เมื่อคืนวันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา แสงไฟจากตึก Burj Khalifa ดูแปลกตากว่าทุกวัน ภาพของตึกที่สูงที่สุดในโลกตั้งตระหง่านอยู่ในใจกลางนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ในวันนี้ปราศจากสีสันฉูดฉาด ไม่มีดนตรี ไม่มีการแสดงน้ำพุ เหลือเพียงความเงียบงันและข้อความสั้นๆ ส่งผ่านไปยังทุกที่ดังประกาศิตแด่คนทั้งเมืองว่า stay at home หลังจากทางการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อเฝ้าระวังการระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งในขณะนั้นมียอดผู้ติดเชื้อรวมแล้ว 198 ราย
หากนับถอยหลังย้อนกลับไปในวันที่ 29 มกราคม สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นประเทศแรกในภูมิภาคตะวันออกกลางที่ประกาศว่าพบผู้ติดเชื้อ เรามาดูกันว่าตลอดระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา ทางการและนครดูไบมีมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการระบาดของเชื้อไวรัสนี้ยังไงบ้าง
ตรวจมาก เจอผู้ป่วยไว รักษาได้ทันที
ทางการ UAE ใช้มาตรการเชิงรุกในการตรวจหาผู้ติดเชื้อไวรัส ทั้งการติดตั้งเครื่องตรวจอุณหภูมิร่างกายภายในอาคารผู้โดยสารของท่าอากาศยานนานาชาติอาบูดาบีและท่าอากาศยานนานาชาติดูไบ การตรวจผู้โดยสารที่เดินทางเข้าประเทศ ลูกเรือ และบุคลากรที่ทำงานภายในสนามบินด้วยวิธี nasal swab รวมถึงการสั่งเปิดศูนย์การแพทย์สำหรับตรวจไวรัสโดยเฉพาะให้แก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยนครดูไบได้เปิดจุดบริการตรวจแบบ drive-thru ที่สะดวก รวดเร็ว รายงานผลตรวจผ่านแอพพลิเคชั่นของทางการ และหากผลตรวจออกมาเป็น positive จะมีทีมแพทย์เข้าไปรับผู้ป่วยทันที อีกทั้งยังเปิดสายด่วนให้ประชาชนติดต่อเข้ามาได้ทันทีหากเริ่มมีอาการต้องสงสัย ซึ่งหากพบว่าติดเชื้อไวรัสจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นในการรักษาพยาบาล
นอกจากนี้ทางการนครดูไบได้เปลี่ยน Dubai World Trade Centre ซึ่งเป็นฮอลล์สำหรับจัดแสดงนิทรรศการต่างๆ ให้กลายเป็นโรงพยาบาลภาคสนามจำนวน 3,000 เตียง เพื่อรองรับผู้ป่วย
จากมาตรการที่เข้มงวดดังกล่าวส่งผลให้ประชาชนได้รับการตรวจหาเชื้อไวรัสทั้งหมดกว่า 760,000 ราย และในวันที่เขียนบทความนี้ (19 เมษายน 2020) มีจำนวนผู้ป่วยทั้งหมด 6,781 ราย เป็นผู้ป่วยใหม่ 479 ราย ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้ว 1,286 ราย และยอดผู้เสียชีวิต 41 ราย
แม้ว่าตัวเลขยอดรวมผู้ป่วยจะเพิ่มสูงขึ้นมาก แต่ถือว่ามาตรการดังกล่าวได้ผลดีในแง่ของการตรวจหาผู้ป่วยใหม่ กักกันผู้ที่มีความเสี่ยงได้ทันท่วงทีเพื่อป้องกันการระบาดที่อาจเกิดขึ้นได้ใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ
.@HamdanMohammed, accompanied by @sheikhmansoor, visits the field hospital, set up in the Dubai World Trade Centre (DWTC). The visit is part of His Highness’s keenness to ensure the readiness of task forces in charge of the fight against COVID-19. https://t.co/nrdUzNPlcP pic.twitter.com/ODp2XoLjCi
— Dubai Media Office (@DXBMediaOffice) April 18, 2020
เอาจริงกับ home quarantine
สำหรับวิธีการกักตัวผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศหรือมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังอาการ ทางการจะใช้แอพพลิเคชั่นชื่อว่า StayHome ในการตรวจสอบว่าบุคคลดังกล่าวอยู่ในที่พักอาศัยหรือไม่ เมื่อเริ่มใช้งานจะให้ผู้ใช้ถ่ายภาพตนเองและภายในที่พักของตน โดยทางการจะส่งข้อความแจ้งเตือนให้ถ่ายภาพเพื่อเช็กอินในช่วงเวลาที่แตกต่างกันในแต่ละวัน รวมถึงจะมีเจ้าหน้าที่โทรหาหรือแวะมาตรวจถึงที่พักอีกด้วย
หากบุคคลดังกล่าวไม่ได้ถ่ายภาพเมื่อแอพพลิเคชั่นแจ้งเตือน ไม่รับโทรศัพท์ หรือไม่อยู่เมื่อมีเจ้าหน้าที่ไปตรวจ จะถูกดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
อยู่บ้านไม่ใช่เพื่อชาติ แต่เพื่อพวกเราทุกคน
ทางการ UAE ประกาศขอความร่วมมือจากประชาชนให้อยู่บ้านตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยเริ่มจากมีคำสั่งปิดสถานที่สาธารณะทั่วประเทศ เช่น ชายหาด สวนสาธารณะ ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ ตลาด รวมถึงโรงเรียนและมหาวิทยาลัย จากนั้นในวันที่ 22 มีนาคม ทางการได้ยกระดับคำสั่งเป็นมาตรการเคอร์ฟิว ห้ามประชาชนออกจากที่พักอาศัยตั้งแต่เวลา 20:00-06:00 น. ยกเว้นบุคลากรทางการแพทย์และอาชีพอื่นที่จำเป็น เป็นระยะเวลา 2 สัปดาห์ ซึ่งมีการแจ้งเตือนเวลาให้ประชาชนทราบผ่านข้อความฉุกเฉินทางโทรศัพท์ทุกวัน
หลังจากประกาศยกระดับการเฝ้าระวังสถานการณ์แล้ว ทางการก็ได้ออกกฎและกำหนดค่าปรับเพื่อบังคับใช้เพิ่มเติมอีกด้วย เช่น
- ออกจากเคหสถานโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน มีโทษปรับ 2,000 AED
- ไม่ใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ มีโทษปรับ 1,000 AED
- ไม่รักษาระยะห่างอย่างน้อย 1.5 เมตรจากผู้อื่นในที่สาธารณะ มีโทษปรับ 1,000 AED
- ถ้ามีคำสั่งให้กักตัวอยู่บ้านเพื่อเฝ้าระวังอาการแต่ไม่ปฏิบัติตาม มีโทษปรับ 50,000 AED
- จัดงานหรือชุมนุมกันเป็นจำนวนมากภายในเคหสถาน มีโทษปรับ 10,000 AED
- หากเดินทางด้วยรถยนต์ มีการจำกัดจำนวนคนนั่ง 3 คน ต่อรถ 1 คันเท่านั้น ซึ่งทางการจะใช้กล้องและ AI ในการตรวจสอบ หากไม่ปฏิบัติตาม มีโทษปรับ 1,000 AED
- มีคำสั่งให้ยุติการให้บริการของรถประจำทาง รถราง และรถเมล์ รวมถึงแท็กซี่ หากต้องการออกจากที่พักอาศัยจะต้องจองรถผ่านแอพพลิเคชั่นของผู้ให้บริการก่อน
- ร้านค้าและร้านอาหารเปิดทำการได้ปกติแต่ห้ามนั่งรับประทานภายในร้าน ต้องสั่งกลับบ้านเท่านั้น สำหรับซูเปอร์มาร์เก็ตนั้นเปิดให้บริการปกติแต่จำกัดจำนวนคนเข้าเป็นรอบ มีการกันระยะให้ห่างกัน 1.5 เมตร ตลอดจนมีการตรวจวัดอุณหภูมิก่อนเข้าอีกด้วย
(1 AED หรือดีแรห์มสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เท่ากับประมาณ 8.7 บาท)
ทำความสะอาดเมืองเพื่อฆ่าเชื้อโรค
สำหรับช่วงเวลาที่ห้ามประชาชนออกจากที่พักอาศัยเป็นเวลาที่ทางการจะทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะต่างๆ รอบเมือง ซึ่งทางนครดูไบใช้โดรนออกมาฉีดพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อเพื่อช่วยให้เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครสามารถทำงานได้โดยสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น ส่วนทางนครอาบูดาบีใช้หุ่นยนต์ช่วยฉีดล้างทำความสะอาดเช่นกัน
جانب من جهود بلدية #دبي وبالتعاون مع مختلف دوائر الحكومة لتعقيم منطقة جميرا.
Part of #Dubai Municipality’s disinfection operations in Jumeirah in cooperation with other government entities@DMunicipality pic.twitter.com/K5MMU2RAp6
— Dubai Media Office (@DXBMediaOffice) March 28, 2020
รักษาสุขภาพกายแล้วต้องรักษาสุขภาพใจด้วย
นอกจากมาตรการเชิงรุกที่ปูพรมตรวจหาผู้ติดเชื้อ การกักตัวผู้มีความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนมาตรการเคอร์ฟิวและการทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะ การดูแลสภาพจิตใจของประชาชนก็เป็นเรื่องสำคัญที่ทางการไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยจัดให้มีสายด่วนให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพจิตโดยนักจิตวิทยา เปิดเว็บไซต์ให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติตัวในช่วงเคอร์ฟิว พร้อมทั้งแนะนำกิจกรรมให้เด็กๆ และผู้ปกครองทำร่วมกัน ตลอดจนมีช่องทางช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความรุนแรงในครอบครัวอีกด้วย
สู้ไปด้วยกัน
พื้นที่ที่มีความเสี่ยงในการระบาดสูง ณ ขณะนี้คือพื้นที่ชุมชนแออัดที่เป็นที่พักของแรงงานต่างด้าว ซึ่งทางสำนักงานตำรวจนครดูไบร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จัดตั้งโครงการ Don’t Worry เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับการระบาดของไวรัส แนวทางป้องกันตนเอง มีการแจกหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ รวมถึงข้าวสารอาหารแห้งและของใช้จำเป็นต่างๆ พร้อมกับเสนอแนะและหาวิธีทำงานเพื่อให้แรงงานเหล่านี้สามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยและได้รับค่าจ้างตามปกติ
สำหรับผู้พำนักใน UAE (residence visa) ที่ได้รับผลกระทบและอาศัยอยู่ในนครอาบูดาบี ก็มีการเปิดเว็บไซต์ togetherwearegood.ae ให้ลงทะเบียนเพื่อหาวิธีเยียวยาและให้การสนับสนุนต่อไป ซึ่งเว็บไซต์เดียวกันนี้มีการเปิดรับเงินบริจาคและอาสาสมัครอีกด้วย
24-hour Lockdown
เมื่อวันที่ 5 เมษายนที่ผ่านมา ทางการ UAE ได้ยกระดับคำสั่งเคอร์ฟิวเป็น 24 ชั่วโมง ซึ่งทางการนครดูไบได้ออกกฎเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขออนุญาตออกจากเคหสถาน หากประชาชนมีความจำเป็นต้องออกไปทำงานและทำอาชีพที่ไม่ได้รับอนุญาตจากทางการ ตลอดจนมีเหตุฉุกเฉินต้องออกจากที่พักอาศัย เช่น รับบริการทางการแพทย์ ซื้ออาหารและสิ่งของจำเป็น หรือเหตุอื่นๆ จะต้องขอ movement permit ผ่านเว็บไซต์ dxbpermit.gov.ae โดยต้องระบุข้อมูลส่วนตัว เบอร์โทรศัพท์ที่ติดต่อได้ เหตุผลในการขอออกนอกเคหสถาน สถานที่ที่จะไป และระยะเวลาไป-กลับ ทั้งนี้เพื่อเป็นการเก็บข้อมูลที่จำเป็นสำหรับใช้ติดตามและกักตัวบุคคลที่อาจสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยรายใหม่ที่เพิ่งเข้ารับการรักษาได้
ผลกระทบต่อธุรกิจการบินและแนวทางในการรับมือ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจการบินเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักที่ทำเงินมหาศาลให้กับประเทศ เนื่องจากที่นี่เป็นหนึ่งในศูนย์กลางการบินระดับโลก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นที่ตั้งและเจ้าของสายการบินต่างๆ เช่น Etihad สายการบินประจำชาติที่ให้บริการอยู่ที่นครอาบูดาบี และ Emirates ที่ให้บริการอยู่ที่นครดูไบ รวมถึงสายการบินขนาดกลางและขนาดเล็กอื่นๆ อีกมากมาย การระบาดของไวรัสครั้งนี้มีผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจการบินและการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก สายการบินต่างต้องปรับตัวและกำหนดนโยบายที่เหมาะสมต่อสถานการณ์ ตลอดจนเรียกความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวผู้ใช้บริการอีกด้วย
สำหรับสายการบิน Emirates มีการยกเลิกเที่ยวบินจำนวนมากและประกาศยุติการให้บริการในช่วงที่ผ่านมา แต่หลังจากพ้นช่วงเคอร์ฟิว 2 สัปดาห์แรกก็เปิดให้บริการบางเส้นทางเพื่อรับประชาชนที่ติดค้างอยู่นอกประเทศและส่งนักท่องเที่ยวที่ติดค้างอยู่ใน UAE รวมถึงประชาชนที่ประสงค์จะกลับประเทศของตน โดยก่อนทำการบินจะมีการฆ่าเชื้อทำความสะอาดเครื่องบินทั้งลำ และตรวจ rapid test ผู้โดยสารทุกคนก่อนออกเดินทางด้วย โดยทางสายการบินวางแผนที่จะเปิดให้บริการตามปกติภายในวันที่ 1 พฤษภาคม
เดือนเราะมะฎอนและมาตรการเพิ่มเติมในการป้องกันการแพร่ระบาด
ช่วงเดือนเราะมะฎอนถือศีลอดของพี่น้องชาวมุสลิมในปีนี้จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 24 เมษายนเป็นต้นไป ทุกปีประชาชนจะทำพิธีละหมาดยามค่ำโดยพร้อมเพรียง และร่วมกันรับประทานอาหารอิฟตาร์ (iftar) ร่วมกันหลังถือศีลอดมาตลอดทั้งวัน บรรยากาศยามเย็นภายในเมืองจะคึกคักเนื่องจากประชาชนพาครอบครัวออกมารับประทานอาหารและจับจ่ายซื้อของ ห้างสรรพสินค้าและตลาดจะขยายเวลาเปิดทำการนานขึ้นกว่าเดิม แต่ในปีนี้ทางการออกประกาศเพิ่มเติมเกี่ยวกับเดือนเราะมะฎอนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส โดยมีคำสั่งให้ปิดมัสยิดและยังคงเข้มงวดกับมาตรการเคอร์ฟิว ให้งดการชุมนุมเพื่อทำกิจกรรมทางศาสนาและการรับประทานอิฟตาร์ โดยเปลี่ยนเป็นการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ วิทยุ หรือใช้โซเชียลมีเดียแทน ตลอดจนขอความร่วมมือจากประชาชนให้หลีกเลี่ยงการสลาม (ทักทาย) ด้วยการสัมผัสมือ การสวมกอด และการสัมผัสแก้ม โดยให้ยกมือสลามกันเท่านั้น
และทั้งหมดนี้คือเรื่องราวการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แบบฉบับของเมืองทะเลทราย นครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จนถึงวันนี้
อ้างอิง
Royal Thai Consulate-General, Dubai
Royal Thai Embassy Abu Dhabi
หมายเหตุ ข้อมูลทางสถิติ ณ วันที่ 19 เมษายน 2020