วันที่หิมะตกในใจฉัน

พ.ศ. 2535 มีหิมะตกที่เชียงใหม่

วันนั้น…23 ปีที่แล้ว…. ฉันกำลังจะเรียนจบปริญญาตรี และกำลังมองหาว่าอนาคตตัวเองจะไปทางไหน

วันนั้น…ฉันเปิดอ่านหนังสือพิมพ์ตามปกติ แล้วสายตาของฉันก็มาหยุดอยู่ที่ประกาศอันหนึ่งซึ่งเขียนว่า ‘กิจกรรมเข้าค่ายคนพิการนานาชาติ เชียงใหม่’ โดยไม่ต้องหยุดคิด ฉันบอกพ่อแม่ฉันทันทีว่าอยากไปร่วมกิจกรรมนี้ แม่ก็ตามใจ จัดการติดต่อสอบถามและสมัครให้เรียบร้อย ถ้าให้วิเคราะห์ตอนนี้ ฉันบอกได้คำเดียวว่ามันคือ ‘ฟ้าลิขิต’ Yes, It’s meant to be! เหมือนมีใครมาจัดฉากนี้ไว้ให้ฉันโดยเฉพาะ

ไม่รู้ว่าตอนนั้นฉันกล้าบ้าบิ่น หรืออะไรเข้าสิง หรือจริงๆ แล้วคือไม่ได้คิดอะไรเลย “โอเค ฉันต้องไปเชียงใหม่คนเดียว 2 วัน 1คืน แล้วยังไงต่อ” ฉันถามตัวเอง สำหรับคนอื่นๆ มันคงเป็นเรื่องปกติ ก็แค่จากบ้านไป 2 วันเหมือนเข้าค่ายตอนเรียน

แต่สำหรับฉัน คนที่ไม่เคยไปไหนคนเดียว เดินด้วยตัวเองคนเดียว แม้แต่ครั้งเดียว ฉันริจะไปไกลขนาดนั้นได้อย่างไร ฉันซึ่งพิการตั้งแต่กำเนิด ด้วยโรคทางพันธุกรรม ปลายเส้นประสาทเสื่อม แขนทั้งสองข้างตั้งแต่ข้อศอกลงไปและขาทั้งสองข้างตั้งแต่เข่าลงไปลีบเรียว ฉันควบคุมและสั่งงานมือและเท้าแทบไม่ได้เพราะเส้นปลายประสาทรับสัญญาณที่สมองสั่งมาไม่ได้ อย่างมากฉันก็แค่เดินเกาะนั่นเกาะนี่ใกล้ๆ ในบ้าน ล้มบ้าง สะดุดบ้าง เป็นเรื่องปกติ

ไม่รู้อีกเหมือนกันว่ามันคือสิ่งที่ดีหรือไม่ ที่ฉันเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะดีระดับหนึ่ง ฉันเติบโตมาท่ามกลางคนปกติ เรียนหนังสือที่โรงเรียนคนปกติ ไม่ต้องถูกแยกไปเป็นเด็กพิเศษหรือต้องถูกเก็บตัวอยู่แต่ที่บ้าน ฉันมีคนช่วยดูแลอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะหยิบจับอะไร จะเดินไปไหนก็มีคนช่วยจับช่วยพยุง ตั้งแต่พี่เลี้ยงที่บ้าน พี่น้อง ครอบครัว และเพื่อนๆ ที่โรงเรียน เหมือนเป็นการส่งไม้ต่อ จากที่หนึ่งไปที่หนึ่ง จนอายุ 21 ฉันก็ยังไม่ต้องเดินด้วยตัวเอง ฉันไม่เคยมีหรือใช้เครื่องช่วยเดินใดๆ เพราะคนรอบข้างก็เป็นเสมือนแขนและขาให้ฉันอยู่แล้ว

แต่มันคงเป็นปมในใจฉันอยู่ตลอด การที่อายุมากขึ้น อยากเห็นโลกที่กว้างขึ้น ชอบตั้งคำถามมากขึ้น “ถ้าพ่อแม่ไม่อยู่ ไม่มีใครเหลือรอบตัว ฉันจะอยู่อย่างไร” มันคงถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องออกจากกรงความรักที่พ่อแม่สร้างไว้ให้ ฉันต้องการอิสระและไม่ต้องคอยพึ่งพาใคร … อัตตาหิ อัตโนนาโถ… ฉันท่องไว้ในใจ ฉันเริ่มมองหาตัวช่วยทันที โทรติดต่อคลินิกที่ทำไม้เท้าและเครื่องช่วยเดินต่างๆ ด้วยการสนับสนุนทุกอย่างของพ่อแม่ ในที่สุดฉันก็ได้ไม้เท้ามาใช้หัดเดินจนได้

แล้ววันนั้นก็มาถึง ครั้งแรกที่ฉันเดินคนเดียว ออกเดินทางคนเดียว นั่งเครื่องบินไปเชียงใหม่คนเดียว เข้าทำกิจกรรมกับคนพิการทั้งทางกายภาพ ทางสายตา และการได้ยินเสียง ที่มาจากหลายชาติ แต่มันไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนตัวคนเดียวเลย ทุกคนช่วยเหลือกันอย่างดี ฉันได้จับคู่กับป้าคนหนึ่งที่สายตามองไม่เห็น แล้วก็มีพี่ที่ไม่ได้ยินเสียงคอยประกบช่วยเหลือเราอีกที มันก็น่าตลกนะที่ฉันต้องเป็นคนนำทางให้คุณป้าเกาะแขน ทั้งที่แต่ก่อนต้องคอยเกาะคนอื่นเดินตลอดเวลา เป็นช่วงเวลาที่มีค่าและสนุกสนานมากสำหรับฉัน ทั้งหมดทั้งมวลที่ฉันรู้สึกคือ ‘ฉันทำได้’

แล้วหิมะก็ตกที่เชียงใหม่ ความรู้สึกเหมือนละอองหิมะที่เพิ่งตกใหม่ๆ ค่อยๆ โปรยลงมาในใจ มันขาว เย็น สะอาด โปร่ง โล่ง ฉันโกยมันขึ้นมา บี้ให้เป็นก้อนเล็กๆ ด้วยมือตัวเอง แล้วปล่อยให้กลิ้งลงบนเนินของกาลเวลา จนก้อนหิมะความกล้าของฉันมันโตขึ้นเรื่อยๆ

วันสุดท้ายของการเข้าค่าย ทุกคนได้ออกมาพูดถึงความรู้สึกของตัวเอง ฉันได้พูดขอบคุณทุกคน ขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่จัดกิจกรรมดีๆ นี้ มันมีความหมายมากสำหรับฉัน เขาอาจคิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่ากิจกรรมนี้ได้เปลี่ยนชีวิตของคนคนหนึ่ง ฉันเปรียบมันเหมือนสถานที่เพาะพันธุ์สัตว์น้ำ มันเป็นบ่อน้ำจำลองเล็กๆ ที่คุณปล่อยสัตว์ที่เพาะพันธุ์มาให้เริ่มคุ้นชินกับสิ่งแวดล้อม ก่อนปล่อยมันออกสู่ทะเลกว้าง

ชีวิตฉันก็เช่นกัน จากวันที่ได้ทดลองอยู่ในกรงใหญ่ขึ้น ชีวิตฉันก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ฉันรู้สึกฮึกเหิม จากปลายทางแค่เชียงใหม่ มุ่งมาสู่ปลายทางอีกซีกโลก ตอนนี้เป็นเวลายี่สิบกว่าปีแล้วที่ฉันได้ใช้ชีวิตอยู่ในป่าคอนกรีตอันยิ่งใหญ่ที่เรียกว่า ‘อเมริกา’ ด้วยขาของฉันเอง

ก้อนหิมะในใจฉันมันยังคงกลิ้งไปเรื่อยๆ หลายครั้งที่ฉันต้องอัดหิมะเพิ่มให้มัน ก่อนที่มันจะละลายหายไปเนื่องจากแรงลม แสงแดด ความร้อนระอุ ที่ประทุเข้ามาในหลายช่วงของชีวิต ถึงรูปร่างจะบูดเบี้ยวไปบ้าง เปรอะเปื้อนบ้าง สะดุด กระเด็นกระดอน ออกข้างทางบ้าง ความเร็วช้าลงบ้าง ต้องมีคนช่วยเตะช่วยยันบ้าง แต่ก้อนหิมะนั้นก็ยังคงกลิ้งอยู่ในใจฉันตลอดมา และยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงเมื่อใด

ป.ล. นี่ก็เป็นอีกครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ฉันอัดหิมะเพิ่มให้กับก้อนหิมะของฉัน งานเขียนจากความทรงจำลึกๆ เรื่องสั้นที่ยาวที่สุดที่เคยเขียนมา สู่ public ครั้งแรก

09/01/2015

Move out of your comfort zone. You can only grow if you are willing to feel awkward and uncomfortable when you try something new.
~Brian Tracy

ใครอยากเล่าเรื่องวันเปลี่ยนชีวิตของตัวเองบ้าง คลิกที่นี่เลย

AUTHOR