วันที่ฉันหยิบลูกปิงปองออกมาจากกล่อง

“Life is like a box of chocolate, you never know what you’re gonna get.”

แม่ของฟอร์เรสต์ กัมป์ บอกเอาไว้ ในหนังที่ฉันรักมากที่สุดเรื่องหนึ่ง

ช็อกโกแลตบางอันอาจขมเกิน บางอันอาจหวานไป จริงๆ แล้วเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในกล่องนั้นจะมีช็อกโกแลตที่เหมาะกับเรารึเปล่า เราจึงต้องลองเสี่ยงหยิบมันขึ้นมาดู

3 ปีก่อน ชีวิตพาฉันเข้าไปเจอกับความเสี่ยงแบบนั้นครั้งหนึ่ง

เปล่า ไม่ใช่กล่องช็อกโกแลตหรอกที่ฉันต้องหยิบมันออกมา แต่มันคือกล่องปิงปอง

วันนั้นน่าจะเป็นวันที่หมอจบใหม่ของประเทศไทยมารวมตัวกันมากที่สุด

วันที่ลึกๆ แล้วฉันไม่อยากให้มาถึง-วันจับฉลากจัดสรรหมอไปใช้ทุนตามที่ต่างๆ

งานจัดขึ้นที่อิมแพค เมืองทองธานี ฉันยังจำบรรยากาศตอนนั้นได้ไม่ลืม ห้องประชุมกว้างขวาง โต๊ะที่มีป้ายชื่อโรงพยาบาลทั่วประเทศตั้งอยู่เรียงราย จอภาพขนาดใหญ่เพื่อบอกจำนวนตำแหน่งที่รับและจำนวนที่เหลือของโรงพยาบาลแต่ละแห่งกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ในห้อง ภาพใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวลและลุ้นระทึกของเพื่อนๆ และตัวฉันเอง

เรียนมา 6 ปีเหนื่อยแทบตาย พอเรียนจบกลับไม่มีโอกาสแม้แต่จะเลือกที่ทำงานให้ตัวเอง ต้องพึ่งดวงและขึ้นอยู่กับลูกปิงปองบ้านั่น-คือสิ่งที่ฉันกับเพื่อนรู้สึกตรงกันในวันนั้น

แต่ละคนต่างมีชื่อโรงพยาบาลในใจที่เล็งไว้ด้วยเหตุผลต่างๆ (รุ่นพี่แนะนำ,ใกล้บ้าน, ที่เที่ยวเยอะ, ได้ฝึกทักษะเยอะ ฯลฯ) บางคนมาเดี่ยวๆ บางคนจับกันมาเป็นคู่ บางคนแพ็กกันมาเป็นกลุ่มเพื่อไปร่วมชะตากรรมเดียวกัน แน่นอนว่าที่ที่เราจับฉลากได้ไม่ได้ส่งผลแค่ชะตากรรมของเราคนเดียว มันยังส่งผลถึงครอบครัวที่รอลุ้น (และรอแก้บน) ไปกับเราด้วย

แล้วก็ถึงเวลาที่ต้องจับฉลาก

หมอจบใหม่แยกย้ายกันไปต่อแถวหน้าโต๊ะของแต่ละโรงพยาบาล และลงชื่อแจ้งความจำนงว่าต้องการไปใช้ทุน ณ โรงพยาบาลแห่งนั้น เมื่อเสร็จสิ้นการสมัคร เราจะได้หยิบลูกปิงปองในกล่องคนละสองครั้ง ครั้งแรกคือเลขหลักหน่วย ครั้งที่สองคือหลักสิบ โดยลูกปิงปองแต่ละลูกจะมีเลข 0 – 9 เขียนไว้อยู่ (คะแนนที่ออกมาจึงอยู่ในช่วง 00 – 99 แล้วแต่โชคชะตา) เมื่อหยิบลูกปิงปองกันครบทุกคนแล้ว จะเรียงคะแนนจากมากไปน้อยตามจำนวนตำแหน่งที่รับของแต่ละที่

ครั้งแรกฉันหยิบได้เลข 8 ครั้งที่สองได้เลข 1

18-คือเลขที่ฉันได้

18-คือเลขที่ทำให้ฉันไม่ได้ไปใช้ทุนในโรงพยาบาลที่ฉันตั้งใจไว้

เหมือนฟ้าผ่าเข้ากลางกบาล แต่จุดนั้นไม่มีเวลามากพอให้กับความเสียใจหรือผิดหวัง เมื่อตกรอบแรก คำถามต่อไปที่ต้องรีบหาคำตอบคือ แล้วรอบสองจะเลือกที่ไหน จะไปไหนต่อ?

เรื่องตลก (ที่ไม่ค่อยตลก) ก็คือ เพื่อนบางคนที่จับลูกปิงปองได้เลขน้อยกว่าฉันกลับได้ใช้ทุนในที่ที่ต้องการ เพราะที่โรงพยาบาลนั้นมีคนจับได้เลขน้อยกว่า บางคนไม่ต้องเสี่ยงจับลูกปิงปองเลยเพราะมีคนสมัครพอดีหรือน้อยกว่าจำนวนตำแหน่งที่โรงพยาบาลต้องการ บางคนตัดใจเปลี่ยนโรงพยาบาลที่เลือกกะทันหันเพราะเห็นปริมาณคนที่มาต่อแถวแล้วคิดว่าคงเอาดวงไปสู้ไม่ไหว บางคนที่จับแพ็กกันมาจำต้องแยกกันทั้งน้ำตาเมื่อตัวเลขที่ออกมาไปกันคนละทาง บางคนจับได้เลข 00 ความน่าจะเป็นดูช่างน้อยนิด แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วจริงๆ

รอบสองเหลือโรงพยาบาลให้เลือกลดลง บรรดาโรงพยาบาลที่ฉันเล็งไว้ได้หายไปจากตัวเลือกหมดแล้ว

ฉันตัดสินใจเลือกโรงพยาบาลที่มีตำแหน่งเหลือมากที่สุด ไม่อยากพาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับเจ้าลูกปิงปองนั่นอีก เหมือนจะรอดอยู่แล้วเชียว แต่เมื่อการลงชื่อรอบสองสิ้นสุดลง ดันมีคนสมัครเกินมา 2 ตำแหน่ง

ต้องจับลูกปิงปองกันอีกรอบ

เพื่อนร่วมแถวโรงพยาบาลเดียวกับฉันต่างมีหน้าตาเคร่งเครียด บางคนนั่งร้องไห้ บางคนนั่งนิ่งทำสมาธิ บางคนกดโทรศัพท์ขอกำลังใจจากคนที่บ้าน ในหัวฉันเริ่มมีคำถามตามมาว่า ถ้าตกรอบนี้อีก จะทำยังไงต่อไป?

เมื่อถึงเวลาต้องล้วงมือเข้าไปในกล่อง ฉันจำไม่ได้แล้วว่าตอนนั้นกำลังคิดอะไร จำเลขตัวแรกที่หยิบขึ้นมาไม่ได้ด้วยซ้ำ รู้แต่ว่ามือของฉันสั่นมากและเปียกมากเพราะชุ่มไปด้วยเหงื่อ

ครั้งนี้เลขตัวที่ 2 ที่ฉันหยิบได้คือเลข 8 และเมื่อนำเลขที่ได้ของทุกคนมาเรียงกันแล้ว ฉันก็มีที่ใช้ทุนให้ตัวเองซะที

ฉันดีใจมาก ฉันน้ำตาไหล ฉันเข้าไปกอดเพื่อนทุกคนที่ได้ไปใช้ทุนที่เดียวกัน

ไม่ใช่ดีใจเพราะที่ที่จะได้ไป แต่ดีใจเพราะไม่ต้องจับลูกปิงปองนั่นอีกแล้ว

.

“Life is like a box of chocolate, you never know what you’re gonna get.”

ฉันถูกจับพลัดจับผลูมาอยู่ในที่ที่ฉันไม่ได้เลือกว่าจะมาตั้งแต่แรก ไม่คิดว่าจะอยู่ได้ แต่ก็อยู่ใช้ทุนจนครบทั้งสามปี เป็น 3 ปีที่สอนฉันหลายอย่าง ฉันได้เรียนรู้อีกหลายด้านของชีวิตที่ยังไม่เคยเจอมาก่อนตอนอยู่ในโรงเรียนแพทย์ ได้พบผู้คนหลากหลายที่ทำให้ฉันเติบโตขึ้น ได้เห็นแบบอย่างที่ดีที่ฉันอยากจะทำตาม ได้ลองทำอะไรมากมายที่ฉันอยากจะทำต่อ ได้ค้นพบสาขาเฉพาะทางที่อยากเรียนและเส้นทางที่ฉันกำลังเดินอยู่ในตอนนี้

อาจไม่ใช่ชีวิตที่เคยวาดภาพไว้ตอนแรก แต่ฉันก็เลือกที่จะทำให้มันเป็นอย่างที่ฉันอยากให้เป็นได้

สำหรับฉันแล้ว มันเป็น 3 ปีที่ดีมาก

ไม่ต่างจากกล่องช็อกโกแลต บางครั้งชีวิตก็เหมือนกล่องปิงปองที่เราไม่รู้ว่าจะหยิบได้เลขอะไรออกมา

เวลาผ่านไป ฉันได้เรียนรู้ความจริงอย่างหนึ่งว่า ไม่ใช่ลูกปิงปองหรอกที่บอกว่าชีวิตเราจะเป็นยังไงต่อไป มันแค่กลิ้งไปมาอยู่ในกล่อง มือเราต่างหากที่หยิบมันขึ้นมา

สุดท้ายแล้ว เรานี่แหละเป็นคนกำหนดชะตาชีวิตตัวเอง 🙂

ใครอยากเล่าเรื่องวันเปลี่ยนชีวิตของตัวเองบ้าง คลิกที่นี่เลย

AUTHOR