BRIX Dessert Bar : ชิมขนมหวานหน้าตาชวนกรี๊ด จากเชฟหนุ่มไฟแรงที่เคยทำอาหารไม่เป็นเลย

ใครจะไปนึกว่า เชฟนน-นนทวรรธ โรจนศักดิ์ชัย เจ้าของตำแหน่งรางวัลชนะเลิศจากเวทีประกวดทำขนมของนิตยสาร
Food
Stylist
จนกลายเป็นคอลัมนิสต์ พิธีกรรายการอาหาร
และเจ้าของร้านขนมหวาน BRIX Dessert Bar นั้นจะเพิ่งฝึกทำขนมครั้งแรกเมื่อ
5 – 6 ปีที่แล้วเท่านั้น
จากการตั้งต้นความคิดเพียงแค่ชอบกินขนมหวานและอยากทำให้เป็น ส่งผลให้เขาสมัครเข้าหลักสูตรทำขนมหวานของ
เลอ กอร์ดอง เบลอ ดุสิต เขาพยายามฝึกฝนตัวเองให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ
ใช้เวลาหลังเลิกงานฝึกทำขนมจนดึกดื่น จนทุกวันนี้เขากลายเป็นเชฟทำขนมที่คนในวงการรู้จักและยอมรับในฝีมือ

จากคนที่ทำอาหารไม่เป็นเลย
ทำให้ช่วงแรกที่เข้าไปเรียนทำขนม เขามักจะโดนเชฟผู้สอนดุอยู่เสมอ
เชฟนนหยัดยืนขึ้นมาด้วยวิธีคิดแบบไหน ลองมาอ่านกันเลย

จุดเปลี่ยนในชีวิต

“เราไม่เคยมีแววเรื่องการเป็นเชฟมาก่อนเลย
ดำเนินชีวิตตามเด็กสายสามัญมาโดยตลอด เรียนจบมัธยมก็เรียนที่คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ
พอเรียนจบก็ไปทำงานสายเอเจนซี่ในเฮาส์เล็กๆ สักหนึ่งปี
แล้วก็ออกมาเรียนต่อปริญญาโทการตลาด มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แล้วก็ช่วยทำงานที่บ้านด้วย
จุดเปลี่ยนมันเข้ามาตรงที่บริษัทที่บ้านเริ่มอยู่ตัวมากขึ้น
เราก็อยากจะเรียนเพิ่มเติมแต่ไม่อยากเรียนสายวิชาการแล้ว สนใจงานออกแบบของสถาบัน TDRI
แต่พอเราไปงาน Open House เราก็ไม่ได้ตื่นเต้นมาก
ระหว่างทางที่เราออกจาก TDRI แล้วรถติดข้างๆ โรงแรมดุสิตธานีพอดี
หันไปทางซ้ายมือ เจอเลอ กอร์ดอง เบลอ พอเห็นแล้วเราก็ไปสมัครเลยทันที
โดยเลือกเรียนพวกของหวาน เพราะตั้งแต่เด็ก เราชอบกินขนมมาก
ก็เลยอยากทำของหวานที่เราชอบให้เป็น”

ขยันให้มาก

“ตอนที่เข้าไปเรียนครั้งแรกเรามีความรู้เป็นศูนย์เลย
เพราะทำอาหารไม่เป็น ไม่เคยทำด้วย
ไปเรียนวันแรกก็โดนเชฟด่าว่าทำไมสิ่งที่เราทำมันน่าเกลียดขนาดนี้
แต่เราก็สนุกกับมันนะ เราเรียนเฉพาะวันเสาร์เพราะต้องทำงานที่บ้านจันทร์-ศุกร์ การเรียนวันเสาร์ทำให้เรามีเวลามากเพื่อฝึกในคลาสคือตั้งแต่ 8 โมงถึงหนึ่งทุ่ม ทุกครั้งที่เรียนเสร็จก็จะกลับไปฝึกต่อที่บ้าน
เชฟไม่ได้บอกให้เรากลับไปฝึกนะ แต่เราอยากทำเอง เพราะเราอยากเก่งขึ้น”

“แต่ก่อนร้านหนังสือไม่ใช่จุดหมายของการไปเดินห้างฯ เลย
แต่เมื่อได้เรียน ได้สนใจการทำขนมแล้วมันทำให้เราชอบเดินไปร้านหนังสือ
เลือกซื้อหนังสือทำอาหารและขนมเสมอ พอเห็นเมนูแบบใหม่ๆ เราอยากทำให้ได้
อยากฝึกฝีมือให้พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ อย่างตอนที่เรียนมันจะจัดอันดับกัน
จากที่เคยเป็นที่โหล่ เราก็กลายเป็นคนที่ติดอันดับหนึ่งในห้าของคลาสได้
ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันเกิดจากการที่เรามีแพสชันให้กับการทำขนมจริงๆ”

เปิดร้านเพื่อส่งต่อความสุข

“การเปิดร้านมันต้องใช้ปัจจัยความพร้อมหลายด้าน
ใจจริงเราอยากเปิดร้านนะ แต่มีผู้ใหญ่เคยบอกว่า
อย่าทำให้ความสุขในการทำขนมเป็นสิ่งที่รู้สึกว่าจำเป็นต้องทำ
เพราะเมื่อเปิดร้านแล้ว คุณก็ต้องดูแลเรื่องการเงิน พนักงาน ฯลฯ
จนเราไม่ได้ทำขนมหรือเครียดกับมัน มันเลยเป็นคำที่เรากลัวมาก
โปรเจกต์การเปิดร้านเลยไม่ได้เป็นรูปเป็นร่างสักทีแม้เราจะอยู่ในวงการทำอาหารมา
5 – 6 ปีแล้ว”

“แต่เมื่อเราเริ่มทำงานที่หลากหลายขึ้น
เป็นคอลัมนิสต์ เป็นพิธีการรายการทำอาหาร แล้วก็ประกวดชนะเวทีเล็กๆ มา
ก็เริ่มมีคนถามว่าจะกินขนมจากเราได้ที่ไหน ซึ่งเราไม่ได้ทำขนมวางขายที่ไหนเลย
ก็เลยจุดประกายความคิดเราว่าถึงเวลาที่จะเปิดร้านแล้ว
ประกอบกับครอบครัวก็อยากมีธุรกิจที่แตกออกมาด้วย ก็เลยตัดสินใจเปิดร้านแรกที่ The COMMONS ซึ่งเราก็รู้สึกดีที่ไม่ได้เปิดร้านเร็วกว่านั้น
เพราะเราก็ได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปด้วย เรามองออกว่าขนมแบบไหนที่ลูกค้าชอบหรือไม่ชอบ”

พร้อมหรือไม่พร้อม
แค่ต้องลงมือทำ

“ถ้าเราฟังเสียงคนรอบข้างก็คงไม่ได้เปิดร้าน
เคยได้ยินไหมว่ารอให้พร้อมก่อนแล้วค่อยทำ แต่สำหรับเรา
ถ้ารอจนพร้อม เราคงไม่ได้เปิดร้านสักร้านเลยก็ได้
ตั้งแต่สาขาแรกแล้วที่แม้ว่าเราจะมีเวลาเตรียมตัวตั้ง 3 ปี
แต่ถึงเวลาจริงๆ เราก็ไม่ได้พร้อมขนาดนั้น แต่เราเลือกที่จะลงมือทำไปเลย ค่อยๆ
เรียนรู้ไปกับมันดีกว่า แม้มันจะมีความผิดพลาด เราก็ยังแฮปปี้นะ มันทำให้เราเก่งขึ้นเรื่อยๆ”

ออกแบบขนมให้แตกต่าง

“ขนมไม่ใช่ปัจจัยหลักของชีวิต
แต่เราเชื่อว่าการกินขนมคือความสุข ความสุนทรีย์ของอารมณ์
ดังนั้นเราจึงทำร้านขนมให้สวย น่าเข้าไปนั่งกิน หน้าตาของขนมก็ต้องน่ากิน
ทำให้ว้าว! ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าการกินขนมครั้งนี้คุ้มค่า
ซึ่งเราก็ออกแบบการนำเสนอเมนูที่เน้นประสาทสัมผัสในหลายๆ ด้าน
เพราะเมื่อเห็นลูกค้ามีปฎิกิริยาที่ดีต่อขนมที่เราเสิร์ฟ
ถ่ายรูปเมนู หรือตื่นเต้นกับจานข้างหน้า เราก็มีความสุขแล้ว
เมนูขนมที่เราออกแบบจะไม่เลียนแบบใคร ทำให้แตกต่างดีกว่า แล้วก็เลือกวัตถุดิบที่ดีมีคุณภาพ
ซึ่งเกิดจากการพิถีพิถันทดลองแล้วว่าอะไรดีที่สุด”

ความสุขของการทำตามฝัน

“หลายคนบอกว่า
ไม่มีเวลาที่จะทำในสิ่งที่อยากทำหรือสิ่งที่รัก แต่เราว่าไม่จริงหรอก
เราทำงานเกือบทั้งวันแล้ว แต่ก็ฝึกหัดทำขนมหลังเลิกงาน ดังนั้นเราเชื่อว่าถ้าคุณชอบอะไรสักอย่าง คุณจะหาเวลาให้มันได้ คุณต้องทุ่มเทให้มันจริงๆ
แม้การเปิดร้านจะเครียดแค่ไหน พอย้อนกลับไปคิดดูแล้ว
เรารู้สึกว่าตัวเองตัดสินใจถูกต้องแล้วที่เลือกเปิดร้านในวันนั้น
เรารู้สึกบรรลุเลยนะ เพราะเราเจอสิ่งที่ต้องการทำแล้ว
คือรู้สึกว่าตายไปก็ไม่เสียดาย เพราะเราได้ทำสิ่งที่เรารักแล้ว”

meet the dream shop

location | My Kitchen @ Siam Discovery

ทุกความฝันเป็นจริงได้เมื่อลงมือทำ
โดยวิธีทำของแต่ละคนก็แตกต่างกัน บางคนอาจจะลองผิดลองถูกลุยกับมันสักตั้ง
แต่สุดท้ายแล้วไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร
อย่างน้อยความฝันก้อนนั้นก็ออกมาเป็นรูปเป็นร่างมากกว่าคนที่คิดฝันเพียงอย่างเดียว
พบหลายความฝันที่จะเป็นแรงบันดาลใจให้คุณลงมือทำที่
Siam Discovery

ภาพ ดวงสุดา กิตติวัฒนานนท์

AUTHOR