ตามไปดูนิทรรศการ Afternoon Person และยามบ่ายสีชมพูที่ทุกคนรู้สึกร่วมได้

“เราอยากให้มาดูนิทรรศการนี้ช่วงบ่ายจะดีที่สุด”

คือสิ่งแรกที่ เต้-ภาวิต พิเชียรรังสรรค์ บอกกับเราตั้งแต่ก่อนจะเริ่มพูดถึงคอนเซปต์ของ ‘Afternoon Person’ นิทรรศการเดี่ยวครั้งล่าสุดของเขาด้วยซ้ำ

เรารู้จักศิลปินวัย 24 คนนี้ตั้งแต่ ‘Awkward Relationship’ นิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกของเขาที่ Jam Cafe ตามมาด้วยนิทรรศการครั้งที่สองอย่าง ‘Mnus̄ʹychāti’ ที่ Speedy Grandma แกลเลอรีเล็กๆ ย่านเจริญกรุง ก่อนขยับขยายมาเป็นนิทรรศการครั้งใหม่ที่ BANGKOK CITYCITY GALLERY

สิ่งที่เรารักในงานของเต้ คืองานเพ้นติ้งและภาพวาดลายเส้นขยุกขยิกไม่เป็นระเบียบแต่เหมือนมีระบบของตัวเอง สีที่เลือกสาดลงไปอย่างไม่ลังเล และการปล่อยสเปซให้เราตีความงานได้ตามใจชอบโดยไม่ต้องกดดันว่าจะตรงใจศิลปินหรือเปล่า

ทั้งหมดทั้งมวลที่เรารักปรากฏอยู่ใน Afternoon Person ร่วมกับงานปูนปั้นและแอนิเมชั่นอีกหลายชิ้นที่เขาทำเอง แต่สิ่งที่เติมเต็มงานนี้จริงๆ คือบรรยากาศยามบ่ายที่บ้าน อันเป็นโมงยามที่เต้หลงรักจนเกิดเป็นนิทรรศการนี้ขึ้นมา

AFTERNOON PERSON

“เราว่านิทรรศการนี้คล้ายกับงาน Awkward Relationship ที่ Jam Cafe คือเป็นหลายๆ เรื่องที่รวมอยู่เป็นเรื่องเดียวกัน ทั้งหมดเป็นเรื่องที่เราสนใจอยู่เรื่อยๆ เป็นภาพที่เรารู้สึกดี ฉากที่เรารู้สึกดี เหตุการณ์ที่เรารู้สึกสบายใจ”

“ที่มาของชื่องาน Afternoon Person มาจากการที่เราทำงานในสตูดิโอหลังบ้านซึ่งมีหลังคากระจก ปกติเราจะตื่นสาย เราเลยจะทำงานช่วงบ่ายสอง บ่ายสาม แสงและบรรยากาศช่วงนั้นเป็นมู้ดส่วนใหญ่ของการทำงาน และเป็นแรงบันดาลใจให้เรา”

เต้เริ่มเล่าถึงบรรยากาศช่วงแดดร่มลมตกที่ห้อมล้อมตัวเองเวลาทำงาน ก่อนชี้ให้เราดูแสงไฟสีชมพูระเรื่อบนเพดานซึ่งเขาเลือกมาเป็นพิเศษเพราะใกล้เคียงแสงยามอาทิตย์ตกมากที่สุด

“ไฟในแกลเลอรีแต่ละช่วงเวลาจะไม่เหมือนกัน ช่วงกลางวัน แสงอาทิตย์จะส่องเข้ามาทำให้ห้องสว่างมาก ส่วนตอนเย็น พอข้างนอกมืดลงเราก็เพิ่มแสงนีออนสีชมพูเข้าไปเพราะเราอยากได้แสงเหมือนพระอาทิตย์ตกดิน สำหรับเรา เรารู้สึกว่าแสงธรรมชาติมันสว่างเกินไป ไม่ใช่ว่ามันมีข้อเสียอะไรนะ แต่เราชอบแสงตอนเย็นมากเลย”

500 METERS AWAY FROM HIM

ระหว่างที่กวาดสายตามองแสงไฟสีชมพูอมส้มที่ตกกระทบวัตถุรอบห้อง เราก็พบว่านอกจากภาพเพ้นติ้งบนแคนวาสเล็กใหญ่แล้ว ในแกลเลอรียังมีรูปปั้นที่เต้ทำเองวางกระจัดกระจาย อย่างกระถางต้นไม้กลับหัวกลับหางวางซ้อนกัน เสาปูนแตกๆ เห็นเส้นสายโครงเหล็กด้านใน กระจกสีๆ ตกแต่งประตูทางเข้า (นั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการนะ) หรือโต๊ะม้าหินอ่อนกลางห้องพร้อมชุดหมากรุกพร้อมเล่นที่เขาทำเองทั้งหมด

ดูเผินๆ ข้าวของเหล่านี้ช่างดูไม่เกี่ยวกันจนเราต้องออกปากถามว่าทำไมเขาถึงยกโต๊ะม้าหินอ่อนและอื่นๆ มาตั้งไว้ตรงนี้

“จริงๆ เราเริ่มต้นทำงานนี้ด้วยการวาดไปเรื่อยๆ แบบไม่มีคอนเซปต์ แต่เพราะเราใช้เวลาที่บ้านเยอะมาก วันหนึ่งเราก็รู้สึกว่าภาพที่เราวาดได้แรงบันดาลใจมาจากที่บ้านหรือสภาพแวดล้อมรอบๆ บ้านนี่แหละ เช่น ช่วงเย็นเราจะออกไปวิ่งที่สวนใกล้ๆ บ้าน เราเลยได้เห็นคนมานั่งเล่นกัน เห็นม้าหิน เรารู้สึกดีกับของเหล่านี้มันเลยกลายมาเป็นงานของเรา” เต้อธิบายแล้วยกเครื่องดื่มในมือขึ้นจิบด้วยท่าทางสบายๆ เหมือนกำลังอยู่บ้านจริงๆ “ส่วนกระถางดอกไม้ ที่บ้านเรามีกระถางดอกไม้เยอะมาก เราเลยลองเอามันมาวางประกบกันเพราะคิดว่าเป็นฟอร์มที่สวยดี ด้วยความที่มันเป็นกระถางดอกไม้ที่เราเอามาจากที่บ้าน เราก็เลยอยากเอามันมาอยู่ที่นี่”

“เราคิดว่างานนี้มีความเป็นบ้านมากๆ เลย คืออยู่ในรัศมีประมาณ 500 เมตรรอบๆ ตัวเรา ช่วงที่ทำงานเซ็ตนี้ เราอยู่บ้านเยอะขึ้นแล้วก็ไม่ได้สนใจสื่ออย่างอื่นเท่าไหร่ สนใจแค่สิ่งรอบตัว เราเอนจอยการอยู่บ้านและสิ่งที่มันเป็นอยู่มากกว่า”

เราย้อนนึกถึงบ่ายวันหนึ่งที่ได้ไปเยี่ยมบ้านของเต้แล้วก็เข้าใจขึ้นมาว่าสเปซแกลเลอรีแห่งนี้ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านของเขาจริงๆ ด้วย ไม่ใช่แค่เพราะสิ่งละอันพันละน้อยที่หน้าตาเหมือนของที่บ้าน แต่เป็นความรู้สึกสบายๆ เหมือนเรากำลังนั่งอยู่ในบ้านเพื่อนที่เป็นมิตรสักคน

500 METERS AWAY FROM YOU

ท่ามกลางข้าวของที่มาจาก 500 เมตรรอบตัวเต้ เรากลับเชื่อมโยงกับพวกมันอย่างน่าประหลาด

กระถางดอกไม้ทำให้เรานึกถึงแม่และพี่เลี้ยงที่ชอบปลูกต้นไม้ โต๊ะม้าหินอ่อนทำให้คิดถึงวัยเด็กที่พยายามหัดเล่นหมากรุกกับเพื่อน แต่ทำยังไงก็ไม่เข้าใจตัวหมากสักที ส่วนรูปปั้นคนผูกเน็กไทก็ทำให้เราคิดถึงใครไปไม่ได้นอกจากพ่อ

อาจฟังดูเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียวเพราะเต้บอกกับเราว่าอย่างน้อยๆ เขาก็หวังว่าคนที่เข้ามาดูงานจะได้รู้สึกถึงความเกี่ยวข้องบางอย่างกับตัวเอง เหมือนอย่างที่เรารู้สึก

“เราสนใจทำงานที่มันเกิดขึ้นกับเรา เอาเรื่องใกล้ตัวมาเล่า แม้ประสบการณ์ของคนที่มาดูงานกับประสบการณ์ของเราอาจไม่เหมือนกัน แต่เขาก็น่าจะรู้สึกอะไรบางอย่างได้ เช่น เขาอาจจะมีประสบการณ์บางอย่างที่ทำให้เขาเห็นม้านั่งที่นี่แล้วรู้สึกอะไรบางอย่าง เราไม่ได้เจาะจงว่าเขาจะต้องเห็นแบบเรา เขาจะเห็นแบบไหนก็ได้”

“ฟังดูเหมือนงานของเต้ลื่นไหลไปได้แบบไม่ต้องจำกัดคอนเซปต์เลยเนอะ” เราบอกเขา

เต้ยกเครื่องดื่มขึ้นจิบแล้วตอบรับว่าใช่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาไม่อยากจำกัดกรอบให้ตัวเองจริงๆ นั่นแหละ

“งานนี้มันมีกรอบอยู่แล้วก็คือชีวิตเราที่มันวนเวียนอยู่ ทำไมเราต้องมาตั้งโจทย์อีกข้อให้ตัวเองแล้วยึดติดอยู่กับมัน เราไม่ทำแบบนั้นดีกว่า เราอยากปล่อยให้ความคิดเป็นอิสระ สุดท้ายมันก็ออกมาเป็นเรื่องเดียวกันได้อยู่ดีเพราะว่าเรื่องที่เราเล่ามันคือเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน คือ Afternoon หรือบรรยากาศช่วงที่เราทำงาน ณ เวลานั้น”

The Life: Luxury Condominium and Bathroom of Your Dreams

นอกจากแกลเลอรีหลักที่จัดแสดงห้วงเวลายามบ่ายของเต้แล้ว ในห้องเล็กๆ ตรงกันข้ามยังมีคอนโดมิเนียมของเต้ซุกซ่อนอยู่อีกด้วย

คอนโดที่ว่าคือแอนิเมชั่นขนาดใหญ่ฉายลงบนผนัง เนื้อเรื่องจำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องของคอนโดสมมติที่เขาตั้งชื่อขำๆ ว่า The Life: Luxury Condominium and Bathroom of Your Dreams ล้อไปกับคำโฆษณาคอนโดในฝันที่เราเห็นกันอยู่บ่อยๆ

แม้จะเป็นคอนโด ไม่ใช่บ้าน แต่ภาพคนที่กระดุ๊กกระดิ๊กทำกิจกรรมของตัวเองอยู่ในช่อง (หรือห้อง) คอนโดก็ทำให้เราเหมือนเห็นตัวเองไม่ใช่น้อย เต้บอกว่าใครที่มาดูงานแล้วชอบคอนโดในฝันแห่งนี้ เขาก็มีซีนที่ว่าด้วยเรื่องนี้โดยเฉพาะให้ซื้อเก็บไว้ได้เหมือนกัน ข้างในมีทั้งดีวีดีและหนังสือเล่มเล็กๆ ส่วนเนื้อหาจะเป็นยังไง เราขออุบไว้ให้ไปลองเปิดกันเองน่าจะสนุกกว่า

SUNSET AFTER WORK

ท้องฟ้าข้างนอกมืดสนิทพร้อมกับเครื่องดื่มในมือของเราหมดลง เราถามเต้เป็นอย่างสุดท้ายว่าเขาอยากให้คนดูได้อะไรจากงานนี้

“เรารู้สึกว่าช่วง 5-6 โมง แสงที่นี่จะเหมือนแสงตอนที่เราทำงานซึ่งเราชอบมากก็เลยอยากแนะนำให้มาช่วง 5 โมงถึง 6 โมงนี่แหละ เราอยากให้คนได้มารีแล็กซ์หลังเลิกงาน มานั่งเล่นหมากรุกก็ได้ อย่างที่เราบอกว่าตอนกลางวันแสงจะสว่างเกินไป แต่ถ้าเป็นตอนเย็นเรารู้สึกว่าช่วงเวลานี้มันคือทุกอย่างและที่นี่คือที่ของเรา”

ตามไปดูนิทรรศการ ‘Afternoon Person’ ได้ที่ BANGKOK CITYCITY GALLERY ได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 17 มิถุนายน 2561 เวลา 13.00-19.00 (แกลเลอรีปิดวันจันทร์และวันอังคาร)

Facebook | Tae Parvit, BANGKOK CITYCITY GALLERY

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ณัฐปคัลภ์ ทัศนวิริยกุล

นักเรียนฟิล์มที่มาฝึกงานช่างภาพ รักการถ่ายรูป ชอบกินของอร่อย และชอบใช้เวลากับครอบครัว เพื่อนสนิท คนรัก