THAITANIUM : วงฮิปฮอปรุ่นพี่ที่รอใครสักคนแซงหน้าและนำทางใหม่

Highlights

  • THAITANIUM กำลังจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งที่สาม จัดเต็มทั้งแสงสีเสียงและแขกรับเชิญสุดพิเศษหลายชีวิตที่ทั้งสามคนกระซิบบอกมาว่าตื่นเต้นมากๆ ที่จะได้ขึ้นเวทีด้วย
  • ในฐานะที่เป็นศิลปินฮิปฮอปรุ่นบุกเบิก การกลับมาของกระแสเพลงฮิปฮอปครั้งนี้พวกเขามั่นใจว่าฮิปฮอปจะอยู่ได้นานกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา เพราะวงการฮิปฮอปในวันนี้มีเด็กรุ่นใหม่เข้ามารันวงการเพิ่มขึ้นมากมาย ราวกับว่ามีแขนขาที่แข็งแรงขึ้น
  • สิ่งที่วงแรปเปอร์รุ่นพี่อยากฝากถึงน้องๆ คือการฝึกแรปให้ดีเพราะนี่คือเสน่ห์ที่สำคัญที่สุดของเพลงฮิปฮอป การร้องเพลงของแรปเปอร์รุ่นใหม่ ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร หากมองภาพรวมเพลงฮิปฮอปก็คือความบันเทิงอย่างหนึ่ง

ในยุคบุกเบิกและระยะเวลาเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมาของซีนดนตรีฮิปฮอปไทย เราพูดได้เต็มปากว่า THAITANIUM คือวงอยู่คู่ไทม์ไลน์นี้มาตลอด ทั้งเบื้องหน้าของการเป็นวงฮิปฮอปรุ่นพี่ และเบื้องหลังที่คอยผลักดันให้ดนตรีจากอีกซีกโลกหนึ่งมีที่ทางอยู่ในประเทศนี้ รวมทั้งช่วยซัพพอร์ตรุ่นน้องหลายคนให้เติบโตเป็นแรปเปอร์ที่แข็งแกร่ง

โดยส่วนตัว เราเชื่อว่าการแบ่งปันประสบการณ์ที่เคยพบเจอมาก่อนหน้าคือหน้าที่หนึ่งของคนที่เป็นรุ่นพี่ การเลือกที่จะเชื่อและรับเอาสิ่งที่พวกเขาแนะมาทำตามหรือไม่ นั่นคือหน้าที่ของรุ่นน้อง ถ้าให้จินตนาการว่าตัวเองเป็นเด็กรุ่นใหม่ในโลกฮิปฮอปไทย THAITANIUM คงเป็นวงรุ่นพี่ที่เราอยากวิ่งเข้าหาและเชื่อฟังพวกเขาสุดใจ

วันนี้ ขัน–ขันเงิน เนื้อนวล, เดย์–จำรัส ทัศนละวาด และ เวย์-ปริญญา อินทชัย ใจดีชวนเราไป THAITANIUM UNBREAKABLE CONCERT คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งที่สามของวงที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนหน้า และในฐานะที่เป็น pioneer แห่งวงการฮิปฮอปไทย พวกเขามองและคิดกับอนาคตของวงการฮิปฮอปที่พวกเขาสร้างมาอย่างไร ตัวหนังสือหลังจากนี้คือคำตอบที่เราได้ฟัง


ชื่อคอนเสิร์ต ‘Unbreakable’ มีความหมายยังไงกับพวกคุณ

ขัน : มันเป็นคำที่สื่อถึงชื่อของวง THAITANIUM แปลว่าเหล็กที่แข็งกล้า ด้วยความเป็นไทยเราก็เหมือนคนไทยรุ่นใหม่ที่มีความสามัคคีกัน ไม่มีการแบ่งแยกกัน จริงๆ ผมคิดชื่อนี้มาก่อนที่เราจะรวมวง ตอนแรกมันเป็นแค่ชื่อแก๊งครับ เราเป็นคนไทยที่โตเมืองนอก มีความเป็นไทยสูง ขณะเดียวกันก็มีความเป็นฝรั่งสูงเหมือนกัน คิดว่าชื่อแร่ไทยเทเนี่ยมที่สะกดด้วย T H A I น่าจะนิยามตัวเราได้ดีที่สุด แล้วก็ใช้ชื่อนี้มา 18 ปีแล้ว ทุกวันนี้พวกเรายังอยู่ดีครับ ไม่แตกแยกกันไปไหน

โชว์ในคอนเสิร์ตใหญ่ครั้งนี้แตกต่างจากคอนเสิร์ตใหญ่สองครั้งก่อนยังไง

เวย์ : เวลาเล่นคอนเสิร์ตเราจะมีลิสต์เพลงที่ร้องกันยาวๆ 3-4 ชั่วโมง แต่คอนเสิร์ตนี้เราอยากทำสิ่งที่แตกต่างจากครั้งอื่นๆ โชว์คราวนี้เราผสมผสาน stage show เข้าไปด้วย คอนเสิร์ตถูกแบ่งออกเป็น 5-6 ช่วงที่ไม่เหมือนกันเลย ในบางช่วงก็คล้ายกับละครเวที มีแอ็กติ้ง มีพร็อพ มีเอ็กซ์ตร้า เราอยากจัดเป็นคอนเสิร์ตที่มีธีม อย่างเวลาศิลปินต่างประเทศออกอัลบั้มแต่ละครั้ง เขาจะคิดธีมสำหรับโชว์ด้วย หลายๆ ครั้งที่ไทยเทไปเล่นตามผับตามบาร์ อุปกรณ์ที่มีมันไม่ได้รองรับการนำเสนอโชว์ของเราเต็มที่

ขัน : เขาเรียกว่ามันไม่ full option สมมติเราอยากโชว์เพลง สุดขอบฟ้า เราจินตนาการว่าเวลาขึ้นเวที เราอยากให้มีน้าแอ๊ดอยู่ข้างหลัง มีภาพสุดขอบฟ้าพร้อมกับแสงสีเสียง เวลาเล่นตามคลับมันไม่มีเลย คนดูก็เลยไม่ได้เห็นภาพอย่างที่พวกเราจินตนาการไว้ ผมคิดว่าโชว์เต็มรูปแบบครั้งนี้น่าจะช่วยสร้างบรรยากาศ และเล่าเรื่องของเพลงทุกเพลงที่เราตั้งใจทำออกมาอย่างเต็มที่ที่สุด

เดย์ : สิ่งที่พิเศษสุดก็คือแขกรับเชิญของเรานะครับ เราหวังว่าจะได้โชว์กับน้าแอ๊ด คาราบาว ตั้งแต่คอนเสิร์ตครั้งที่แล้วแต่ก็พลาดโอกาส แต่ครั้งนี้เรามีน้าแอ๊ดมาด้วย มีคนที่เรายังไม่เคยร่วมเวทีด้วยอย่างน้องญาญ่า, สิงโต นำโชค, บอย Lomosonic รวมทั้งน้องๆ รุ่นใหม่ที่กำลังสร้างชื่อเสียงในวงการฮิปฮอป คอนเสิร์ตครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้ขึ้นเวทีกับทุกคนที่เราเคยร่วมงานในอดีตและปัจจุบัน

อยู่ในวงการมาตั้ง 18 ปี พวกคุณน่าจะเจนเวทีมาประมาณหนึ่ง ทุกวันนี้ความรู้สึกตื่นเต้นก่อนขึ้นโชว์มันยังหลงเหลืออยู่ไหม

เวย์ : ก็ยังตื่นเต้นอยู่ ทุกครั้งที่ออกไปเล่น ไม่ว่าจะเวทีขนาดเล็ก กลาง หรือใหญ่ มันจะมีความตื่นเต้นที่แตกต่างกันไปนะครับ แต่ตลอด 18 ปีที่ผ่านมาพวกเรามีเป้าหมายเสมอว่าเราจะต้องชนะใจคนดูให้ได้ ทุกครั้งที่ไทยเทเนี่ยมขึ้นเวทีต้องทำให้คนดูสนุกมากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ผมเชื่อเสมอว่าถ้าเราส่งพลังให้คนดูไปเกินร้อยทุกครั้ง คนดูเขาจะให้คืนกลับมาทุกครั้งเหมือนกัน เพราะฉะนั้นคอนเสิร์ตครั้งนี้พวกเราเต็มที่เกินร้อยแน่นอน

วันที่ฮิปฮอปไม่ได้เป็นกระแส เรารู้สึกว่าซีนดนตรีฮิปฮอปไม่เคยล้มหายตายจากไปเหมือนซีนดนตรีแบบอื่นๆ พวกคุณคิดว่ามันเป็นเพราะอะไร

เวย์ : คงเป็นเพราะว่ามันมีคนทำมาอยู่เรื่อยๆ ทั้งใต้ดินและบนดินมั้งครับ คนอื่นอาจจะมองว่ามันเป็นแฟชั่น แต่มุมหนึ่งการเป็นแฟชั่นมันก็ช่วยกรองเหมือนกันว่าคนที่จะอยู่ต่อได้ก็คือตัวจริง อย่างที่ขันบอกว่ามีศิลปินอยู่ไม่กี่วง แต่พวกเราก็ยังทำมันอยู่เสมอ มีคนอื่นๆ ที่ช่วยกัน push มาเรื่อยๆ พอตอนนี้วงการมันขยายตัวมากขึ้น ก็เหมือนกับว่าฮิปฮอปค่อยๆ มีแขนขาที่แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ

เดย์ : อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้มันอยู่ได้ตลอดคือฮิปฮอปมันเข้ากับดนตรีทุกแนวได้ อย่างป๊อปก็เข้าได้ ร็อก, EDM ก็เข้าได้ อย่างที่เราทำงานกับศิลปินคนนู้นทีคนนั้นที แม้จะเป็นช่วงที่ฮิปฮอปบูมหรือไม่บูมก็ตามแต่

ขัน : จริงๆ คำว่า featuring เกิดมาจากฮิปฮอปนะ อย่างวงร็อกสมัยก่อนแทบไม่ฟีเจอร์กับใครเลย แต่เดี๋ยวนี้ featuring กลายเป็นการเอาโลกมารวมกัน เหมือนที่ทุกอย่างในโลกใบนี้เชื่อมกันได้เพราะเรามีอินเทอร์เน็ต เป็นเสน่ห์ที่ทำให้เรามีฟิวชั่นในดนตรีหลากหลายมากขึ้น

พอนึกถึงกระแสฮิปฮอปในช่วงที่ผ่านมา พวกคุณมีเรื่องไหนที่เป็นกังวลหรือเป็นห่วงบ้าง

เวย์ : ฮิปฮอปบูมครั้งแรกช่วงปี 2000 สมัยที่ไทยเทเนี่ยมเป็นอันเดอร์กราวนด์ แล้วก็บูมอีกครั้งตอนปี 2005 พอเริ่มเข้ามาในสื่อเมนสตรีม คนก็เริ่มรู้จักว่าฮิปฮอปคืออะไร กระแสที่มันบูมในปีนี้คงบอกได้ว่าคนทั่วประเทศรู้จักฮิปฮอปแล้วเพราะมันมีรายการทีวีมาสนับสนุน ทำให้เราได้เห็นความสามารถของเด็กรุ่นใหม่มากขึ้น

แต่สิ่งที่ผมอยากให้มันเปลี่ยนไปบ้างตั้งแต่สมัยที่ไทยเทเนี่ยมและก้านคอคลับออกมา เกือบยี่สิบปีที่ผ่านมามันยังไม่เคยมีคน document วัฒนธรรมฮิปฮอปในเมืองไทยไว้อย่างจริงจัง เวลาที่ฮิปฮอปดัง ผมไม่อยากให้สื่อหรือบรรดารายการต่างๆ มองมันเป็นเพียงแค่กระแสที่มีความสำคัญแค่ในเวลานั้นแล้วสักพักก็เงียบไป ผมอยากให้มีคน document มันไปเรื่อยๆ ไม่อย่างนั้นประวัติศาสตร์ของมันอาจจะหายไป

ขัน : ผมดีใจที่ได้เห็นการเจริญเติบโตของสิ่งที่เราช่วยสร้างกันมาตั้งแต่ต้น สิ่งที่ผมเห็นชัดเจนที่สุดคือปีนี้คนเปิดใจฟังเนื้อแรปกันมากขึ้น ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้มันเป็นสิ่งหนึ่งที่เราพยายามสู้มาตลอด เนื้อแรปคือสิ่งที่สำคัญที่สุดของเพลงฮิปฮอป เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ออกมาจากศิลปินแต่ละคน บางทีก็เป็นเรื่องครอบครัว หรือความเชื่อที่ลึกซึ้งมาก มันคือเรื่องราวที่แฝงไปด้วยเมสเสจดีๆ ที่เขาอยากเล่า

สาเหตุหลักๆ ที่คนมองว่าฮิปฮอปมันมีแต่คำหยาบ หรือบ่นอะไรฟังไม่รู้เรื่อง อาจเป็นเพราะว่าคนไม่ได้เปิดใจฟังเนื้อหาของมันจริงๆ แต่สิ่งที่รายการสมัยนี้ทำคือการมีคาราโอเกะเนื้อร้อง มันคือส่วนที่ช่วยให้คนเปิดใจให้กับฮิปฮอปมากขึ้น คนก็เลยเก็ตว่าจริงๆ แล้วเนื้อเพลงฮิปฮอปมีความลึกซึ้งบางอย่างอยู่ ผมว่าเป็นจุดสำคัญที่ทำให้คนหลงใหลเพลงฮิปฮอปมากขึ้น เมื่อก่อนเราอาจจะมีศิลปินฮิปฮอปน้อยมาก แต่ทุกวันนี้เรามีศิลปินหน้าใหม่เยอะมาก มีเพลงดีๆ เกิดขึ้นมามากมาย การบูมคราวนี้น่าจะอยู่ได้ยาวนานกว่าสองครั้งที่ผ่านมา

สิ่งที่เราเห็นมาตลอดคือพวกคุณช่วยผลักดันคนรุ่นใหม่เยอะมาก ทั้งเด็กๆ ในค่ายของพวกคุณ และเด็กๆ ที่มีที่ทางของตัวเอง ไทยเทเนี่ยมได้อะไรจากการผลักดันเด็กรุ่นใหม่เหล่านี้

เดย์ : ด้วยอายุเราก็เหมือนรุ่นพ่อครับ (หัวเราะ) เวลาเรามีลูกแล้วลูกอยากเล่นของเล่น การให้เขาได้เล่นมันเหมือนกับการให้เขาได้เรียนรู้ ยิ่งมีพ่อช่วยผลักดัน เขาก็จะยิ่งไปได้ไกล เราไม่ได้คิดว่าฮิปฮอปในเมืองไทยมันจะต้องหยุดที่เราเพราะเราคือคนที่ทำมาก่อน

ขัน : สิ่งที่ได้คือสิ่งที่เห็นครับ เราอยู่กับวงการนี้มาแต่ต้น ตั้งแต่ฮิปฮอปยังเป็นเพลงใต้ดิน เริ่มทำมิกซ์เทปเปิดแพลตฟอร์มให้คนได้เห็นว่ามันมีกลุ่มคนทำเพลงแนวนี้นะ บางคนที่ทำมิกซ์เทปกับเรายังอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ หรือพอมาถึงจุดหนึ่งที่เราเปิดค่ายเป็นของตัวเองในช่วงบูมครั้งที่สอง เรามี Southside มี Mindset แล้วตอนนี้วงการฮิปฮอปใหญ่ขึ้นมาก เราทำอะไรได้มากขึ้น เรามีรายการที่ช่วยปลุกปั้นคนรุ่นใหม่ๆ ถ้าสมมติเรามีกันแค่ไทยเทเนี่ยมกับก้านคอคลับ พอเราแก่ สิ่งที่เราสร้างกันมามันก็คงจะตายไป เพราะงั้นเราก็ต้องหว่านเมล็ดใหม่ๆ ขึ้นมาสืบทอดวงการนี้ต่อ

มีอะไรอยากแนะนำแรปเปอร์ชั่วโมงบินน้อยไหม

ขัน : ช่วงนี้คงพูดได้ตรงๆ ว่าแรปเปอร์ส่วนใหญ่จะเน้นร้องเพลง ยังไงก็ฝึกแรปด้วยละกันครับ เพราะศิลปะของฮิปฮอปคือการแรป ร้องเพลงได้เพราะมันขาย คนฟังง่ายและเข้าใจมันง่าย แต่ว่าถ้าเกิดว่าเราแรปเก่งด้วยเนี่ยผมว่าพวกคุณจะมีเสน่ห์ขึ้นอีกเยอะ

พวกคุณคิดยังไงที่แรปเปอร์รุ่น pioneer กับ old school ในอเมริกา ไม่ค่อยปลื้มกับวิธีการแรปของแรปเปอร์รุ่นใหม่ๆ

เวย์ : อย่างที่ขันบอกเพลงฮิปฮอปมันควรจะแรปด้วย แต่สำหรับ new school, I think it’s a vibe จริงๆ แล้วฮิปฮอปมันเริ่มมาจากความสนุกสนาน บางเพลงผมอาจจะไม่ได้ชอบอะไร แต่นี่มันคือยุคของเขา เป็นเวลาของเขานะ เพราะตอนที่พวกผมออกเพลง YED หรือ ไข้โป้ง คนฟังเขาก็ยังบ่นว่าเพลงเหี้ยอะไรวะเนี่ย (หัวเราะ) ผมว่ามันคงคล้ายๆ กันแหละ แต่ยังไงมันก็เป็นสิ่งที่ดีนะ

เดย์ : สิ่งที่ผมรู้สึกคือเดี๋ยวนี้ซาวนด์และวิธีการแรปมันคล้ายกันหมด กลายเป็นว่าศิลปินรุ่นใหม่ไม่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง บางทีเราหลับตาแล้วฟัง เรานึกไม่ออกเลยว่านี่เป็นเพลงของใครกันแน่ คือต้องเปิดตาดูเอ็มวีถึงจะรู้ สำหรับเรา เวลาฟัง Eminem, Dr. Dre หรือ Snoop Dogg เรารู้เลยว่าเพลงนั้นเป็นเพลงของใคร เพราะแต่ละคนมีสไตล์การเล่า การพูด การแรป การโฟลว์ที่แตกต่างกัน ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะพื้นเพชีวิตต่างกันด้วย เพราะงั้นสิ่งสำคัญคือการหา identity ของตัวเองให้เจอ อย่าไปทำตามใคร แล้วก็ (ปรับมือ) เอาตรงนั้นมาเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง

ขัน : good point มากครับ จริงๆ ผมเปิดใจนะเพราะเราเป็นดีเจ ต้องฟังเพลงใหม่ตลอดเวลา แต่เราค่อนข้างชอบคนที่มีคาแร็กเตอร์เป็นของตัวเอง อันนี้คุณอาจจะรู้สึกว่ามันเป็นพอยต์ที่ซีเรียสหน่อย สิ่งที่เดย์บอกมันสำคัญกับฮิปฮอปจริงๆ เพราะตอนที่ฮิปฮอปเกิดขึ้นมาเนี่ย ไม่มีใครอยากเหมือนใครเลยนะ คือสมัยก่อนถ้าใครพูดเรื่องนี้ไปแล้ว คนอื่นจะแตะไม่ได้เลย ถ้าแตะเขาจะเรียกว่า bite คือการขโมยไอเดีย

เลเวลของการ respect เริ่มมาจากตรงนี้เหมือนกัน ซึ่งถ้าเราสร้างการโฟลว์ สร้างสไตล์ของเราเอง หรือไม่ว่าจะแต่งตัวยังไงก็ตาม ถ้าคนนี้ทำแล้ว ถ้ามีคนทำตามนะ ทั้งวงการจะแอนตี้ ในสายตาผมความเป็นออริจินัลของฮิปฮอปมันสำคัญมาก ซึ่งทุกวันนี้มันเบลอไปหมดแล้ว แต่ถ้ามองภาพรวม ฮิปฮอปมันก็แค่ความบันเทิงอย่างหนึ่ง คุณอยากทำอะไรที่คุณชอบคุณก็ทำมันเลยครับ คนฟังที่เขาชอบเหมือนกับคุณเขาจะเลือกฟังเอง

ทุกคน respect ไทยเทเนี่ยมว่าเป็นศิลปินรุ่นใหญ่ พวกคุณรู้สึกว่าตัวเองเป็นรุ่นใหญ่แบบนั้นไหม

ขัน : ผมไม่อยากใช้คำว่ารุ่นใหญ่ ผมรู้สึกว่าผมเป็นคนถางหญ้า นำทางให้คนเดิน ตอนที่วงการฮิปฮอปมันยังเป็นป่า เราคือคนที่เริ่มไปตัดต้นไม้ ไล่งู เพื่อให้คนที่เดินตามหลังเรามาจะได้เดินสบาย การถางหญ้าเหมือนกับการที่เราพยายามทำให้คนทั่วไปรู้ว่าฮิปฮอปมันเป็นยังไง ตั้งแต่วันที่เริ่มเป็นดีเจ สแครชแผ่นออกทีวี และทำเพลง ถ้าเป็นรุ่นใหญ่ผมว่ามันเป็นอะไรที่แตะไม่ได้ แต่ทุกวันนี้ไม่ว่าผมจะไปที่ไหน น้องๆ ทุกคนสามารถเข้ามาคุยกับผมได้ ผมยินดีแนะนำทุกอย่าง เพราะเราเป็นแค่คนนำทาง แล้วถ้าใครอยากเดินแซงเราไปเพื่อที่จะนำทางใหม่ เราจะยอมให้เขาทำ เพราะว่ามันจะไปนำทางคนอื่นอีกมากมาย

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ชนพัฒน์ เศรษฐโสรัถ

ช่างภาพนิตยสาร a day ที่เพิ่งมีพ็อกเก็ตบุ๊กเล่มใหม่ชื่อ view • finder ออกไปเจอบอลติก ซื้อสิ ไปซื้อ เฮ่!

Video Creator

อภิวัฒน์ ทองเภ้า

เป็นลูกชายคนเดียวของพ่อแม่, เป็นศิษย์เก่านิเทศศาสตร์ ม.มหาสารคาม แต่เป็นคนอุดรธานี, เป็นวิดีโอครีเอเตอร์ ประสบการณ์ 2 ปี, เป็นคนเบื้องหลังงานวิดีโอของ a day และเป็นคนปลุกปั้นสารคดี a doc, เป็นคนนอนไม่เคยพอ, เป็นหนึ่ง คือ เป็นหนึ่งเดียวกับสรรพสิ่ง สรรพสิ่ง คือ ไม่เป็นอะไรเลย, ตอนนี้เป็นหนี้ กยศ. และรับจ้างทั่วไป [email protected]