จับตาเทคโนโลยีสำคัญและพฤติกรรมในโลกออนไลน์ที่จะมาเขย่าโลกในปี 2018

ต้องยอมรับว่าช่วง 2 – 3 ปีนี้ เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนากันแบบก้าวกระโดดจนบางทีก็เร็วเสียชนิดที่น่ากลัวอยู่ไม่น้อย ผลคือเราได้เห็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง บางครั้งก็ค่อยๆ เปลี่ยน และบางครั้งก็เปลี่ยนกันแบบพลิกฝ่ามือจนผู้เล่นในตลาดแทบจะตั้งตัวไม่ทัน ซึ่งมันก็เป็นการรับ-ส่งกันจากการมีเทคโนโลยีใหม่ๆ จนนำไปสู่สินค้าและบริการใหม่ๆ ก่อนจะไปสู่พฤติกรรมใหม่ๆ นั่นเอง

แล้วทีนี้ปี 2018 จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างล่ะ เรากำลังมีเทคโนโลยีหรือบริการอะไรที่น่าจับตามองบ้าง ผมลองหยิบสิ่งที่น่าสนใจมาเล่าสู่กันฟังในบทความนี้แล้วกันนะครับ

E-Commerce จะยิ่งกลายเป็นเรื่อง ‘ปกติ’ และโตขึ้นไปอีก
ปี 2017 น่าจะเป็นปีที่คนออนไลน์จำนวนไม่น้อยตื่นเต้นกับเทศกาล 11-11 และ 12-12 ที่ร้านค้าออนไลน์จำนวนมากพร้อมใจกันจัดโปรโมชั่นจริงจัง มียอดขายกันครึกครื้นกว่าปีที่ผ่านมา แถมจากการสำรวจของสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) (ETDA) พบว่าพฤติกรรมการซื้อของออนไลน์เข้ามาอยู่ใน Top 5 ของกิจกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ตของคนไทยแล้ว ก็คงไม่แปลกอะไรถ้าเราจะพอฟันธงได้ว่า E-Commerce จะไม่ใช่แฟชั่นหรือบริการเฉพาะสำหรับคนไอทีอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นพฤติกรรมของตลาด ผลที่ตามมาคือร้านค้าและธุรกิจต่างๆ ยิ่งต้องพัฒนาและรองรับพฤติกรรมการซื้อของและใช้บริการผ่านช่องทางดิจิทัลที่นับวันก็จะกลายเป็นเรื่องปกติของคนจำนวนมากแล้วนั่นเอง

AI + Robot : อนาคตแรงงานที่มนุษย์ควรกลัว
ประเด็นเรื่อง AI นั้นถูกถกเถียงกันเยอะมากในช่วงปีที่ผ่านมาจากการเห็นศักยภาพของคอมพิวเตอร์ที่ฉลาดล้ำกันสุดๆ สามารถก้าวข้ามการทำงานแบบที่ต้องโปรแกรมให้ทำงาน กลายเป็นการเรียนรู้และขยายขีดความสามารถชนิดนักคิดต่างๆ ยังต้องแอบกังวลว่าขีดสุดของมันจะอยู่ตรงไหน เมื่อคอมพิวเตอร์เองสามารถประมวลผลข้อมูลที่ซับซ้อนและลึกซึ้งได้มากกว่าเดิม ประกอบกับเทคโนโลยีของหุ่นยนต์ที่ตอนนี้ก็เก่งกันสุดๆ แล้ว เราคงแอบกังวลไม่ได้ว่ามันจะทดแทนแรงงานของมนุษย์กันได้ขนาดไหน เพราะถ้าว่ากันตามตรง งานจำนวนมากที่ตอนนี้ใช้แรงงานคนอยู่ในปัจจุบัน อาจจะสามารถทดแทนได้ด้วยคอมพิวเตอร์ที่ถูกโปรแกรมเอาไว้และใช้เครื่องจักรทำงานซึ่งได้ประสิทธิภาพดีกว่า ได้ผลผลิตมากกว่า แถมไม่มีดราม่าขอขึ้นเงินเดือนหรือขอสวัสดิการเพิ่มเติมอีกต่างหาก และนั่นก็คงไม่แปลกอะไรถ้าในปีนี้เราจะเห็นหลายๆ บริษัทเริ่มลงทุนและใช้ 2 สิ่งนี้เข้ามาทำงานบางอย่างแทนที่แรงงานมนุษย์อย่างเราๆ กันบ้างแล้ว

การใช้งานที่ก้าวไปไกลกว่าหน้าจอ
อย่าแปลกใจที่เทคโนโลยีวันนี้จะเริ่มให้คุณได้ทำอะไรมากกว่าการพิมพ์คีย์บอร์ด ขยับเมาส์ หรือแตะหน้าจอ เพราะความสามารถด้านการฟังและแปลข้อมูลจากเสียง ตลอดจนไปถึงการประมวลผลภาพใบหน้าต่างๆ กำลังกลายเป็นเทคโนโลยีที่สร้างประสบการณ์แบบใหม่ให้กับผู้บริโภคอย่างที่ตอนนี้ในต่างประเทศก็เริ่มคุ้นเคยกับการใช้ Google Home, Amazon Alexa ซึ่งทำให้เราสามารถสั่งงานสิ่งของต่างๆ รอบตัวเราด้วยเสียงกันแล้ว แถมถ้าดูผู้ผลิตรายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Apple, Sony, LINE, Xiaomi ก็มีแผนจะเข็นสินค้าประเภทนี้ออกมาสู่ตลาดมากขึ้น น่าสนใจว่าอุปกรณ์เหล่านี้จะกลายเป็นของประจำบ้านในไม่ช้าหรือไม่ แถมหลายคนก็คาดการณ์กันเลยว่า อนาคตจะมีคนใช้อุปกรณ์การสั่งงานด้วยเสียงนี้ค้นหาข้อมูลต่างๆ ตลอดจนสั่งซื้อของไม่น้อยไปกว่าการใช้งานผ่านโทรศัพท์มือถือเลยทีเดียว

การถามหาความน่าเชื่อถือจากสื่อออนไลน์
เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมใกล้ตัวเรามากๆ คือสื่อออนไลน์ที่ตอนนี้ใครๆ ก็ผลิตคอนเทนต์และเป็นสื่อด้วยตัวเองได้โดยไม่ต้องมีโรงพิมพ์ ไม่ต้องมีห้องอัด ไม่ต้องมีใบอนุญาต ผลคือเรามีคอนเทนต์ให้อ่านกันแบบทะลักหน้านิวส์ฟีดของเฟซบุ๊ก เช่นเดียวกับที่มีอะไรให้ดูแบบเลือกไม่ถูกบนยูทูบ

สิ่งที่น่าคิดปนน่ากังวลคือเมื่อเรามีข้อมูลที่มากเกิน เราจะเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของข้อมูลต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามา เพราะต้องยอมรับว่าวันนี้เรามีข้อมูลหลายอย่างที่ถูกบิดเบือนหรือถูกปั่นโดยสื่อออนไลน์จำนวนมาก และเมื่อเราพบเห็นบ่อยมากขึ้นเรื่อยๆ หลายคนก็จะเริ่มตรวจสอบและคัดกรองสื่อที่ตัวเองจะเข้าถึงโดยดูจากความน่าเชื่อถือและความโปร่งใส ซึ่งนั่นจะกลายเป็นเรื่องสำคัญสำหรับสื่อยุคใหม่ในไม่ช้าก็เร็ว

นี่เป็นเพียงภาพรวมบางส่วนของเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงและสร้างพฤติกรรมใหม่ๆ ให้กับผู้บริโภค ซึ่งบางส่วนก็เริ่มเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่ปีก่อนหน้านี้ บางส่วนก็อาจจะต้องดูว่าจะ ‘จุดติด’ ในปีนี้หรือปีถัดไปหรือไม่ คงต้องมารอติดตามกันดูนะครับ

ภาพประกอบ มงคล ศรีธนาวิโรจน์

AUTHOR