‘เรื่องเล่นเราจริงจัง’ ยิงปืน ขับรถ เล่นบอร์ดเกม ที่ ‘Gamesmith’ Co-Gaming Space ที่ใหญ่ที่สุด

Highlights

  • Gamesmith คือ Co-Gaming Space ที่ใหญ่ที่สุดในไทย โดยมีจุดเริ่มต้นจากสี่พี่น้องผู้ชื่นชอบและเล่นเกมด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก นอกจากจะมีพื้นที่กว้างขวางกว่า 2 ไร่แล้ว ภายในร้านก็มีเกมมากมายหลายรูปแบบให้เลือกเล่นกันตามความชอบ
  • พวกเขาตั้งสโลแกนร้านไว้ว่า 'เรื่องเล่นเราจริงจัง' จึงไม่แปลกใจที่เราจะได้เห็นอุปกรณ์เกมระดับท็อป รวมถึงเกมเก่าหายากภายในร้านนี้ ซึ่งนอกจากเป้าหมายที่อยากให้ทุกคนได้ความสนุกสนานจากการเล่นเกมกลับบ้านไปแล้ว ทั้งสี่คนยังอยากให้ที่นี่เป็นพื้นที่และโอกาสในการสร้างคอมมิวนิตี้สำหรับคนชอบเล่นเกม ภายใต้บรรยากาศสบายๆ ที่ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็สามารถมาจอยได้

‘Co-Gaming Space’ คือคอนเซปต์ของสถานที่ใหญ่โตแห่งนี้ที่ดึงดูดเราให้สนใจ จนต้องขอเดินทางมายังย่านตลิ่งชัน

จะเรียกว่าฐานทัพคนชอบเล่นเกมคงไม่ผิดนัก เพราะตอนที่ก้าวเข้าสู่ Gamesmith เรารู้สึกว่ากำลังย้อนกลับไปในวัยเด็กอีกครั้ง เพราะนอกจากสภาพแวดล้อมที่รายล้อมไปด้วยเด็กๆ และวัยรุ่นแล้ว เครื่องเกมที่ตั้งประจำการตามมุมต่างๆ ก็ให้ความรู้สึก Nostalgic นึกถึงตอนที่ตัวเองเล่นเกมตลับที่บ้าน หรือวิ่งตามน้องชายไปเล่นเกมที่ร้านเกมแถวบ้าน 

บอร์ดเกม ตู้พินบอล เกมตู้ เครื่องเกม Console VR Laser Tags ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างเกมบางส่วนที่บรรจุอยู่บนพื้นที่ 2 ไร่อันกว้างขวางแห่งนี้ 

ยอมรับว่าอดตื่นเต้นไม่ได้ เพราะหนึ่งคือเราไม่เคยเห็นร้านเกมที่ใหญ่โตและมีเกมหลากหลายขนาดนี้มาก่อน สองคือที่นี่เหมาะเป็นที่แฮงเอาต์แห่งใหม่สำหรับเราและกลุ่มเพื่อนๆ มาก เพราะถึงจะเป็นร้านเกม แต่ Gamesmith ให้บรรยากาศที่แตกต่างออกไปจากร้านเกมที่หลายคนติดภาพ บรรยากาศสบายๆ เฟรนด์ลี่ของที่นี่ทำให้เราไม่เกร็งหรืออึดอัดแม้แต่น้อย แถมดูจะมีโอกาสได้เพื่อนใหม่ง่ายเสียด้วย

ป๊อก–ฉัตรชัย, ปิ๊ก–ชิณโชติ และ โปร–ชีวะวัฒน์ หอรุ่งเรือง คือเหล่าพี่น้องผู้ก่อตั้ง Co-Gaming Space ที่เรายืนอยู่ อันที่จริงแล้วยังมีแป๊ะ พี่ชายคนโตสุดอีกคนที่ติดธุระไม่สามารถมาร่วมพูดคุยกับเราได้ ทว่าทั้งสามคนก็ต้อนรับเราเป็นอย่างดี พาเดินผ่านเครื่องเกมต่างๆ เพื่อเข้าไปในโซนล่าสุดที่พวกเขาเพิ่งอัพเลเวลขึ้นมา

‘เรื่องเล่นเราจริงจัง’ สติกเกอร์สโลแกนร้านตัวโตแปะตรงประตูเด่นชัด และเท่าที่เห็น เราว่าพวกเขาก็จริงจังกับการเล่นจริงๆ เพราะแทบไม่มีมุมไหนในร้านที่โล่งว่างเลย

เอาล่ะ ถ้าพร้อมฟังเรื่องราวของแก๊งพี่น้องนี้แล้วก็กดปุ่มสตาร์ทเกมกัน Game Ready!

ด่านแรก : เลือกตัวละคร

ย้อนกลับไปเมื่อครั้นที่พี่น้องสี่คนยังอยู่ในวัยเด็ก ด้วยความที่ทั้งหมดเป็นเด็กผู้ชาย การเล่นเกมจึงถือเป็นกิจกรรมที่พวกเขาโปรดปรานที่สุด และเมื่อโตขึ้นเกมที่เล่นก็พัฒนาเปลี่ยนแปลงตามยุคสมัย รวมถึงความชอบของแป็ก ป๊อก ปิ๊ก และโปร จากเกม Super Famicom เป็น Nintendo ก่อนขยับมาเรื่อยๆ เป็นเกมคอมพิวเตอร์ จากนั้นแต่ละคนจึงเริ่มมีเรื่องที่ชอบแตกต่างกันไป

“อย่างปิ๊กชอบบอร์ดเกม โปรชอบเกมคอมพิวเตอร์ เราไปพวกแก็ดเจ็ตเทคโนโลยี ส่วนพี่แป็กเน้นกีฬา ซึ่งพอมานั่งดูกันแล้วรู้สึกว่าของเล่นที่บ้านเราเยอะมากเลย เพราะเหมือนทุกคนทำงานได้เงินก็เอามาซื้อของเล่นจนเต็มบ้าน สุดท้ายก็คุยกันว่าทำไมเราไม่ทำร้านขึ้นมาแล้วแบ่งเอาสิ่งของที่เราซื้อไว้ที่บ้านมารวมไว้ที่เดียวกันเพื่อให้คนอื่นมาเล่น เป็นการแชร์ความสุขให้ทุกคนไปด้วย เลยกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ Gamesmith ทุกคนอาจมี Playstation มี Nintendo Switch อยู่บ้าน แต่ไม่มีที่ไหนที่มีเยอะแบบที่นี่”

“เราอยากรวมคนรักเกมมาอยู่ในที่เดียวกัน และอีกอย่างคือเราเล่นคนเดียวยังไงก็ไม่สนุก ต้องชวนเพื่อนชวนพี่น้องมาเล่นที่บ้าน ซึ่งบางคนก็ว่างบ้างไม่ว่างบ้าง หรือบางทีเขาก็ไม่อยากมาบ้านเรา เลยคิดว่าถ้ามีโคเวิร์กกิ้งสเปซแล้ว ทำไมเราจะมีโคเกมมิ่งสเปซบ้างไม่ได้ เรามีเกมทุกอย่างให้คุณเล่น คุณอาจเข้ามาที่นี่ 2 คน แต่เราจะจับคุณจอยกับคนอื่นให้ได้ ไม่จำเป็นต้องเล่นกันแค่ 2 คน บางทีมา 2 กลุ่ม กลุ่มละ 2 คน งั้นมาเล่นเกม 4 คนไหม อะไรทำนองนี้ ซึ่งลูกค้าก็แฮปปี้มากที่เราจับพวกเขามาเจอกัน ทำให้ได้เพื่อนใหม่ รู้จักคนใหม่ๆ” ป๊อกอธิบายด้วยรอยยิ้ม

แม้ว่าพี่น้องแต่ละคนจะมีความชอบที่แตกต่างกัน แต่ตอนที่รวมตัวกันทำร้านนี้ สี่พี่น้องก็เห็นพ้องตรงกันว่าอยากทำโคเกมมิ่งสเปซให้เกิดขึ้นจริง เพราะทุกคนล้วนเห็นว่าการเล่นเกมให้สนุกจริงๆ ต้องมีคนมาเล่นด้วย ยิ่งมีคนมาจอยเยอะก็ยิ่งสนุก

“เดี๋ยวนี้เวลาเล่นเกมคนก็เล่นแบบคุยกันทางออนไลน์ไม่เห็นหน้า เราอยากเปลี่ยนประสบการณ์พวกเขาบ้าง อยากให้เด็กๆ ยุคนี้ที่ชอบเล่นเกมเหมือนกันมาเจอหน้ากันบ้าง เป็นอีกรูปแบบของ Multiplayer เพราะสมัยพวกเราเล่นแบบนี้กันมาก่อน แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีอารมณ์นั้นแล้ว ก็เป็นความคิดถึงอดีตระดับหนึ่ง”

ด่านสอง : ออกฟาร์มของ

ความใหญ่โตของ Gamesmith ที่กินพื้นที่กว่า 2 ไร่ คือจุดเด่นหนึ่งที่ทำให้เราแน่ใจว่าที่นี่ต้องกว้างขวาง ไม่อึดอัดแน่ๆ ภาพคอมพิวเตอร์หรือเครื่องเกมที่เรียงติดกันเป็นแถวยาวแน่นขนัดในร้านเกมแบบที่เราชินตาจะไม่มีให้เห็นภายในอาคารนี้

ป๊อกเล่าว่าตอนที่หาโลเคชั่น พวกเขาขับรถผ่านแถวนี้ประจำและพบว่าแม้มันจะไกลไปหน่อย แต่คิดว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ขอแค่เพียงจับตลาดให้ได้ยังไงก็มีคนมาแน่ๆ จึงตัดสินใจคุยกับเจ้าของที่ทันที “เราบอกไปว่าจะทำสิ่งนี้แต่อยากได้พื้นที่ใหญ่ เพราะไม่ต้องการให้เป็นร้านเกมเล็กๆ อยากให้มีเกมทุกอย่าง หลากหลาย และใหญ่ที่สุดให้ได้ พอเจ้าของเห็นด้วยก็เริ่มทำ แม้ทำเลอาจไม่ได้ดีมากแต่เรามองว่าคนที่มาเขาไม่ได้มาซื้อข้าวกินแล้วกลับ ไม่ได้มาอยู่แค่แป๊บเดียว ต่อให้คุณคิดว่ามาแค่ 1-2 ชั่วโมงแล้วเดี๋ยวไป แต่เรามั่นใจว่าคุณอยู่เกินแน่ๆ คุณจะไม่อยากกลับบ้านเลย”

จากวันที่เริ่มเปิดให้บริการมาจนถึงตอนนี้ เป็นเวลากว่า 6 เดือนที่สี่พี่น้องค่อยๆ เพิ่มเติมแก้ไขในแง่ของธุรกิจและตัวเกมมาเรื่อยๆ จากที่เคยคิดว่าพื้นที่ขนาดนี้น่าจะเพียงพอกลายเป็นไม่พอเสียแล้ว

“เพราะมันไม่มีคำว่าสุดท้ายของธุรกิจเกม มีสิ่งใหม่ออกมาทุกวันและเราก็พร้อมเปิดรับตลอดเวลา รวมถึงการที่เราฟังความต้องการของลูกค้าด้วย เช่น ลูกค้าคิดถึงเกมนั้น จำได้ว่าเป็นเกมที่เคยเล่นตอนเด็กๆ เราก็ไปหาของมาสนองความต้องการลูกค้า ซึ่งขณะเดียวกันก็สนองความต้องการเราด้วย อย่างเกม Rock Band ที่ออกมาเป็น 10 ปีแล้ว ของหายากมาก ไม่สามารถหาได้ในเมืองไทย เราก็ไปหาของใน eBay ในเมืองนอกดู และพบว่ายังมีคนชอบแบบเรา ทั้งๆ ที่อุปกรณ์ไม่มีขายแล้ว แต่คนที่ชอบเขาไปถึงขนาดเอามาซ่อมเอง ออกแบบแผ่นปรินต์เอง ยังมีคอมมิวนิตี้ที่ทำอะไรแบบนี้อยู่ ซึ่งทำให้เราได้ความรู้ใหม่มาด้วย”

 

ขณะเดียวกัน Gamesmith ก็กลายเป็นที่นัดพบของสี่พี่น้องไปโดยปริยาย พอเลิกงานจากที่มุ่งตรงกลับบ้านของตัวเอง พวกเขาก็เปลี่ยนมาเล่นเกมที่นี่ก่อน

“เหมือนเป็นพื้นที่ที่เล่นเกมของพวกเราไปแล้ว กลายเป็นว่าพี่น้องเจอกันมากกว่าก่อนเปิดร้านอีก แล้วไม่ใช่แค่พวกเราอย่างเดียว ลูกค้าที่มาใช้บริการหลายคนตอนนี้ก็เป็นเหมือนญาติพี่น้อง พวกเขาเป็นมากกว่าคนที่จ่ายเงินเข้ามาเป็นลูกค้าเรา มีซื้อขนมมาฝาก ใส่ใจกัน พวกเราก็ดีใจที่เปิดร้านนี้ขึ้นมาแล้วมีคนชอบและเห็นว่าสิ่งที่เราทำมันดี”

ด่านสุดท้าย : เจอบอส

“เราสนุกตรงที่ได้เจอคนใหม่ๆ ตลอด เพราะในที่สุดมันออกมาเป็นที่แฮงเอาต์ที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน เป็นตัวเลือกให้คนมาสนุกได้มากขึ้น” โปรบอกเล่าถึงสิ่งที่เขามองเห็นหลังจากสังเกตทิศทาง Gamesmith ที่ดำเนินมา

จากกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ที่เป็นวัยรุ่น หลังๆ มานี้ก็เริ่มมีลูกค้าวัยเด็กและเป็นครอบครัวมาใช้บริการกันมากขึ้น ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ทั้งสี่คนดีใจ เพราะแสดงให้เห็นว่าร้านเกมก็เป็นสถานที่ที่คนทุกเพศทุกวัยสามารถมาใช้เวลาร่วมกันได้ นอกจากนี้ยังช่วยเปลี่ยนมุมมองผู้ใหญ่ที่มีต่อภาพลักษณ์ของเกมด้วย

“เราชอบที่ได้เห็นเด็กๆ มีความสุข บางทีพ่อแม่เขามาบอกว่าสิ่งที่พวกเราทำมันดีนะ ดีตรงที่ผู้ปกครองเข้ามามีส่วนร่วมได้แบบกลมกลืน เขาเห็นเด็กวัยรุ่นที่เรียนชั้นมัธยมฯ หรือมหาวิทยาลัยมาเล่นกันเป็นปกติ ทั้งที่เมื่อก่อนเขาเคยมองว่าเกมเป็นสิ่งที่มอมเมาเยาวชนอย่างเดียว แต่พอเข้ามาที่นี่เห็นคนหลายช่วงอายุ รวมถึงเรื่องบรรยากาศ ความปลอดภัยต่างๆ ความรู้สึกเขาก็เปลี่ยนไป”

“ที่ดีใจคือเราสามารถเปลี่ยนความคิดของหลายๆ คนได้ว่าเกมไม่ใช่เรื่องไม่ดีอีกต่อไปแล้ว เดี๋ยวนี้มันมี E-sports มีคอนเทนต์เกมที่น่าสนใจอีกเยอะแยะ นอกจากไม่ได้มอมเมาเด็กๆ แล้ว ยังเป็นอาชีพได้อีก ซึ่งนักกีฬา E-sports เหมือนนักกีฬาทั่วไปเลย หลักการเดียวกันคือถ้าจะเป็นนักกีฬา คุณต้องหมั่นฝึกซ้อม ไม่งั้นคุณจะเป็นคนเล่นกีฬาเฉยๆ” ป๊อกเสริม

นอกจากความสนุกเพลิดเพลินกับเหล่าเกมที่ร้านคัดเลือกมาให้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นบอร์ดเกมกว่า 250 เกม เครื่องเกม Console อาทิ PS4, Xbox One, Kinect และ Switch ตู้เกม พินบอล โต๊ะปิงปอง โต๊ะพูล เกมตีกลอง เกมเต้น เกมขับรถ และ Laser Tags ที่จัดเต็มทั้งสนามและอุปกรณ์ระดับท็อปสมกับสโลแกน ‘เรื่องเล่นเราจริงจัง’ อีกจุดประสงค์สำคัญที่ทั้งสี่คนสร้างที่นี่ขึ้นมาคือ อยากเปิดโอกาสและพื้นที่ให้คนที่ชอบเล่นเกมมาเจอกันเพื่อสร้างคอมมิวนิตี้ที่แข็งแรงขึ้นมานั่นเอง เราจึงไม่แปลกใจที่พวกเขาพยายามรักษาบรรยากาศของร้านให้สบายๆ เป็นมิตรกับทุกคน

“เพราะเกมมันมาพร้อมกับความแพ้-ชนะอยู่แล้ว มันคือการแข่งขันอย่างหนึ่ง ต่อให้คุณบอกว่ามันคือการเล่น แต่ก็จะมีเส้นบางๆ ระหว่างการที่คุณสนุกหรือจริงจังกับมันมากไปไหม ซึ่งนั่นจะวัดว่าคุณมีน้ำใจนักกีฬาหรือเปล่า ยอมรับความแพ้ได้ไหม เพราะสุดท้ายแล้วคนที่คุณเล่นด้วยก็คือเพื่อนคือคนที่ชอบอะไรเหมือนกัน”

“การแข่งขันมันดีในแง่การพัฒนาฝีมือตัวเอง แต่ก็อย่าเอามาเป็นเรื่องส่วนตัว สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกับผู้เล่นแค่เรื่องเกม แต่รวมไปถึงการใช้ชีวิต การอยู่ในสังคม เพราะบางคนจากที่เคยอยู่แต่กับตัวเอง เล่นเกมคนเดียว เวลาเล่นแพ้ก็โหวกเหวกโวยวายได้ แต่พอเข้ามาเล่นเกมในนี้ถึงเวลาที่แพ้เขายอมรับได้หรือเปล่า บรรยากาศการเล่นกับคนอื่นจะช่วยเฉลี่ยๆ อารมณ์นี้ไป กลายเป็นว่าการแพ้มันก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิดนี่หว่า รอบนี้ชนะรอบหน้าอาจแพ้ก็ได้ สลับกันไป มันเป็นการเข้าสังคมที่ดีอย่างหนึ่งเหมือนกัน”

ล่าสุดผู้ก่อตั้งทั้งสี่กำลังอัพเลเวลต่อเติมส่วนห้อง Gamesmith Live เพื่อต้องการสนับสนุนพื้นที่และอุปกรณ์สำหรับผู้ที่สนใจมาไลฟ์แคสต์เกมหรือสตรีมเกม ถือเป็นการสร้างจุดเริ่มต้นให้คนที่อยากต่อยอดความชอบเป็นอาชีพในอนาคต เพื่อตอบโจทย์ความเป็นโคเกมมิ่งสเปซอย่างที่ตั้งใจไว้ และในอนาคตพวกเขาก็หวังว่าจะได้ขยายคอมมิวนิตี้นี้ให้ใหญ่ขึ้น อาจมีการจัดแข่งขันเล่นเกมเพิ่มความสนุกท้าทาย โดยเน้นความสนุกสนานเป็นหลัก เพื่อเพิ่มโอกาสให้คนที่เคยเห็นหน้าค่าตากันในร้านได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความชอบกัน

คิดว่าจะมีวันที่เบื่อการเล่นเกมไหม เราตั้งคำถามกับสามพี่น้องผู้ชอบเล่นเกมเป็นชีวิตจิตใจ

โปรรับหน้าที่ตอบ โดยมีพี่ๆ ยิ้มรับไปด้วย “เกมมันอยู่กับชีวิตพวกเราไปแล้วเพราะเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก ถึงสไตล์จะแยกกันออกไป แต่สุดท้ายเราก็สามารถเล่นด้วยกันได้อยู่ดี อย่างผมไม่เคยคิดอยากจับบอร์ดเกม ตอนนี้ก็มานั่งเล่นด้วยกันได้ ดังนั้นมันคงไม่มีวันที่เบื่อจนเลิกเล่นเกมหรอก เพราะในที่สุดแล้วเกมมันก็คล้ายๆ กัน คนมารวมตัวกันเล่นเพื่อความสนุก ขณะเดียวกันมันก็ฝึกคนให้ใช้ไหวพริบ ความคิด และรู้จักแก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า มันมีอะไรน่าสนใจออกมาใหม่ตลอด” 

แม้ว่าบทสนทนาครั้งนี้จะจบลงแล้ว แต่เส้นทางของเหล่านักเล่นเกมที่ Gamesmith น่าจะยังไปต่อได้อีกยาวๆ ต่อให้เกมนี้โอเวอร์แล้วก็ย้ายไปต่อที่เกมใหม่ได้อยู่ดี ขอสัญญาต่อหน้าตู้เกม Street Fighter เลยว่าครั้งหน้าเราจะไม่มาที่นี่คนเดียวแน่!


Gamesmith

address : อยู่ห่างจากโครงการ The Circle ราชพฤกษ์ 300 เมตร

hours : อังคาร – ศุกร์ 14:00 – 24:00 น. เสาร์ – อาทิตย์ 12:00 – 24:00 น.

facebook : Gamesmith

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ชนพัฒน์ เศรษฐโสรัถ

ช่างภาพนิตยสาร a day ที่เพิ่งมีพ็อกเก็ตบุ๊กเล่มใหม่ชื่อ view • finder ออกไปเจอบอลติก ซื้อสิ ไปซื้อ เฮ่!