Crocs จากแตะที่มีแต่คนยี้ สู่รองเท้าที่ขายดีที่สุดในช่วงล็อกดาวน์

หากใครที่พอจะติดตามเทรนด์แฟชั่นของโลกตะวันตกอยู่บ้างคงจะเห็นว่า หนึ่งในเทรนด์ที่อยู่ๆ ก็บูมขึ้นมาในปี 2020 คือการกลับมาฮิตระเบิดระเบ้ออีกครั้งของ ‘Crocs’

ใช่ เรากำลังพูดถึงรองเท้าแตะสารพัดสีที่มักจะถูกชื่นชมในด้านความเบาสบายมากกว่าหน้าตาของมัน รองเท้าแตะที่ครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่าเฉิ่มเชยและแสนจะไร้รสนิยมชะมัด คำถามคือ ทำไม่อยู่ดีๆ กลับกลายเป็นไอเทมยอดฮิตขึ้นมาได้ล่ะ?

ใครๆ ก็ไม่รัก Crocs

แต่ก่อนหน้าที่จะไปดูกันว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ Crocs กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง เราอยากจะพาคุณไปทำความรู้จักกับรองเท้าแตะตราจระเข้กันอีกสักเล็กน้อย แม้ว่า Crocs จะเป็นแบรนด์ที่ทำให้รองเท้าที่มีทรงบวมป่องบริเวณด้านหน้ากลายเป็นที่แพร่หลาย ทว่ารูปทรงของรองเท้า Crocs ไม่ได้จะเพิ่งเกิดขึ้นใหม่พร้อมๆ กับแบรนด์แต่อย่างใด แต่เป็นรูปทรงของรองเท้าที่มีอยู่แล้วในประวัติศาสตร์

Miranda DiCenzo นักประวัติศาสตร์แฟชั่นมองว่า Crocs น่าจะได้รับอิทธิพลมาจาก Danish Clog รองเท้าจากยุโรปที่มีอายุกว่าร้อยปี ในขณะที่ Ellen Sampson นักวิชาการด้านแฟชั่นก็มองว่า Crocs น่าจะได้รับแรงบันดาลใจมาจากรองเท้าเอาต์ดอร์ที่ปรากฏให้เห็นอยู่เรื่อยๆ ในศตวรรษที่ 20 Sampson เล่าว่า 

“รูปทรงแบบรองเท้า Crocs เป็นทั้งสิ่งที่อยู่ในเทรนด์แฟชั่น และไอเทมเฉิ่มเชยเรื่อยๆ ตลอดศตวรรษที่ 20 อย่างในยุค 60s ทรงรองเท้าแบบ Crocs คือรองเท้าที่เหล่าฮิปปี้และวัยรุ่นชอบใส่ ในขณะที่ยุค 70s ทรงรองเท้าแบบนี้ก็โด่งดังในฐานะรองเท้าสไตล์สแกนดิเนเวียนที่ให้สุนทรียะแบบเอาต์ดอร์ หรือต่อมาในช่วงยุค 90s คุณก็ได้เห็นทรงรองเท้าแบบ Crocs ในสไตล์รองเท้าทรงสูงบนรันเวย์แฟชั่น–จากรองเท้าที่ใช้สวมใส่ในชีวิตประจำวันก็สามารถกลายเป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราฟู่ฟ่าจนได้”

Danish Clog

แต่ถึงแม้ว่ารองเท้าทรง Crocs จะปรากฏอยู่เรื่อยๆ ในอดีตที่ผ่านมา สาเหตุที่ทำให้ Crocs ในศตวรรษที่ 21 ถูกมองว่าเฉิ่มเชยนั้นเป็นเพราะรูปทรงและวัสดุที่ใช้ผลิต Crocs นั้นแตกต่างไปจากรองเท้ารุ่นอื่นๆ ในตลาด ต้องเข้าใจด้วยว่า ในช่วงปี 2002 ที่บริษัท Crocs เพิ่งจะก่อตั้งขึ้นนั้น สนีกเกอร์ที่กำลังฮิตอยู่ในขณะนั้น หากไม่ใช่รองเท้า slip-on อย่าง Vans ก็เห็นจะเป็น Nike Dunk ซึ่งสนีกเกอร์เหล่านี้แตกต่างจาก Crocs อย่างสิ้นเชิง อีกทั้งในแง่ของวัสดุที่ใช้ผลิตรองเท้าของ Crocs ก็ดูจะมีคุณภาพต่ำและราคาถูกกว่ารองเท้าที่ผลิตจากผ้าใบแคนวาสและวัสดุหนังเป็นไหนๆ และแม้ว่าจะเป็นรองเท้าแตะก็จริง แต่ Crocs ก็ดูจะไม่ใช่รองเท้าที่สอดรับกับไลฟ์สไตล์ที่ชัดเจนสักเท่าไหร่ ถึงขนาดที่ว่า ในนิตยสาร TIME ปี 2010 Crocs ได้รับการโหวตให้อยู่ใน 50 นวัตกรรมยอดแย่ และได้ชื่อว่าเป็น ‘รองเท้าที่น่าเกลียดที่สุดในประวัติศาสตร์’ หากจะบอกว่า Crocs เป็นรองเท้าแตะที่โดนสังคมรังเกียจมากที่สุดในโลกก็คงจะไม่ใช่คำพูดที่เกินจริงนัก

คำถามคือ จากรองเท้าแตะที่เคยถูกล้อเลียนในวันนั้น กลายมาเป็นรองเท้าแตะยอดฮิตในวันนี้ได้ยังไงกันล่ะ?

สู่รองเท้าแห่งปี 2020

ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2020 มีรายงานว่ารายได้ของ Crocs นั้นพุ่งสูงกว่า 411 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 56.5 เปอร์เซ็นต์เทียบกับรายได้ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา นอกจากนี้รายได้ตลอดทั้งปี 2020 ของ Crocs ยังสูงถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นกว่า 13 เปอร์เซ็นต์จากปีก่อน

สาเหตุสำคัญที่ทำให้รายได้ของ Crocs พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วก็ไม่ใช่อะไรอื่น แต่เป็นวิกฤตการณ์โรคระบาดที่ส่งผลให้ผู้คนต้องกักตัวอยู่กับบ้านเป็นเดือนๆ นั่นเอง จากที่ครั้งหนึ่งเราเลือกรองเท้าจากรูปลักษณ์เพื่อจะสวมใส่เดินบนท้องถนน แต่พอไม่สามารถออกไปไหนได้ ‘ความสบาย’ จึงกลายเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้ผู้คน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวอเมริกันเลือกซื้อรองเท้าสำหรับสวมใส่ในชีวิตประจำวันที่ต้องอยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยม

Andrew Rees CEO ของ Crocs เล่าว่า “แม้ว่า 2020 จะเป็นปีที่โลกต้องเผชิญกับโรคระบาดครั้งใหญ่ แต่มันก็เป็นปีที่ Crocs มีผลประกอบการสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ ผมคิดว่า Crocs ได้รับประโยชน์เป็นอย่างมากจากการที่ลูกค้าของเราให้ความสำคัญกับ ‘ความไม่เป็นทางการ’ มากขึ้น” เมื่อไม่ต้องไปทำงานที่ออฟฟิศ ไม่ต้องเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ ลักษณะที่เป็นทางการของเครื่องแต่งกายจึงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่เป็นความง่ายๆ สบายๆ ต่างหาก

Elizabeth Semmelhack แห่งพิพิธภัณฑ์ Bata Shoe ให้สัมภาษณ์กับ ELLE ว่า “ยิ่งเราต้องกักตัวและทำงานในชุดอยู่บ้านนานเท่าไหร่ มันก็ยิ่งจะเป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อยๆ ที่จะให้เรากลับไปใส่กางเกงแข็งๆ กับรองเท้าส้นสูง” สำหรับ Elizabeth แล้ว การที่เธอสามารถจะสวมใส่ Crocs ในชีวิตประจำวันแล้วยังทำงานไปด้วยได้จึงสะท้อนให้เห็นความไม่จำเป็นต่อการกลับไปสวมใส่อะไรที่ดูจะไม่สะดวกสบายกับร่างกายอย่างรองเท้าส้นสูง แต่พ้นไปจากความสบายของรองเท้าแล้ว อีกประเด็นหนึ่งที่ Elizabeth เสนอขึ้นมาอย่างน่าสนใจคือ Crocs เป็นรองเท้าที่มีลักษณะ ‘เป็นกลาง’ ไม่ได้ยึดโยงอยู่กับเพศใดๆ

“เรากำลังอยู่ในช่วงของการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและวัฒนธรรมครั้งสำคัญ ฉันว่ามันสมเหตุสมผลมากๆ หาก Crocs จะกลายเป็นรองเท้ายอดฮิตในกลุ่มเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่ต้องการจะสวมใส่รองเท้าใดๆ ซึ่งเชื่อมโยงอยู่กับเพศใดเพศหนึ่งอย่างชัดเจน” ข้อสันนิษฐานของ Elizabeth สอดคล้องกับรายงานของ Crocs ที่พบว่า ตัวเลขของลูกค้าที่เป็นเด็กและวัยรุ่นนั้นเพิ่มสูงขึ้นเป็นอย่างมากในช่วงปี 2020 โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้หญิงซึ่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

แต่ความสบายของ Crocs ไม่เพียงจะเป็นที่นิยมในกลุ่มคนที่ต้องกักตัวอยู่กับบ้านเท่านั้น บุคลากรทางการแพทย์ก็เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่ดูจะชื่นชอบ Crocs เป็นพิเศษ ทั้งนี้ ในช่วงต้นปี 2020 Crocs ยังได้ประกาศว่าจะบริจาครองเท้าให้กับบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องการรองเท้าสำหรับสวมใส่ในขณะปฏิบัติงานอีกด้วย

“เราได้พูดคุยกับบุคลากรทางการแพทย์หลายๆ คนซึ่งพวกเขาต่างบอกว่า อยากได้รองเท้าของเราเพราะ Crocs ช่วยให้เท้าของเขาไม่ปวดเมื่อต้องยืนนานๆ อีกอย่างคือ Crocs ยังทำความสะอาดง่ายมากๆ มันเลยช่วยให้พวกเขาไม่ต้องวุ่นวายมากหากต้องทำความสะอาดรองเท้าที่อาจเปรอะเปื้อนของเหลวต่างๆ ในโรงพยาบาล” แอนดรูว์อธิบาย

คอลแล็บสะเทือนวงการ

แม้ว่าการล็อกดาวน์คือปัจจัยสำคัญที่ส่งให้ยอดขาย Crocs พุ่งทะลุเพดาน ถึงอย่างนั้นก็ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้นั่นคือการคอลแล็บ

ย้อนกลับไปในปี 2016 Crocs กับ Christopher Kane ดีไซเนอร์ชาวอังกฤษได้ร่วมงานกันเป็นครั้งแรกจนออกมาเป็นรองเท้า Crocs ที่ประดับประดาด้วยหินและอัญมณีต่างๆ ไม่เพียงแค่นั้น Kane ยังได้พา Crocs รุ่นนี้ไปเฉิดฉายบนรันเวย์โดยให้นางแบบของเขาสวม Crocs เดินแบบอีกด้วย

Crocs x Christopher Kane

หากการคอลแล็บกับ Kane คือกุญแจดอกแรกสู่วงการแฟชั่น กุญแจดอกที่สองที่ส่งให้ชื่อของ Crocs กลายเป็นที่พูดถึงไปทั่วบ้านทั่วเมืองคือการร่วมงานกับแบรนด์สัญชาติสเปนชื่อดังอย่าง Balenciaga ออกมาเป็น Crocs รุ่นพิเศษที่ไม่เพียงแต่จะมีส้นรองเท้าสูงถึง 4 นิ้วเท่านั้น แต่ราคาของมันยังแพงสมกับชื่อของ Balenciaga เพราะรองเท้าคู่นี้สนนราคาอยู่ที่ 895 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 28,000 บาท (Crocs รุ่นทั่วไปราคา 40 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,300 บาท)

“หากแบรนด์ของคุณมีคนเกลียดมากๆ มันยิ่งจะทำให้การไปคอบแล็บกับแบรนด์อื่นยิ่งน่าสนใจนะ ตอนที่ Balenciaga ติดต่อมาว่าอยากจะคอลแล็บกับเรา พวกเขาเลือกจะร่วมงานกับเราไม่ใช่ว่าเพราะ Crocs เป็นแบรนด์รองเท้าที่ยิ่งใหญ่หรืออะไร แต่เพราะความสุดขั้วของแบรนด์เรา และเรื่องราวต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นจากการคอลแล็บครั้งนี้ ผมคิดว่าในเรื่องนี้ ทั้ง Balenciaga และ Crocs ได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งคู่นะ” แอนดรูว์เล่า

Crocs x Balenciaga

สำหรับแอนดรูว์ ความสุดขั้วของ Crocs ที่เขาหมายถึงคือ หากคุณไม่ชอบ Crocs เอามากๆ คุณก็จะเกลียดมันไปเลย ซึ่งจุดนี้เองที่ทำให้สถานะของ Crocs ที่อยู่ๆ ก็กระโดดเข้ามาในวงการแฟชั่นสามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนได้โดยทันที ยิ่งเมื่อเป็นการคอลแล็บกับ Balenciaga ด้วยแล้ว ไม่เพียงแต่การร่วมงานกันครั้งนี้จะส่งให้ชื่อของ Crocs ถูกจับตามองมากขึ้นในวงการแฟชั่น แต่แน่นอนว่า Balenciaga แบรนด์แฟชั่นชื่อดังก็ได้รับการพูดถึงจากความบ้าบิ่นในครั้งนี้

Crocs ยังคงเดินหน้าคอลแล็บกับแบรนด์ต่างๆ และปล่อยรองเท้าแตะหน้าตาประหลาดออกมาสู่ตลาดอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น Crocs x BEAMS, Crocs x Chinatown Market และ Crocs x KFC ที่เรียกได้ว่าเพี้ยนสุดๆ เพราะเล่นติดน่องไก่ทอดจาก KFC บน Crocs กันเลย (แน่นอนว่าของปลอม) แถมบางคนที่มี Crocs รุ่นนี้ยังบอกว่า รองเท้ายังส่งกลิ่นเหมือนไก่ทอดอีกด้วย!

Crocs x BEAMS
Crocs x KFC
Crocs x Chinatown Market

แต่พ้นไปจากแบรนด์ชื่อดังเหล่านี้แล้ว Crocs ยังกระโดดไปคอลแล็บกับคนดังในวงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Takashi Murakami,, Justin Bieber และ Post Malone จากเหตุผลต่างๆ ที่เล่ามา จะเห็นได้ว่าไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยที่ Crocs รองเท้าแตะที่ผู้คนทั่วโลกต่างพากันยี้ จะก้าวขึ้นมาเป็นรองเท้าขายดีที่สุดแห่งปี 2020 และถึงที่สุดแล้วต่อให้หน้าตาของมันจะยังไม่ค่อยถูกชะตาใครหลายๆ คนนัก หากเราก็ปฏิเสธไม่ได้ถึงความสะดวกในการสวมใส่ และความสบายในการใส่เดินของมัน จนเราเองก็ชักอยากจะได้ Crocs มาใส่บ้างแล้วสิ

Crocs x Takeshi Murakami
Crocs x Post Malone

AUTHOR