วันที่ฉันถูกทำให้ตกหลุมรักแผ่นเสียง

น้อง ซื้อซีดีวงนั้นไปเหรอ สนใจแผ่นเสียงรึเปล่า?” พี่พนักงานชายคนหนึ่งในร้านพูดหลังจากที่เดินไปหยิบแผ่นเสียงของนักร้องอังกฤษวงที่ว่ากลับมาให้ฉัน

“อ๋อ…ไม่เป็นไรค่ะ หนูไม่เล่นแผ่นเสียง ไม่มีเครื่องด้วย มันแพงอะค่ะ”

“ไม่ลองดูหน่อยเหรอ? ซื้อแผ่นไปก่อน ซื้อเครื่องเล่นทีหลังก็ได้”

“เอ่อ…”

“เอางี้ รีบมั๊ย ถ้าไม่รีบมานี่ก่อน”

เย็นวันนั้น ฉันกลับมาบ้านพร้อมกับแผ่นซีดีของ Years & Years วงซินธ์ป๊อปจากอังกฤษที่ฉันหมายมั่นตั้งใจว่าจะซื้อมาหลายเดือน แต่สิ่งที่ได้กลับมาอีกอย่างโดยไม่ได้ตั้งใจคือโพลารอยด์แผ่นหนึ่งที่เป็นรูปของฉันถือแผ่นไวนิลไว้อยู่ในมือ

ตลอดสัปดาห์นั้น ฉันมองเรื่องนี้เป็นเรื่องตลก เรื่องของพี่พนักงานร้าน Boomerang ผู้มีศิลปะการขายชั้นยอด คะยั้นคะยอให้ฉันลองซื้อแผ่น LP หรือแผ่นไวนิลไปลองเล่นดูที่บ้าน และไม่ว่าจะอ้างว่าไม่มีเงินบ้าง ใช้ไม่เป็นบ้าง พี่เขาก็โต้กลับมาว่าด้วยข้อดี 108 ประการของแผ่นไวนิล พร้อมกับพาฉันไปหลังร้าน จับแผ่นไวนิลยัดใส่มือ และถ่ายรูปโดยใช้กล้องโพลารอยด์ของทางร้าน เมื่อถ่ายเสร็จพี่เขาก็ยืนกระดาษฟิล์มมาให้ฉัน พร้อมกับบอกว่า เนี่ยนะ ถ้าคราวหลังน้องมาตามหาแผ่นนี้แล้วเกิดมันหายากขึ้นมา น้องจะเสียดายไปไม่รู้ลืมเลย เคยจับมาแล้วแท้ๆ แต่วันนั้นกลับหาไม่ได้แล้ว

ถึงแม้เรื่องนี้จะถูกเอาไปเล่าให้เพื่อนๆ หรือคนที่บ้านฟังและทำทีว่าเป็นเรื่องขำขัน แต่ลึกๆ ในใจ ฉันก็รู้ดีว่าคำพูดของพี่พนักงานและเรื่องราวทั้งหมดในวันนั้นได้สร้างความอยากรู้อยากเห็น และอยากลองให้กับฉันเข้าแล้ว

.

.

.

หนึ่งเดือนต่อมา ฉันเรียกรถแท็กซี่กลับบ้านจากหน้ามหาวิทยาลัยพร้อมกล่องกระดาษกล่องใหญ่ที่เขียนว่า Gadhouse วันนั้นฉันนั่งมองแต่กล่องใบนั้น จนรถมาถึงบ้าน ฉันก็รีบวิ่งขึ้นห้องไปแกะกล่อง และค่อยประกอบ ‘เครื่องเล่นแผ่นเสียง’ เครื่องแรกในชีวิตอย่างเบามือที่สุด

ในระหว่างที่กำลังต่อสายเข้ากับลำโพงและพ่วงกับเครื่องนั้นเครื่องนี้ สิ่งที่อยู่ในหัวของฉันก็ยังเป็นความรู้สึกสับสน งงๆ นิดหน่อย แล้วก็พูดกับตัวเองซ้ำๆ ว่า “เอาจริงใช่มั้ยวะ…นี่เอาจริงแล้วนะ”

ตั้งแต่เกิดมา 19 ปี ฉันไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับแผ่นไวนิล เครื่องเล่นแผ่นเสียง แทบจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับวงการนี้เลยนอกเสียจากว่ามันแพงและเป็นของที่ผู้ชายแก่ๆ ชอบสะสมกัน (ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ถ้าข้อความนี้ทำให้ใครไม่พอใจ แต่ตอนเด็กๆ ก็คิดแค่นั้นจริงๆ ) แต่หลังจากที่โดนสาปโดยพี่พนักงานร้านบูมเมอแรงไปวันนั้น ฉันก็เริ่มหาข้อมูลของเครื่องเล่นแผ่นเสียงราคาไม่หนักมาก คุณภาพปานกลางมาลองของดูสักหน่อยว่ามันจะดีสักแค่ไหนกันเชียว

และความรู้สึกครั้งแรกที่ได้ลองวางเข็มลงบนแผ่นก็เป็นความรู้สึกที่ดีมากจริงๆ ฉันไม่รู้ว่าเสียงมันดีจริงๆ หรือฉันอุปโลกน์ไปเองว่ามันต้องดีสิ แพงขนาดนี้ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ฉันรู้สึกว่าเสียงที่ได้ยินไม่ใช่เสียงที่เคยฟังผ่านหูฟังที่ต่อกับไอพอด ไม่ใช่เสียงจากซีดีที่เปิดในรถ มันมีความละเอียดลอออีกมากมายที่ทำให้ฉันต้องยอมทิ้งทุกอย่างที่กำลังทำ และนั่งฟังเสียงของมันอย่างมีสมาธิมากกว่าที่เคย

การฟังเพลงสำหรับฉันไม่ใช่แค่การปล่อยให้เสียงลอยผ่านหูไปอีกแล้ว

ฉันเห็นตัวเองที่เปลี่ยนไปหลายอย่างหลังจากล้มลุกคลุกคลานกับเครื่องเล่นแผ่นเสียงเครื่องแรกในชีวิตที่ทั้งแพงและเปราะบางไม่ชินมือ มันไม่อัตโนมัติเหมือนเครื่องเล่นอื่นๆ ที่ฉันคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก ที่กดปุ่มปั๊บก็ฟังได้ปุ๊บ ไม่ต้องพูดถึงการดูแลรักษาที่ละเอียดพอกันทั้งกับเครื่องและตัวแผ่นเอง แต่มันก็เป็นความทรมานที่สุขใจแปลกๆ ฉันเห็นตัวเองนั่งยิ้มตอนใช้แปรงเช็ดแผ่นเสียงแผ่นแล้วแผ่นเล่าในห้องนอน พยายามเบามือที่สุดเพราะกลัวจะเป็นรอย

ในตอนนั้น ฉันว่าฉันเริ่มเข้าใจความรู้สึกของพ่อที่ดูอารมณ์ดีเหลือเกินเวลาได้ล้างรถหรือเช็ดไม้กอล์ฟไม้โปรดในช่วงวันหยุดที่ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยรู้เลยว่ามันสนุกตรงไหน ในขณะเดียวกัน ฉันก็เห็นความพิถีพิถันเกินคาดของตัวเองในการเลือกแผ่นเสียงสักแผ่นมาสะสม (แน่นอนว่าจริงๆ ฉันอยากจะซื้อหมดเลย แต่เงินไม่พอ เลยต้องเลือกนิดนึง) และที่น่าแปลกใจก็คือ ฉันรู้สึกว่าฉันรู้จักตัวเองมากขึ้นผ่านการฟังเพลง เริ่มเข้าใจถึงความชอบ ความไม่ชอบ อารมณ์หรือเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความชอบและไม่ชอบนั้นขึ้นมา และที่สำคัญก็คือฉันเห็นตัวเองที่เปิดกว้างกับดนตรีมากขึ้น ลองฟังและเปิดใจให้กับการค้นหาอะไรใหม่ๆ ที่อาจจะกลายมาเป็นความชอบในอนาคต เพราะชีวิตนี้สั้นและมันไม่คุ้มเลยจริงๆ หากฟังแต่อะไรเดิมๆ ทั้งที่โลกภายนอกยังมีเพลงอีกเป็นร้อยล้านเพลงรอให้ไปฟัง

และสิ่งที่ได้มาก็คุ้มกับเงินที่เสียไปเกือบหลักหมื่นอยู่พอสมควร

ทั้งหมดที่ว่ามานั้น ต้องขอบคุณพี่พนักงานคนนั้นด้วย

ขอบคุณนะคะ ถึงตอนนั้นหนูจะมองว่าพี่หลอกขายของเฉยๆ ก็ตาม 🙂

AUTHOR