วันที่ฉันโดนจับว่าลอกการบ้าน

ฉันก้มมองกระดาษเอสี่น้ำหนัก 500 กรัมในมือ มันขาวสะอาดไร้การตกแต่ง แต่เต็มไปด้วยตัวอักษรเป็นพรืดจรดบรรทัดสุดท้าย
จั่วหัวข้อ ‘อ่าน คิด วิเคราะห์’ ให้รู้ว่าเป็นใบงานวิชาหลักการเขียนและวรรณคดี
ครูเพ็ญศรีกำลังจะเริ่มต้นสอนอีกแล้ว ทำให้ฉันไม่แน่ใจว่าควรยกมือขึ้นรึเปล่า
เพราะปกติจะชอบนั่งเงียบๆ อยู่หน้าห้องมากกว่า แต่ขอเรื่องนี้ไว้เรื่องหนึ่งเถอะ

“ครูคะ ทำไมหนูถึงได้คะแนนแค่นี้ล่ะคะ”

จริงอยู่ คะแนนไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แต่ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงได้แค่นี้
ทั้งๆ ที่เพื่อนคนอื่นได้ 5 คะแนนเต็มกันถ้วนหน้า

ฉันชี้ไปที่รอยดินสอบนใบงานซึ่งตอนแรกถูกให้คะแนนไว้ ‘2-2-1’ รวมเป็น 5 คะแนน ก่อนจะถูกแก้ใหม่เป็น
‘1.5-1.5-1’ เหลือ 4 คะแนน พร้อมกับคอมเมนต์ยุ่งๆ ที่อ่านไม่ออก

“อ้อ! นึกออกแล้ว เธอนี่เองที่เป็นคนไปลอกมาจากอินเทอร์เน็ต ครูไม่เชื่อหรอกว่าเธอจะเขียนเอง
สำนวนภาษาแบบนี้ไม่น่าจะเป็นฝีมือของเธอนะ” และอื่นๆ อีกมากมายที่ฉันจำได้ไม่หมด

ลอกมาจากอินเทอร์เน็ต!? ฉันเหวอมาก
เพ่งมองกระดาษอีกรอบเพื่อตกใจกับข้อความที่ตอกย้ำคำพูดของครูว่า ‘ลอกมาจากไหน’

มือฉันสั่นไปหมด…ขณะพูดปฏิเสธข้อสันนิษฐานนั้นของครูเพ็ญศรี

สำหรับเด็กม.4 ที่เรียนสองภาษา
การเขียนบทวิเคราะห์วรรณกรรม คู่กรรม 2 มันดูน่าเหลือเชื่อขนาดนั้นเลยเหรอ คิดเพียงเท่านั้นฉันก็พอเข้าใจว่าภาพในหัวของครูเป็นยังไง
ลำพังฉันตัวคนเดียวคงเปลี่ยนความคิดแกไม่ไหวหรอก ลองให้คนปักใจเชื่อแล้ว คงยากที่จะเปลี่ยนความคิด
เหมือนกับการสอนเด็กมัธยมคนหนึ่งว่าองค์ประกอบของเรียงความได้แก่ คำนำ เนื้อหา
และบทสรุป บทวิเคราะห์ที่ดีควรพูดถึงเนื้อหา การดำเนินเรื่อง มุมมองในการสื่อความ
ฉาก บรรยากาศ สำนวนการเขียน ฯลฯ

เด็กคงจะจำไม่ได้หรอก ถ้าไม่เปิดดู

ใช่ ฉันลอกมาจริงๆ แหละ

แต่แค่หลักการวิเคราะห์วรรณกรรมจากชีทเรียนนะ ที่เหลือทั้งหมดนั้น ฉันใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่งในการพิมพ์ สลับกับเปิดหนังสือ คู่กรรม 2 ทบทวนความจำไปด้วย
เหตุการณ์ครั้งนั้นสอนให้ฉันรู้ว่าอย่าเถียงกับครูเพียงลำพัง

ล้อเล่นน่ะ

“ครูคะ เพื่อนเขียนเองจริงๆ แหละค่ะ” เพื่อนในห้องคนหนึ่งยกมือขึ้น
หลังจากทุกคนได้ฟังข้อสันนิษฐาน และบท (เกือบ) สรุปของครูเพ็ญศรีมาพักใหญ่แล้ว หลังจากนั้น
เพื่อนๆ ช่วยกันพูดยืนยันจนครูยอมเชื่อ คะแนนในใบงานถูกแก้ รอยดินสอถูกลบ
แถมคอมเมนต์ใหม่ยังน่าอ่านกว่าเดิมจากหน้ามือเป็นหลังมืออีกด้วย

.

ถึงเหตุการณ์นั้นจะผ่านมา 9 ปีแล้ว พอคิดถึงเรื่องนี้ทีไร ฉันก็อดยิ้มไม่ได้ทุกที

ตั้งแต่นั้นมา ทัศนคติและความตั้งใจในผลงานของฉันก็เปลี่ยนไป จากที่โดนผู้คนมองว่า ‘เป็นไปไม่ได้’ ฉันจะพยายามทำให้มันกลายเป็น ‘คาดไม่ถึงว่าจะทำได้’

และแน่นอน…ฉันจะพยายามฝึกฝนให้หนักขึ้นเพื่อเป็นนักเขียนมืออาชีพคนหนึ่งให้ได้

ใครอยากเล่าเรื่องวันเปลี่ยนชีวิตของตัวเองบ้าง คลิกที่นี่เลย

AUTHOR