เมื่อพูดถึงการเรียนกวดวิชาภาษาอังกฤษ เชื่อว่าหนึ่งในโรงเรียนที่เด็กๆ ม.ปลายชื่นชอบคือ Angkriz โรงเรียนกวดวิชาที่โดดเด่นในเรื่องความแตกต่างไม่เหมือนใครของคุณครูสุดแซ่บผู้มีความคิดนอกกรอบอย่าง ลูกกอล์ฟ-คณาธิป สุนทรรักษ์ (โรงเรียนนี้ถูกใช้เป็นฉากในการเจอกันของดาวกับดินจากซีรีส Hormones วัยว้าวุ่น ซีซั่นแรกด้วยนะ) มาดูกันว่าโรงเรียนสุดฮอตที่มีคาแรกเตอร์ชัดเจนแบบนี้ มีแนวคิดเบื้องหลังยังไงบ้าง
ทำสิ่งที่ชอบในแบบของตัวเอง
“โรงเรียนกวดวิชาเป็นไอเดียตั้งแต่ตอนเราอยู่ปี 3 ที่นิเทศ จุฬาฯ หลังจากเราค้นพบแล้วว่าชอบสอนภาษาอังกฤษ ก็อยากมีสถาบันในรูปแบบของตัวเอง เป็นไอเดียฟุ้งๆ แต่มันเพิ่งมาเกิดขึ้นจริงหลังจากที่จบปริญญาโทมาจากประเทศอังกฤษ ก็ 6 – 7 ปีแล้ว เริ่มจากไม่มีอะไรเลย”
“เราบอกไม่ได้ว่าทำไมถึงอยากมีโรงเรียน แค่อยากสอนในที่ของตัวเองเพราะเรารู้สึกว่าเป็นคนที่มีไอเดียค่อนข้างเยอะ ตอนเป็นนิสิตเรามีโอกาสได้ทำงานร่วมกับองค์กรหลายแห่ง แต่ละที่ก็มีความแตกต่างกัน แต่ด้วยตัวเราเป็นแบบนี้ ด้วยไอเดียที่เรามี เราไม่อยากเอาไอเดียของตัวเองไปเสนอแล้วถูกปฏิเสธ มีบางอย่างในชีวิตที่รู้สึกว่าไม่อยากเสียเวลามาถกเถียงเพราะความชอบของเรา มีคนถามตลอดว่า ในเรื่องการตลาดเราทำยังไงให้ที่นี่แตกต่างจากที่อื่น เราไม่เคยพยายามแตกต่างเลยนะ ก็แค่เป็นตัวเอง ไม่รู้ด้วยว่าใครเป็น market share ในตลาดและไม่สนด้วย Angkriz คือที่ที่มองตัวเองถามตัวเองว่าเราเป็นใคร ทำอะไรได้ดี ชอบทำอะไร big idea คืออะไร แล้วเรามุ่งตรงนั้นไปเลย”
อย่ามองแค่เปลือก
“Big idea ของเราง่ายมากคือ Don’t judge a book by its cover อย่าตัดสินหนังสือที่หน้าปก อย่าตัดสินคนที่ภายนอก มาจากที่เรารู้สึกว่าตัวเองโดนตัดสินตลอดเวลา ทั้งเรื่องเพศที่สามหรือเป็นนักแสดงจะสอนได้รึเปล่า โลกใบนี้มีการตัดสินเกิดขึ้นตลอด ไอเดียนี้จึงสำคัญสำหรับโรงเรียน เราหยิบมันมาเล่นว่าอย่าตัดสินหนังสือที่หน้าปกสิ นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมหนังสือเรียนของเราเหมือนนิตยสาร เปิดอ่านก่อนสิ ถ้าไม่อยากเปิดก็ไม่ต้องมาเรียนเพราะว่ามีโรงเรียนอีกตั้งเยอะ เราไม่ได้เปรี้ยวหรืออะไร แต่รู้สึกว่าถ้าตัดสินกันแค่เปลือกก็ไม่ต้องมาพูดเรื่องแก่นแล้ว แล้ว big idea นี้ก็ลามมาถึงสิ่งอื่นๆ ในโรงเรียนด้วย”
สื่อสารได้คือสิ่งสำคัญ
“จุดเด่นอีกอย่างนึงคือ เราเป็นโรงเรียนกวดวิชาที่เน้นว่าการสื่อสารยังสำคัญอยู่ เราไม่ศรัทธาในเด็กที่สอบได้ร้อยเต็มแต่พูดไม่ได้ เด็กที่มาหลายคนรู้สึกว่าเขามีปัญหาเรื่องนี้จริงๆ ได้เกรด 4 แต่พอเราเปิดหนังฝรั่งให้ดู ไม่เห็นตอบคำถามได้สักคำเลย ซึ่งที่จริงเด็กเขาจะชอบเพราะรู้สึกว่าที่เขารู้มาว่าตัวเองเก่งแล้ว ที่จริงเขาไม่ได้เก่งขนาดนั้น เราอยากให้พูดได้ทั้ง 2 ภาษาและรู้สึกสบายใจที่จะพูดจะตอบเป็นภาษาอังกฤษ”
“ความสนุกเป็นรากฐานสำคัญ เราชอบให้เด็กสนุก แต่จะจริงจังก็จริงจังได้ คนถามว่าทำไมต้องขำขนาดนี้ ก็เราเป็นคนตลก ชอบให้คนยิ้มแย้ม แต่ว่าเรื่องภาษานี่ เหตุผลเดียวที่ต้องตลกและสนุกด้วยเพราะเด็กจะต้องรู้สึกผ่อนคลายที่สุด ที่นี่เราโฟกัสเรื่องการออกเสียง ภาษาศาสตร์คือศาสตร์ที่น่ากลัวเวลาคนเครียด เพราะว่าเขาจะไม่อยากพูดเวลารู้สึกไม่เชื่อใจ ทำไมเด็กเวลาไปเรียนกับคลาสฝรั่งถึงเงียบ เพราะมันไม่เชื่อใจ อย่างภาษาไทยเอง ถ้าเราต้องไปอยู่ในห้องกับคนแปลกหน้า 20 คน เราจะคุยกับเขาเหรอ ที่นี่เลยให้เด็กทำความรู้จักกันไว้ก่อน มันจะสนุกขึ้นเพราะวันแรกๆ เรามองคนอื่นในห้องเป็นคนแปลกหน้า แต่หลังจากนั้นเรามองเป็นเพื่อน ซึ่งเวลาอยู่กับเพื่อน เราสนุกมั้ยล่ะ”
เนื้อหาคือกุญแจสำคัญ
“ใครที่ทำกวดวิชาตอนนี้ มันคือยุคที่แข่งกับการสอนดีเพราะเด็กสอบยาก เนื้อหาต้องดีมากจริงๆ อะไรที่มันเป็นเทรนด์ฉาบฉวย แป๊บเดียวมันก็ไป ถ้าเนื้อหาข้างในมันดรอปเมื่อไหร่ก็จบ การทำให้โรงเรียนดังมันมีหลายวิธีมาก ออกสื่อบ่อยๆ ก็ดังได้ แต่การที่จะดึงให้เด็กเข้าใจ บอกต่อ แล้วเก็ต ต้องโฟกัสตรงนี้เลย เราว่าบางคนเขาหลงทาง มัวแต่มานั่งถามว่าทำยังไงโรงเรียนถึงจะดัง ทำยังไงให้ประสบความสำเร็จ แต่ลืมมองไปว่าแล้วนักเรียนมาเรียนเพื่ออะไร ดังนั้น เนื้อหาสำคัญ ซึ่งการจะทำให้มันดีสม่ำเสมอ เราต้องอัพเดต หมายความว่าภาษาอังกฤษมีโครงบางอย่างที่เด็กต้องรู้อย่างเรื่อง tense ต้องสอนให้ดี ให้ง่าย ให้เข้าใจ แต่ก็ต้องมีส่วนที่สนุก คือเราเป็นคนที่ตามข่าวเมืองนอก เป็นครูที่ค่อนข้างทันสมัย เข้าไปอยู่ในโลกของเด็กเพราะอยากเข้าใจ บางทีเอาข่าวอย่างเรื่องดราม่าของ Justin Bieber มาสอนให้เกิดประโยชน์”
ระบบ PC คือตัวเลือกใหม่
“เราไม่เคยคาดหวังว่าโรงเรียนจะประสบความสำเร็จในเบอร์นี้ แต่อยู่ดีๆ มันก็เป็นไปเอง ไม่มีใครแพลนได้เรื่องของความมีชื่อเสียง เราแค่ทำสิ่งที่รัก แต่คงเพราะเราไปอยู่ในสื่อด้วย ดีมานด์ก็เยอะขึ้น เรื่องของไซส์ห้องก็ขยับมาเป็น 45 คน ที่จริงตอนแรกที่เราสอนไม่มีเทคโนโลยีอะไรเข้ามาเกี่ยวข้อง เราไม่อินกับวิดีโอเพราะรู้สึกว่ามันควบคุมไม่ได้เกินไป การที่มีแค่จอกับเด็กร้อยคนอาจจะไม่เวิร์กกับวิชานี้ เราปฏิเสธเรื่องวิดีโอมาโดยตลอด จนเจอเคสที่เด็กต่างจังหวัดอยากเรียนมากแต่มาเรียนไม่ได้ บางคนมาตอนปิดเทอม รวมค่าใช้จ่ายเบ็ดเสร็จแล้วมันแพงมากสำหรับเขา เราเลยมาตั้งคำถามกับทีมว่า move on มั้ย สเต็ปต่อไปคืออะไร สุดท้ายทีมบอกว่างั้นเราลองมาทำสื่อการสอนให้มันแตกต่างมั้ย หมายความว่าทำห้องวิดีโอ แต่ทำในรูปแบบที่มันน่าสนใจขึ้น เราเลยได้คำตอบเป็นระบบพีซี ซึ่งก็คือการจัดการด้วยตัวเอง เป็นการเรียนกับคอม เด็กบริหารเวลาเรียนเองได้ มีความ interactive ประมาณนึง แต่อาจจะไม่เท่าห้องสด ก็เลยเริ่มรีเสิร์ชว่าทำยังไงถึงจะไม่ใช่การอัดวิดีโอแห้งๆ แล้วก็เลยมีการติดตั้งระบบซึ่งลงทุนไปเยอะ ซึ่งโรงเรียนเราก็ใช้แค่ระบบพีซีเท่านั้น ไม่ได้ทำเป็นห้องวิดีโออยู่ดี”
“ตอนนี้โรงเรียนแยกเป็นส่วนต่างๆ ชัดเจนมาก หนึ่งคือห้องสด ซึ่งยังไงก็ดีที่สุดเพราะเด็กอยู่กับเรา เราเหมือนเป็น mentor ของคุณ แต่ถ้าคุณจะเรียนพีซีมันดีเหมือนกัน แต่ว่าเราคิดราคาถูกเพราะคุณไม่ได้มาเจอเรา ส่วนที่สามคือคอร์สออนไลน์ผ่าน angkriz.com ซึ่งอันนี้ลงทุนเยอะมากกับโปรดักชัน เพราะว่าใช้ฝรั่งเป็นหลัก และส่วนที่สี่คือเนื้อหาฟรี”
อย่าเริ่มเพราะอยากรวย
“ถ้าอยากมีโรงเรียนกวดวิชา คุณต้องรู้จักตัวเองว่าอยากทำสิ่งนี้จริงมั้ย แต่ไม่ควรเริ่มทำเพราะอยากรวย เพราะแค่เริ่มก็ผิดแล้ว คุณอาจจะรวยเพราะตั้งเป้าไว้แบบนั้น แต่ถ้าคุณอยากดื่มด่ำกับอาชีพนี้จริงๆ เด็กสัมผัสได้ว่าใครคือนักธุรกิจใครคืออาจารย์ และเด็กสัมผัสได้ว่าใครทำการบ้านมา การสอนไม่ใช่เรื่องง่ายนะ การสอนให้ดี การพูดให้รู้เรื่อง ทุกครั้งที่สอนเราเตรียมเยอะมาก เนื้อหาต้องมี คลังความรู้ต้องเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นก็อยากให้รู้จักตัวเองว่ารักอาชีพนี้จริงมั้ย การที่ได้เห็นนักเรียนคนนึงประสบความสำเร็จ แล้วเราได้เป็นเฟืองเล็กๆ ที่ทำให้เขาไปในทางที่ดีได้ นี่คือรางวัลที่มากกว่าเงิน ”
ทำทุกวันให้ดี
“ตอนนี้เราอยู่ในจุดที่ไม่ต้องการอะไรแล้ว เวลาเป็นนักธุรกิจ เราต้องวางเป้าหมายว่าปีนี้จะได้กำไรเท่าไหร่ มันต้องเพิ่มขึ้นตลอด แต่เราไม่ได้ตั้งเป้าหมายเลย เป้าหมายคือใช้ชีวิตทุกวันให้มันดีจริงๆ บอกตัวเองว่าถ้าเด็กมาเรียนกับเราเราต้องเต็มที่ มีคนถามเราว่าถ้าวันนึงเด็กลดจะทำยังไง เราคิดว่าลดก็คือลด ไม่มีคำตอบอื่น ก็ต้องไปดูปัจจัยว่าเพราะอะไร ถ้าเป็นเพราะเราสอนไม่ดีก็ต้องปรับปรุง แต่ถ้าลดเพราะปัจจัยภายนอก เราก็ทำอะไรไม่ได้ แต่บอกเลยว่าเราจะไม่มีทางเครียด เพราะเราเริ่มจากการสอนเด็กแค่ 1 คน ดังนั้น เด็กจะเหลือกี่คน เราก็ต้องสอนให้มันดีที่สุดอยู่ดี”
ถ้าอยากมีโรงเรียนกวดวิชา คุณต้องรู้จักตัวเองว่าอยากทำสิ่งนี้จริงมั้ย แต่ไม่ควรเริ่มทำเพราะอยากรวย เพราะแค่เริ่มก็ผิดแล้ว คุณอาจจะรวยเพราะตั้งเป้าไว้แบบนั้น แต่ถ้าคุณอยากดื่มด่ำกับอาชีพนี้จริงๆ เด็กสัมผัสได้ว่าใครคือนักธุรกิจ ใครคืออาจารย์
facebook l Angkriz
ภาพ ลักษิกา แซ่เหงี่ยม