Double Slash : ร้านกาแฟจริงจังที่จริงจังกับเครื่องดื่มที่ไม่ใช่กาแฟไม่แพ้กัน

Highlights

  • Double Slash // Coffee Space คือร้านกาแฟน้องใหม่บริเวณตีนสะพานพระราม 8 ซึ่งนอกจากจะจริงจังเรื่องกาแฟแล้วยังจริงจังเรื่องเครื่องดื่มอื่นๆ ที่ไม่ใช่กาแฟมากๆ อีกด้วย
  • เจ้าของร้านอย่าง วี–กรณ์พงษ์ วิวัฒน์ชัยกมล ให้ความสำคัญกับการเลือกวัตถุดิบที่ดีและมีคุณภาพ โดยยึดหลักว่าตัวเองกินแบบไหนก็ขายแบบนั้น เขาเลือกเมล็ดกาแฟจากโรงคั่ว Hands & Heart ช็อกโกแลตจากแบรนด์ไทย Shabar และมัตฉะจาก Peace Oriental Tea House
  • คอนเซปต์ที่ครอบคลุมทุกแง่มุมของ Double Slash // Coffee Space คือความเรียบง่ายและประโยชน์ใช้สอย เราจึงได้เห็นการตกแต่งภายในที่มินิมอล และเมนูที่กระชับสั้นแต่ตอบสนองทุกความต้องการพื้นฐาน

หลายครั้งเราไปร้านกาแฟโดยไม่สั่งกาแฟ ไม่ว่าจะด้วยวันนั้นดื่มมาครบโดสที่ต้องการแล้ว หรือตอนนั้นล่วงเลยเวลารับคาเฟอีนสู่ร่างกายไปแล้วก็ตาม

และหลายครั้งเช่นกันที่เราต้องพบกับความผิดหวัง เพราะเครื่องดื่มอื่นๆ ที่ไม่ใช่กาแฟ เช่น ชาเขียว หรือช็อกโกแลตร้อน-เย็น ไม่สามารถเทียบชั้นกับกาแฟในร้านได้เลย จนเราเข็ดขยาดและพยายามสั่งเฉพาะกาแฟในคาเฟ่ที่จริงจังเรื่องกาแฟ

เราได้ยินชื่อ Double Slash // Coffee Space จากรุ่นพี่เจ้าของช็อกโกแลตแบรนด์ Shabar ซึ่งซัพพลายวัตถุดิบในการทำช็อกโกแลตร้อน-เย็นให้กับที่นี่ จริงๆ ฟังแค่นี้ก็ใจเต้นแล้ว พอได้รู้ว่าคาเฟ่น้องใหม่แห่งนี้เลือกใช้ชาเขียวญี่ปุ่นจากร้านในดวงใจของเราอย่าง Peace Oriental Teahouse ด้วย เราก็อยากเข้าไปทำความรู้จักเจ้าของร้าน กุมมือเขาให้แน่น แล้วกล่าวขอบคุณด้วยดวงตาเป็นประกายเสียเหลือเกิน

และแล้วในเช้าวันหนึ่งเราก็ได้พบกับเจ้าของร้านอย่าง วี–กรณ์พงษ์ วิวัฒน์ชัยกมล ผู้อธิบายเหตุผลเบื้องหลังความจริงจังในเครื่องดื่มอื่นๆ ให้เราฟังว่า “คำว่า Coffee Space ในชื่อร้าน ผมนึกถึงคำว่า ‘สภากาแฟ’ ไม่ได้คิดว่าต้องเป็นกาแฟอย่างเดียว” ด้วยคอนเซปต์ที่อยากให้คนมานั่งสนทนาแลกเปลี่ยนกันโดยไม่มีข้อจำกัด เขาจึงเตรียมเมนูเครื่องดื่มที่นอกเหนือไปจากกาแฟไว้บริการด้วย ไม่ว่าจะเป็นช็อกโกแลต ชาเขียวมัตฉะ น้ำผลไม้สด และน้ำผลไม้ผสมโซดา

บุคลิกที่สงบ สุขุม และความเรียบง่ายที่แสดงออกมาผ่านบทสนทนาของวี ชวนให้เรานึกถึง ธี–ธีรชัย ลิมป์ไพฑูรย์ เจ้าของร้าน Peace Oriental Teahouse จึงไม่แปลกใจเท่าไหร่เมื่อวีย้อนความว่า หลังเรียนจบปริญญาตรี สาขาออกแบบผลิตภัณฑ์ เขาบวชเรียนนานถึง 8 ปี ระหว่างนั้นเองเขาก็ได้รู้จักกับธีซึ่งบวชเรียนอยู่เช่นกัน

สเปซที่เรียบง่ายและตอบโจทย์การใช้งาน

ส่วนร้านกาแฟตีนสะพานพระราม 8 แห่งนี้เป็นไอเดียจากพี่สาวของวี หลังจากที่ชายหนุ่มสึกออกมาแล้วทำเครื่องหนังทำมืออยู่สักพัก

เราไม่ได้พูดเรื่องการบวชนานหลายปีของวีขึ้นมาเฉยๆ แบบไม่มีที่มาที่ไป เพราะเจ้าของร้านหนุ่มบอกเราว่า ประสบการณ์ทุกช่วงชีวิตของเขาหลอมรวมออกมาเป็นคาเฟ่สีขาวสะอาดตาที่ต้อนรับนักจิบด้วยกระจกบานใหญ่สองบานด้านหน้าร้าน ฝั่งขวาเมื่อมองทะลุผ่านโลโก้ (ที่เอาชื่อร้านมาใส่สไตล์เป็น DOUB/E S/ASH COFFEE SPACE) เข้าไปจะเห็นโต๊ะริมหน้าต่างหนึ่งตัว รวมทั้งเคาน์เตอร์ที่เป็นทั้งครัวและบาร์กาแฟ ส่วนฝั่งซ้ายเมื่อมองเข้าไปจะเห็นพื้นที่นั่ง ทั้งโต๊ะเก้าอี้ทรงเพรียวมน และช่องหน้าต่างบนเพดานที่เปิดให้แสงธรรมชาติเข้ามาอาบไล้ ภายในร้านจึงให้ความรู้สึกโปร่งสบาย

double slash

แม้ว่าคำแรกที่ปรากฏในหัวเราเมื่อมองไปรอบๆ ร้าน คือคำที่พบเห็นกันเป็นประจำในวงการคาเฟ่สมัยนี้อย่าง ‘มินิมอล’ แต่วีบอกกับเราว่า เขาเพิ่งจะรับรู้คำดังกล่าวผ่านการรีวิวของลูกค้าหลังจากเปิดร้านแล้ว

“ผมเชื่อในการออกแบบให้อิงการใช้งาน” เขาว่าอย่างนั้น

ช่วงชีวิตที่บวชเรียนในวัดป่าฝึกให้วีอยู่กับความน้อย ประโยชน์ใช้สอย และความเรียบง่าย ส่วนความชอบในศิลปะช่วยไกด์ว่าตัดรายละเอียดอะไรไปแล้วจะทั้งเบาสบายและมีสไตล์ไปพร้อมกัน ร้านขนาดไม่ใหญ่ของเขาจึงใช้ประโยชน์จากพื้นที่ได้อย่างเต็มที่ แต่ในขณะเดียวกันก็เหลือสเปซไว้ในปริมาณที่ชวนให้สบายใจ อีกทั้งการเลือกโต๊ะเก้าอี้ที่ผลิตจากวัสดุธรรมชาติยังเพิ่มความนุ่มนวลและชีวิตชีวาให้กับผนังปูนที่แห้งแล้งและเรียบนิ่ง

เข้าใจง่ายและกินเองได้ทุกวัน

วีหยิบเมนูขนาดครึ่ง A4 แนวนอนมาประกอบการอธิบายฟังก์ชั่นและการลดทอนในแบบของเขา เมนูกาแฟจากเครื่องเอสเปรสโซมีให้เลือกแค่ shot, black และ white ที่กินความหมายครอบคลุมกาแฟดำและกาแฟนมทุกสัดส่วน โดยใช้กาแฟไทยคั่วกลางจากโรงคั่ว Hands & Heart สองตัว คือ Underdog (เบลนด์ดอยสะเก็ดกับแม่กระจาน) และ Whiteslash (ดอยสะเก็ด) ที่ให้รสเปรี้ยว-เข้มแตกต่างกัน ส่วนกาแฟฟิลเตอร์จะเปลี่ยนเมล็ดไปเรื่อย ๆ

“เราอยากทำอะไรที่เรากินได้เอง เลือกวัตถุดิบดีมันก็ดีไปครึ่งนึงแล้ว” วีบอกกับเราถึงการใส่ใจในคุณภาพตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบ “เราไม่อยากเป็นคนขายอาหาร แล้วไม่กินอาหารที่เราขาย เพราะรู้ว่ามันทำจากของไม่ดี”

นอกจากเรื่องคุณภาพ เจ้าของร้านอย่างเขาก็เลือกจากสิ่งที่ตัวเองชอบ อย่างเครื่องดื่มช็อกโกแลตร้อนและเย็นของที่ร้านวีก็เลือกใช้ช็อกโกแลตคั่วอ่อนที่มีรสชาติผลไม้อมเปรี้ยวนิดๆ ของแบรนด์ไทย Shabar ตามความชอบของตน ส่วนชาเขียวที่ร้านก็ไม่ได้เพียงซื้อมาจากร้าน Peace Oriental Teahouse แต่ยกมาทั้งวิธีการเตรียมและการเสิร์ฟแบบ pastel matcha ชาเขียวมัตฉะผสมนม ที่มาในชามแบบเดียวกับร้าน Peace Oriental Teahouse และขายในราคาเท่ากันด้วย

“แม่ผมชอบทำน้ำทับทิมไปถวายพระ” วีเล่าถึงเหตุผลที่ร้านนี้มีน้ำผลไม้ที่แตกต่างจากร้านอื่นอย่างน้ำทับทิมแดงคั้นสด ซึ่งได้แม่ของเขามาช่วยทั้งในเรื่องสูตรและวิธีการเลือกวัตถุดิบ ส่วนน้ำผลไม้โซดาของที่นี่ก็เป็นสูตรเฉพาะ ที่ใช้เสาวรสและมะนาวสดผสมกันในชื่อ Passionade

แม้กระทั่งแท่นวางขนมบนเคาน์เตอร์ก็ยังคงหลักการที่เน้นฟังก์ชั่น โดยโชว์ชิ้นตัวอย่างของขนมแต่ละประเภทเพียงอย่างละชิ้นเท่านั้น พี่สาวของวีผู้มีพื้นฐานทางขนมอบรับผิดชอบสูตรขนมตระกูลแป้งพัฟอย่างครัวซองต์และเดนิชสารพัดไส้ ที่อบกันสดใหม่ในเตาตรงกลางร้าน ถึงจะไม่ได้มาจากเบเกอรี่ชื่อดังที่ไหน แต่ครัวซองต์ร้านนี้ก็ไล่เรียงเป็นชั้นที่กรอบด้านนอก และฉ่ำหอมเนยที่ด้านใน อร่อยครบตามนิยามครัวซองต์ที่ดี

ก่อนออกจากร้าน วีอธิบายที่มาของชื่อ Double Slash ว่ามาจากสัญลักษณ์ // ที่เขาใช้ในการจดบันทึกไอเดียต่างๆ ของตัวเอง จึงนำมาสื่อเป็นตัวแทนของสิ่งที่ผ่านการกลั่นกรองและทำงานหนักจนออกมาเป็นประสบการณ์ อย่างคาเฟ่แห่งนี้ซึ่งเปี่ยมด้วยความพิถีพิถันที่เราสัมผัสได้ในทุกอณู


Double Slash Coffee Space

address : 1585/1 ถนนอรุณอัมรินทร์ (ตีนสะพานพระราม 8)

tel. 09-7989-6499

hour : 07:00-18:00 น. หยุดทุกวันพุธ

facebook | Double Slash // Coffee Space

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ดวงสุดา กิตติวัฒนานนท์

ช่างภาพนิตยสาร a day ผู้ชอบกินอาหารที่ถ่าย