วันที่ฉันมีนัดสัมภาษณ์งานแต่ฝนดันตก

ช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นช่วงเวลาที่ฉันชอบมากที่สุดเพราะเป็นการเริ่มต้นเดือนที่มาพร้อมลมหนาว หน้าที่ของมันคือทำให้ตัวเราไม่เหนียวเหนอะหนะ
ไม่มีกลิ่นตัว รู้สึกเย็นสบายตลอดทั้งวัน และทำให้เราเริ่มรู้สึกเหงา อยากหาใครมากอดสักคน
(ประโยคหลังไม่น่าเกี่ยว)

แต่ก่อนหน้านั้น ฉันได้ผ่านช่วงเวลาที่น่ารำคาญที่สุดของชีวิต
ฉันเป็นนักศึกษาจบใหม่ เพื่อนๆ ของฉันได้เกียรตินิยม ส่วนฉันเป็นบุคคลเกรดนิยมที่จะยื่นสมัครงานที่ไหนคงไม่มีใครรับเข้าทำงานเพราะเกรดน้อย
ฉันเที่ยวยื่นใบสมัครไปทั่วทุกที่ ฉันเปิดโอกาสให้กับทุกงาน
เพียงแต่งานนั้นจะเปิดโอกาสให้ฉันบ้างหรือเปล่า ฉันไม่รู้ แต่ฉันมีความหวัง

เป็นเวลานานกว่า 2 เดือนที่ฉันเดินทางไปสมัครงานทุกที่
ฉันคิดว่าการเดินทางครั้งนี้คงไม่สิ้นสุด เพราะคงไม่มีใครรับฉันเข้าทำงาน
จนวันที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น จอมือถือขึ้นหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย ฉันรีบกดรับสายและตั้งใจฟังว่าบุคคลในนั้นกำลังพูดอะไร
ฉันถูกเรียกให้ไปสัมภาษณ์งาน ฉันดีใจสุดขีด เตรียมเอกสาร จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
ตั้งนาฬิกาปลุกหลายครั้งเพื่อป้องกันอาการขี้เซาที่จะทำให้ฉันไม่ตื่น พร้อมกับคิดว่าฉันจะไม่ทำให้โอกาสนี้สูญเสียไปอย่างแน่นอน

เช้าวันรุ่งขึ้น นาฬิกาปลุกหลายครั้งกว่าฉันจะตื่น ฉันตื่นสายกว่าปกติ
คงเป็นอาการง่วงจากเมื่อคืนที่ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับ ก่อนออกจากห้อง ฉันส่องกระจกเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยอีกครั้ง
ฉันรีบร้อนจนลืมเสื้อกันฝน ฉันขี่รถจักรยานยนต์และตรงดิ่งไปย่านสุขุมวิทเพื่อไปบริษัทแห่งหนึ่งที่เรียกฉันสัมภาษณ์งาน

สิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเหมือนธรรมชาติกลั่นแกล้ง หยาดฝนตกลงมา
ฉันรีบเข้าไปหลบใต้ชายคาของตึกแห่งหนึ่งจนกระทั่งฝนหยุด แต่เวลาไม่เคยคอยใคร
ใกล้ถึงเวลาสัมภาษณ์งานแล้ว ฉันตัดสินใจเดินทางต่อเพราะไม่อย่างนั้น ฉันอาจจะพลาดโอกาสนี้ไป
เสื้อผ้าฉันเปียก อารมณ์ของฉันเริ่มไม่เย็นเหมือนบรรยากาศรอบตัว ฉันเริ่มโมโห
บีบแตรไล่รถคันข้างหน้า เพราะฉันรู้อย่างเดียวว่าต้องทำยังไงก็ได้เพื่อให้ไปถึงที่สัมภาษณ์งานให้ทันเวลา

ฉันก้มดูนาฬิกาข้อมือบนถนนเส้นเดิมที่ไม่มีท่าทีจะขยับเขยื้อน
ฉันไปไม่ทัน เลยเวลาที่นัดหมายไปเสียแล้ว ฉันโมโหตัวเองที่ไม่เตรียมความพร้อม
โทษฝนที่ทำให้รถติด ผลที่ได้ก็คือพลาดโอกาสไป มันสมควรแล้วล่ะ
ฉันยืนโทษตัวเองซ้ำไปซ้ำมาหลายสิบรอบกลางสายฝน ความคิดเริ่มทำร้ายตัวฉันจนฉันรู้สึกแย่ลง

ทันใดนั้นมีบางอย่างแทรกเข้ามาในหัว ฉันเคยได้ยินมาว่า ‘ทำไมเราไม่มองประโยชน์ที่แท้จริงของสิ่งเหล่านั้นล่ะ
ทุกสิ่งล้วนมีคุณค่าในตัวมัน’ ฉันพูดกับตัวเองต่อว่าฝนไม่ได้ผิด
ฝนไม่ได้แย่ ฝนไม่ได้ทำให้รถติด มองคุณค่ามันสิ ฝนนี่แหละให้ความเย็นแก่เรา
ตอนนี้เราก็ไม่ร้อนเลยทั้งๆ ที่อยู่กลางแจ้ง ฉันรู้สึกดีขึ้นอย่างทันที
ถ้าเราเลือกมองแต่สิ่งดี ๆ
ตัวเราเองก็จะมีความสุข ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่โหดร้ายก็ตาม ฉันทำใจให้สบายและขี่รถจักรยานยนต์ไปที่สัมภาษณ์งานต่อ

เวลาประมาณ 10.30 น. ฉันถึงที่สัมภาษณ์งานซึ่งเลยเวลามานาน
เป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ ฉันอธิบายว่าทำไมฉันมาช้าให้คนสัมภาษณ์ฟัง
เขาเข้าใจและให้โอกาสฉันสัมภาษณ์งาน ฉันดีใจจนกระโดดโลดเต้น การสัมภาษณ์ดูเป็นกันเอง

เมื่อสัมภาษณ์เสร็จ พี่เขาบอกกับฉันว่า “โชคดีนะน้อง หวังว่าจะได้ทำงานด้วยกัน”

สุดท้ายฉันก็ได้ทำงานที่นั่น ฉันดีใจมาก ฉันทำงานแล้วมีความสุขดี
แม้ว่าฉันจะทำงานไม่เก่งเท่ากับคนอื่น
ฉันก็ยังคิดบวกว่ามันเป็นโอกาสที่ดีที่เราจะได้พัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้น
ประสบการณ์วันนั้นทำให้ฉันเปลี่ยนความคิดให้พยายามคิดบวกเสมอ คนเราจะทุกข์ก็ทุกข์ด้วยความคิดตัวเราเอง
และฉันก็ได้ทราบว่าความสุขก็สร้างได้จากมุมมองที่ดีซึ่งเริ่มจากตัวเราเอง

ขอบคุณวันนั้นที่ฝนพรำ

ใครอยากเล่าเรื่องวันเปลี่ยนชีวิตของตัวเองบ้าง คลิกที่นี่เลย

AUTHOR