ขี้อาย ซึ่งต้องนั่งติดกันในคลาสเรียนวิชาหนึ่ง แวบแรกที่พบกัน ชาร์ลีผู้เคยโดนคนทั้งโรงเรียนบูลี่เพราะเป็นเกย์ก็คิดว่านิคจะเป็นเหมือนเด็กผู้ชายห้าวเป้งคนอื่นๆ ที่ล้อเลียนเขา แต่ท่าทีใจดีของนิคจะค่อยๆ เปลี่ยนความคิดนั้นจนทั้งคู่สนิทกัน และตกหลุมรักกันในที่สุด

4

41เรื่องราวโฟกัสไปที่ตัวละคร Charlie Spring เด็กเนิร์ดที่เปิดตัวว่าเป็นเกย์คนเดียวในโรงเรียน และ Nicholas Nelson เด็กหนุ่มนักกีฬารักบี้ขี้อาย ซึ่งต้องนั่งติดกันในคลาสเรียนวิชาหนึ่ง แวบแรกที่พบกัน ชาร์ลีผู้เคยโดนคนทั้งโรงเรียนบูลี่เพราะเป็นเกย์ก็คิดว่านิคจะเป็นเหมือนเด็กผู้ชายห้าวเป้งคนอื่นๆ ที่ล้อเลียนเขา แต่ท่าทีใจดีของนิคจะค่อยๆ เปลี่ยนความคิดนั้นจนทั้งคู่สนิทกัน และตกหลุมรักกันในที่สุด

42เรื่องราวโฟกัสไปที่ตัวละคร Charlie Spring เด็กเนิร์ดที่เปิดตัวว่าเป็นเกย์คนเดียวในโรงเรียน และ Nicholas Nelson เด็กหนุ่มนักกีฬารักบี้ขี้อาย ซึ่งต้องนั่งติดกันในคลาสเรียนวิชาหนึ่ง แวบแรกที่พบกัน ชาร์ลีผู้เคยโดนคนทั้งโรงเรียนบูลี่เพราะเป็นเกย์ก็คิดว่านิคจะเป็นเหมือนเด็กผู้ชายห้าวเป้งคนอื่นๆ ที่ล้อเลียนเขา แต่ท่าทีใจดีของนิคจะค่อยๆ เปลี่ยนความคิดนั้นจนทั้งคู่สนิทกัน และตกหลุมรักกันในที่สุด

5

51เรื่องราวโฟกัสไปที่ตัวละคร Charlie Spring เด็กเนิร์ดที่เปิดตัวว่าเป็นเกย์คนเดียวในโรงเรียน และ Nicholas Nelson เด็กหนุ่มนักกีฬารักบี้ขี้อาย ซึ่งต้องนั่งติดกันในคลาสเรียนวิชาหนึ่ง แวบแรกที่พบกัน ชาร์ลีผู้เคยโดนคนทั้งโรงเรียนบูลี่เพราะเป็นเกย์ก็คิดว่านิคจะเป็นเหมือนเด็กผู้ชายห้าวเป้งคนอื่นๆ ที่ล้อเลียนเขา แต่ท่าทีใจดีของนิคจะค่อยๆ เปลี่ยนความคิดนั้นจนทั้งคู่สนิทกัน และตกหลุมรักกันในที่สุด

52เรื่องราวโฟกัสไปที่ตัวละคร Charlie Spring เด็กเนิร์ดที่เปิดตัวว่าเป็นเกย์คนเดียวในโรงเรียน และ Nicholas Nelson เด็กหนุ่มนักกีฬารักบี้ขี้อาย ซึ่งต้องนั่งติดกันในคลาสเรียนวิชาหนึ่ง แวบแรกที่พบกัน ชาร์ลีผู้เคยโดนคนทั้งโรงเรียนบูลี่เพราะเป็นเกย์ก็คิดว่านิคจะเป็นเหมือนเด็กผู้ชายห้าวเป้งคนอื่นๆ ที่ล้อเลียนเขา แต่ท่าทีใจดีของนิคจะค่อยๆ เปลี่ยนความคิดนั้นจนทั้งคู่สนิทกัน และตกหลุมรักกันในที่สุด

6

61เรื่องราวโฟกัสไปที่ตัวละคร Charlie Spring เด็กเนิร์ดที่เปิดตัวว่าเป็นเกย์คนเดียวในโรงเรียน และ Nicholas Nelson เด็กหนุ่มนักกีฬารักบี้ขี้อาย ซึ่งต้องนั่งติดกันในคลาสเรียนวิชาหนึ่ง แวบแรกที่พบกัน ชาร์ลีผู้เคยโดนคนทั้งโรงเรียนบูลี่เพราะเป็นเกย์ก็คิดว่านิคจะเป็นเหมือนเด็กผู้ชายห้าวเป้งคนอื่นๆ ที่ล้อเลียนเขา แต่ท่าทีใจดีของนิคจะค่อยๆ เปลี่ยนความคิดนั้นจนทั้งคู่สนิทกัน และตกหลุมรักกันในที่สุด

62เรื่องราวโฟกัสไปที่ตัวละคร Charlie Spring เด็กเนิร์ดที่เปิดตัวว่าเป็นเกย์คนเดียวในโรงเรียน และ Nicholas Nelson เด็กหนุ่มนักกีฬารักบี้ขี้อาย ซึ่งต้องนั่งติดกันในคลาสเรียนวิชาหนึ่ง แวบแรกที่พบกัน ชาร์ลีผู้เคยโดนคนทั้งโรงเรียนบูลี่เพราะเป็นเกย์ก็คิดว่านิคจะเป็นเหมือนเด็กผู้ชายห้าวเป้งคนอื่นๆ ที่ล้อเลียนเขา แต่ท่าทีใจดีของนิคจะค่อยๆ เปลี่ยนความคิดนั้นจนทั้งคู่สนิทกัน และตกหลุมรักกันในที่สุด

7

71เรื่องราวโฟกัสไปที่ตัวละคร Charlie Spring เด็กเนิร์ดที่เปิดตัวว่าเป็นเกย์คนเดียวในโรงเรียน และ Nicholas Nelson เด็กหนุ่มนักกีฬารักบี้ขี้อาย ซึ่งต้องนั่งติดกันในคลาสเรียนวิชาหนึ่ง แวบแรกที่พบกัน ชาร์ลีผู้เคยโดนคนทั้งโรงเรียนบูลี่เพราะเป็นเกย์ก็คิดว่านิคจะเป็นเหมือนเด็กผู้ชายห้าวเป้งคนอื่นๆ ที่ล้อเลียนเขา แต่ท่าทีใจดีของนิคจะค่อยๆ เปลี่ยนความคิดนั้นจนทั้งคู่สนิทกัน และตกหลุมรักกันในที่สุด

72เรื่องราวโฟกัสไปที่ตัวละคร Charlie Spring เด็กเนิร์ดที่เปิดตัวว่าเป็นเกย์คนเดียวในโรงเรียน และ Nicholas Nelson เด็กหนุ่มนักกีฬารักบี้ขี้อาย ซึ่งต้องนั่งติดกันในคลาสเรียนวิชาหนึ่ง แวบแรกที่พบกัน ชาร์ลีผู้เคยโดนคนทั้งโรงเรียนบูลี่เพราะเป็นเกย์ก็คิดว่านิคจะเป็นเหมือนเด็กผู้ชายห้าวเป้งคนอื่นๆ ที่ล้อเลียนเขา แต่ท่าทีใจดีของนิคจะค่อยๆ เปลี่ยนความคิดนั้นจนทั้งคู่สนิทกัน และตกหลุมรักกันในที่สุด

8

81เรื่องราวโฟกัสไปที่ตัวละคร Charlie Spring เด็กเนิร์ดที่เปิดตัวว่าเป็นเกย์คนเดียวในโรงเรียน และ Nicholas Nelson เด็กหนุ่มนักกีฬารักบี้ขี้อาย ซึ่งต้องนั่งติดกันในคลาสเรียนวิชาหนึ่ง แวบแรกที่พบกัน ชาร์ลีผู้เคยโดนคนทั้งโรงเรียนบูลี่เพราะเป็นเกย์ก็คิดว่านิคจะเป็นเหมือนเด็กผู้ชายห้าวเป้งคนอื่นๆ ที่ล้อเลียนเขา แต่ท่าทีใจดีของนิคจะค่อยๆ เปลี่ยนความคิดนั้นจนทั้งคู่สนิทกัน และตกหลุมรักกันในที่สุด

82เรื่องราวโฟกัสไปที่ตัวละคร Charlie Spring เด็กเนิร์ดที่เปิดตัวว่าเป็นเกย์คนเดียวในโรงเรียน และ Nicholas Nelson เด็กหนุ่มนักกีฬารักบี้ขี้อาย ซึ่งต้องนั่งติดกันในคลาสเรียนวิชาหนึ่ง แวบแรกที่พบกัน ชาร์ลีผู้เคยโดนคนทั้งโรงเรียนบูลี่เพราะเป็นเกย์ก็คิดว่านิคจะเป็นเหมือนเด็กผู้ชายห้าวเป้งคนอื่นๆ ที่ล้อเลียนเขา แต่ท่าทีใจดีของนิคจะค่อยๆ เปลี่ยนความคิดนั้นจนทั้งคู่สนิทกัน และตกหลุมรักกันในที่สุด

9

91เรื่องราวโฟกัสไปที่ตัวละคร Charlie Spring เด็กเนิร์ดที่เปิดตัวว่าเป็นเกย์คนเดียวในโรงเรียน และ Nicholas Nelson เด็กหนุ่มนักกีฬารักบี้ขี้อาย ซึ่งต้องนั่งติดกันในคลาสเรียนวิชาหนึ่ง แวบแรกที่พบกัน ชาร์ลีผู้เคยโดนคนทั้งโรงเรียนบูลี่เพราะเป็นเกย์ก็คิดว่านิคจะเป็นเหมือนเด็กผู้ชายห้าวเป้งคนอื่นๆ ที่ล้อเลียนเขา แต่ท่าทีใจดีของนิคจะค่อยๆ เปลี่ยนความคิดนั้นจนทั้งคู่สนิทกัน และตกหลุมรักกันในที่สุด

92เรื่องราวโฟกัสไปที่ตัวละคร Charlie Spring เด็กเนิร์ดที่เปิดตัวว่าเป็นเกย์คนเดียวในโรงเรียน และ Nicholas Nelson เด็กหนุ่มนักกีฬารักบี้ขี้อาย ซึ่งต้องนั่งติดกันในคลาสเรียนวิชาหนึ่ง แวบแรกที่พบกัน ชาร์ลีผู้เคยโดนคนทั้งโรงเรียนบูลี่เพราะเป็นเกย์ก็คิดว่านิคจะเป็นเหมือนเด็กผู้ชายห้าวเป้งคนอื่นๆ ที่ล้อเลียนเขา แต่ท่าทีใจดีของนิคจะค่อยๆ เปลี่ยนความคิดนั้นจนทั้งคู่สนิทกัน และตกหลุมรักกันในที่สุด

10

101เรื่องราวโฟกัสไปที่ตัวละคร Charlie Spring เด็กเนิร์ดที่เปิดตัวว่าเป็นเกย์คนเดียวในโรงเรียน และ Nicholas Nelson เด็กหนุ่มนักกีฬารักบี้ขี้อาย ซึ่งต้องนั่งติดกันในคลาสเรียนวิชาหนึ่ง แวบแรกที่พบกัน ชาร์ลีผู้เคยโดนคนทั้งโรงเรียนบูลี่เพราะเป็นเกย์ก็คิดว่านิคจะเป็นเหมือนเด็กผู้ชายห้าวเป้งคนอื่นๆ ที่ล้อเลียนเขา แต่ท่าทีใจดีของนิคจะค่อยๆ เปลี่ยนความคิดนั้นจนทั้งคู่สนิทกัน และตกหลุมรักกันในที่สุด

102เรื่องราวโฟกัสไปที่ตัวละคร Charlie Spring เด็กเนิร์ดที่เปิดตัวว่าเป็นเกย์คนเดียวในโรงเรียน และ Nicholas Nelson เด็กหนุ่มนักกีฬารักบี้ขี้อาย ซึ่งต้องนั่งติดกันในคลาสเรียนวิชาหนึ่ง แวบแรกที่พบกัน ชาร์ลีผู้เคยโดนคนทั้งโรงเรียนบูลี่เพราะเป็นเกย์ก็คิดว่านิคจะเป็นเหมือนเด็กผู้ชายห้าวเป้งคนอื่นๆ ที่ล้อเลียนเขา แต่ท่าทีใจดีของนิคจะค่อยๆ เปลี่ยนความคิดนั้นจนทั้งคู่สนิทกัน และตกหลุมรักกันในที่สุด

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ดวงสุดา กิตติวัฒนานนท์

ช่างภาพนิตยสาร a day ผู้ชอบกินอาหารที่ถ่าย