นึกถึงเดือน 11 ก็ต้องนึกถึงเลข 11.11 หรือ ‘วันคนโสด’ ที่มาของวันแห่งโปรโมชั่นลดราคาแหลกลาญบนเว็บช้อปปิ้งออนไลน์ ทีแรกเราคิดว่าจะเขียนเรื่องเกี่ยวกับการช้อปปิ้งในไต้หวัน เขียนไปได้ครึ่งทางก็นึกขึ้นได้ว่าที่ผ่านมามีคนโสดมาถามเราเยอะมากเรื่องการไหว้ขอแฟนกับ ‘เทพเยว่เหล่า’ นี่นา
บอกก่อนว่าเราไม่เคยไหว้ขอแฟนกับเทพเยว่เหล่าในไต้หวันสักครั้ง แต่พาเพื่อนคนไทยที่มาเที่ยวไปไหว้บ่อยๆ โดยเฉพาะวัดหลงซานกับวัดเสียไห่ สองวัดดังในไทเป ซึ่งเราเต็มใจไปทุกครั้ง เพราะแม้จะไม่ได้ศึกษาเรื่องศาสนาหรือสถาปัตยกรรมมาโดยตรง แต่ก็โตมากับวัดและศาลเจ้าจีน เราเลยชอบลวดลายมังกร เทพเซียน และลวดลายอีกมากที่อธิบายไม่ถูก ชอบดูเทวรูปสวยๆ ชอบการไหว้ขอพรแล้วตบท้ายด้วยเสี่ยงปัวะปวย (โยนไม้คว่ำ-หงาย) และเซียมซี
ตอบไม่ได้ว่าเราเชื่อเรื่องเทพเจ้ามากน้อยแค่ไหนแต่เวลามีเรื่องที่อยู่เหนือการควบคุมมากๆ การได้ผ่านพิธีกรรมพวกนี้อย่างน้อยก็ทำให้รู้สึกสนุกดีเวลาลุ้นผล และอุ่นใจมากขึ้นเวลาได้คำตอบที่ดี ส่วนถ้าได้คำตอบที่ไม่ดีเราก็จะเลิกนับถือเทพชั่วคราวประมาณ 2-3 วัน คิดเสียว่าเซียมซีกับปัวะปวยก็แค่แท่งไม้ ทำใจได้แล้วค่อยกลับมาดีกับเทพใหม่
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่วัดในไต้หวันกลายเป็นที่นิยมในหมู่คนไทย ถ้าได้มาไต้หวันก็ต้องมาไหว้ หรือแม้จะไม่ได้มาก็ต้องฝากเพื่อนหิ้วเครื่องรางต่างๆ กลับไปให้แทน เพื่อนคนไต้หวันของเรามีทั้งคนที่ไม่เชื่อและไม่นับถือศาสนารวมถึงวัตถุมงคลเหล่านี้เลย ส่วนบางคนก็เติบโตมากับพ่อแม่ที่เป็นร่างทรงจนสามารถบอกเราได้ว่าถ้าไปไหว้วัดนี้ต้องทำอะไรบ้าง เทพองค์ไหนให้พรเรื่องอะไร ไหว้ท่าไหนถึงจะถูกต้อง ฯลฯ แต่เวลาเราเล่าให้คนไต้หวันฟังว่าคนไทยบางคนก็ศรัทธาในวัดที่ไต้หวันมาก ร้อยทั้งร้อยฟังแล้วก็แปลกใจ
แล้วก็ไม่รู้ว่าทำไมอีกเหมือนกันที่เทพที่ดูจะป๊อปที่สุดในหมู่คนไทยคือ ‘เทพเยว่เหล่า’ หรือ ‘ผู้เฒ่าจันทรา’ ตามตำนานบอกว่าเป็นเทพที่คอยผูกด้ายแดงให้มนุษย์ และบอกว่ามนุษย์แต่ละคนควรจะได้คู่กับใคร มาคิดดูแล้วส่วนหนึ่งอาจเพราะวัดจีนในไทยไม่ค่อยมีเทพองค์นี้ประดิษฐานอยู่เท่าไหร่ หรือมีก็ไม่ใช่เทพองค์เด่น จึงกลายเป็นเทพไต้หวันที่โดดเด่นในสายตาคนไทยไปโดยปริยาย
เวลาไปไหว้เทพเยว่เหล่า คนไต้หวันมักจะเตรียมขนมหวาน ช็อกโกแลต พุทราจีน เก๋ากี้ (โกจิเบอร์รี) หรือดอกไม้สำหรับบูชาด้วย และเวลาขอเรามักจะแนะนำเพื่อนให้เริ่มจากการแนะนำตัวเอง ทั้งชื่อ วันเกิด อายุ ที่อยู่ปัจจุบัน ซึ่งเป็นวิธีที่เราใช้ทุกครั้งที่ไปไหว้ขอพรเทพทุกองค์ พอถึงเวลาขอก็ให้ขออย่างละเอียดที่สุด จะบอกแค่ “ขอให้ได้เจอกับคนดีๆ ไม่นอกใจ และเข้ากันได้สักคน” นั้นกว้างไป คนไต้หวันเขาว่าเทพจะสับสน หรือถ้าอยากได้คนสูงๆ จะบอกว่า “ขอคนสูงๆ” ก็ไม่ได้อีก ต้องระบุไปเลยว่าสูงอย่างน้อยเท่าไหร่
ไม่ต้องกลัวเทพจะหาว่าเรื่องมาก อยากได้เท่าไหร่ก็ต้องบอกให้ละเอียด ในบทความท่องเที่ยวไต้หวันของ The Taiwan Times ถึงกับบอกให้ระบุทั้งอายุ หน้าตา พื้นเพ และลักษณะหรืออุปนิสัยอื่นๆ สุดท้ายเรามักแนะนำเพื่อนหลายคนให้จดโน้ตมาเลย ถึงเวลาไหว้ก็ควักขึ้นมาอ่านตามนั้น จะยืนขอหลายนาทีก็ไม่เป็นไร ไกด์อย่างเรารอได้
ช่วงแรกๆ มีเพื่อนหลายคนไม่ได้เตรียมมาล่วงหน้า หลายคนก็ขอแค่กว้างๆ แล้วบอกกับเราว่า “เขาเป็นเทพก็ต้องรู้แหละว่าคนไหนเหมาะกับเรา” และมีอีกหลายคนที่ไม่กล้าไหว้ขอเป็นภาษาไทยเพราะกลัวเทพจะไม่รู้เรื่อง เราได้แต่บอกเพื่อนว่า “เขาเป็นเทพก็ต้องฟังออกทุกภาษาแหละน่า”
นอกจากการไหว้ขอพรแล้ว แต่ละวัดของไต้หวันยังมีวิธีทำพิธีให้เสร็จสมบูรณ์ต่างกัน อย่างที่วัดหลงซานนั้นหลังจากขอพรเสร็จต้องเสี่ยงปัวะปวยด้วยเพื่อดูว่าเทพยินยอมจะช่วยหรือเปล่า ถ้าไม้เสี่ยงทายออกคว่ำ-หงาย 3 ครั้งแปลว่าเทพตอบตกลง เราก็สามารถไปหยิบด้ายแดงวนธูป 3 รอบ แล้วพกติดตัวไว้ได้เลย
ส่วนที่วัดเสียไห่ต้องใช้ชุดกระดาษเงินกระดาษทอง ธูป และของบูชาอื่นๆ ที่ทางวัดจัดให้เพื่อไหว้เทพเจ้าต่างๆ ตามลำดับที่มีบอกไว้ หลังปักธูปถ้าโชคดีวันนั้นอาจมีคู่รักที่สมหวังกลับมาไหว้พร้อมกับเค้กแต่งงานหรือขนมหวานอื่นๆ ทางวัดก็จะเอาของไหว้เหล่านั้นออกมาแบ่งให้ผู้ที่มาไหว้วันเดียวกันได้กิน เหมือนเป็นการแบ่งพลังแห่งความโชคดี หรือถ้าวันนั้นไม่มีของไหว้จากคู่รักที่สมหวังวัดจะให้ดื่มน้ำชาศักดิ์สิทธิ์ที่ปรุงจากพุทราจีน เก๋ากี้ และน้ำตาลแทนคำอวยพรจากเทพเยว่เหล่าแทน
วันที่หนาวๆ เขาจะเสิร์ฟชาร้อน ถ้าผ่านไปทางนั้น เราจะเดินไปไหว้และจิบชานี้เหมือนกัน ถึงจะไม่ได้ขอแฟน แต่ก็ขอให้เทพเยว่เหล่าช่วยประทานความหวานและอบอุ่นด้วยชาหนึ่งแก้วแทน
เขียนมาขนาดนี้ จะไม่แนะนำวัดดังที่คนไต้หวันนิยมไปขอแฟนก็ยังไงอยู่ ว่าแล้วก็…
1. วัดหลงซาน (Longshan Temple)
วัดเก่าแก่ยอดฮิตของไทเปที่แม้ช่วงโควิด-19 ไต้หวันจะปิดประเทศแต่วัดก็ยังคึกคักทุกวัน วัดนี้เดินทางสะดวกเพราะอยู่ติดรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินชื่อสถานี Longshan Temple ถัดจากสถานี Ximending ถ้าขอความรักวัดนี้ต้องวัดดวงว่าเทพจะตกลงยอมช่วยและได้ด้ายแดงกลับไปหรือเปล่า
2. วัดเสียไห่ (Xia Hai City God Temple)
ตั้งอยู่ในย่านต้าเต้าเฉิงและโด่งดังเรื่องความรักโดยเฉพาะ มาวัดนี้ขอแค่ทำครบทุกขั้นตอนก็จะได้ด้ายแดงกลับไป นักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะชาวเกาหลีและญี่ปุ่นจะชอบมาวัดนี้เป็นพิเศษ
3. วัดต้าเทียนโฮ่ว (Grand Mazu Temple)
วัดเก่าแก่ในเมืองไถจง ตั้งอยู่ในย่านท่องเที่ยวติดกับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ภายในศาลของเทพเยว่เหล่ามีบอร์ดติดรูปคู่รักและการ์ดเชิญไปงานแต่งงานของคู่รักที่สมหวังหลายคู่
4. วัดหลงเฟิ่ง (Longfeng Temple)
วัดที่อยู่ติดกับทะเลสาบสุริยันจันทรา มีเทพเยว่เหล่าองค์ใหญ่ตั้งอยู่ตรงศาลาด้านนอก มีขั้นตอนการทำพิธีคล้ายกับวัดเสียไห่
อ้างอิง