วันที่ฉันพยายามหัดพูดภาษาญี่ปุ่น

จากที่เคยบ่นกับที่บ้านมาตลอดหลายปีว่าอยากไปญี่ปุ่น
สุดท้ายที่บ้านก็จัดให้
ได้ไปญี่ปุ่นสมใจ แต่เป็นการไปแบบที่ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชีวิตนี้จะมีประสบการณ์แบบนี้กับคนอื่นเขาบ้าง
ไปแบบไม่มีครอบครัวไปด้วยครั้งแรกในชีวิต

พ่อส่งให้เราไปเรียนภาษาระยะสั้นหนึ่งเดือน
กับเพื่อนร่วมทางอีก 7 คนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย แต่ใครจะไปรู้ว่าหลังจากกลับมาแล้ว
มันจะเปลี่ยนความคิดเราไปได้ขนาดนี้

ก่อนหน้าที่จะไป เราเป็นคนนึงที่เล่นโซเชียล
ติดโทรศัพท์เหมือนคนอื่นๆ เวลาไปทานข้าวมักจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตลอด มนุษยสัมพันธ์ค่อนข้างติดลบ
และที่แย่ที่สุดคือเราไม่เคยจริงจังกับอะไรในชีวิตมาก่อน

เมื่อไปถึงเราได้รับการจัดแบ่งห้องพัก
ทุกคนได้อยู่ห้องพักเดี่ยวและสถานที่รวมตัวคือห้องนั่งเล่นรวม ส่วนชั้นเรียนทุกคนถูกแยกออกจากกันหมด
มีเพียงเราและน้องอีกคนที่อยู่ห้องเดียวกัน ในห้องเรียนของเรามีนักเรียนแค่ 6 คน เพราะฉะนั้นเซนเซย์ทุกคนจะมีบทสนทนากับนักเรียนตัวต่อตัวอยู่บ่อยๆ

วันแรกของการไปเรียนเรารู้สึกแย่มาก ทั้งๆ
ที่เคยเรียนมาแล้ว แต่กลับใช้ไม่เป็น พูดตอบไปได้แค่ประโยคสั้นๆ เท่านั้น เราเป็นแบบนั้นอยู่เกือบหนึ่งอาทิตย์ จนขึ้นบทเรียนใหม่
คนอื่นนำเราไปไกลแล้ว ตอนแรกเราก็คิดว่า เออ กลับไปอ่านเองก็ได้ เดี๋ยวนานๆ ไปก็คงจำได้เองแหละมั้ง
เราเป็นคนที่อยากทำได้ แต่เราไม่พยายาม ถ้าคิดว่าไม่ได้เราก็จะไม่ไปต่อ

จนกระทั่งวันนั้น เราออกไปนั่งเล่นอินเทอร์เน็ตในห้องนั่งเล่นรวมตามปกติ นั่งไปได้สักพักก็เริ่มมีคนเข้ามานั่งด้วย
เป็นสองสาวจากฝั่งยุโรปที่เราจำไม่ได้ว่าประเทศอะไร ต่อมาน้องคนนึงที่ไปกับเราก็มานั่งด้วยพร้อมกับมะม่วงสุกในมือ
จนรู้ตัวอีกที บทสนทนาก็เกิดขึ้นกลางโต๊ะซะแล้ว และความซวยก็เกิดขึ้นเมื่อน้องที่ไปกับเราด้วยเริ่มบอกให้เราช่วยแปลให้หน่อย
เราฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง พยายามนึกคำจนแทบอยากจะลุกหนีไปแต่ก็ทำไม่ได้ เราคุยกันเป็นภาษาญี่ปุ่นเพราะเราก็ไม่ค่อยชำนาญภาษาอังกฤษเท่าไหร่นัก

ในตอนแรกเราค่อยข้างกลัวเพราะเราพูดติดขัด
เวลานึกอะไรไม่ออกก็จะ ‘เอ่อ…’ บ่อยครั้ง จนเขาเลิกถามไปเอง เราเป็นคนที่ต่อบทสนทนาได้แย่เอามากๆ เพราะเรามักจะจบด้วยคำว่า
‘อ้อค่ะ’ หรือ ‘นั่นสินะคะ’ แต่เหมือนสถานการณ์จะบังคับ ทำให้เราต้องพยายามพูดต่อไปเรื่อยๆ
ไม่อย่างนั้นคงจะเป็นการเสียมารยาท

จนบทสนทนาเริ่มสนุกขึ้นเรื่อยๆ แต่ละคนเริ่มถามชื่อกัน
และหลังจากวันนั้นทุกคนกลายเป็นเพื่อนกัน เราสนุกกับการมาห้องนั่งเล่นมากขึ้น เราแทบจะไม่จับโทรศัพท์เลย ตอนนั้นเราชอบภาษาญี่ปุ่นเอามากๆ
มันทำให้เราได้เพื่อนเพิ่ม คุยกันรู้เรื่อง เวลาไปซื้อของหรือสั่งข้าวก็ไม่ต้องใช้ภาษาใบ้อีกแล้ว

จากวันนั้นเราพยายามเรียนในชั้นเรียนมากขึ้น
ตั้งใจมากขึ้นเพราะเราอยากคุยกับคนอื่นรู้เรื่อง เราอยากสนทนากับเขาได้ อยากอ่านป้ายตามสถานีให้ออก
อยากไปซื้อตั๋วรถทัวร์ด้วยตัวเองได้

หลังจากกลับมา ความคิดเราเปลี่ยนไปเลย
เราได้แรงบันดาลใจใหม่ๆ รู้จักที่จะพยายามและหาวิธีที่จะทำให้มันสำเร็จ เรามีเป้าหมายและมันทำให้เราตั้งใจมากขึ้น
จนตอนนี้เราเริ่มที่จะจริงจังกับชีวิต เราไม่อยากมานั่งเสียใจทีหลังแล้วว่าทำไมตอนนั้น
ถึงไม่พยายามให้มากกว่านี้

ใครอยากเล่าเรื่องวันเปลี่ยนชีวิตของตัวเองบ้าง คลิกที่นี่เลย

AUTHOR