“ขาเราใหญ่มากเลยอะ”
ฉันขมวดคิ้ว
ก้มลงดูท่อนขาที่โผล่พ้นชุดว่ายน้ำลายไดโนเสาร์สีส้ม ก่อนหันไปย้ำกับเพื่อนที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ข้างสระว่ายน้ำโรงเรียน
“เหรอ?”
“อื้อ
ใหญ่มากเลย แย่เนอะ”
ฉันในวัย 8 ขวบทำสีหน้าจริงจัง
ขาฉันสั่นเล็กน้อยด้วยความหนาว ฉันเอามือลูบต้นขาสองข้าง
จ้องมองหัวเข่าที่มองตอบกลับมา ฉันโกหก-ความจริงแล้วฉันไม่ได้คิดว่ามันใหญ่ผิดปกติอะไรหรอก
แต่แม่บอกอย่างนั้น ญาติพี่น้องทุกคนบอกอย่างนั้น แม้ว่า ณ
เวลานั้นฉันจะตัวผอมนิดเดียว
แต่ความทรงจำแรกสุดของการเกลียดร่างกายตัวเองก็เริ่มต้นขึ้น
เส้นผม ใบหน้า หน้าอก สะโพก แขนขา สีผิว
ร่างกายของฉันไม่น่าพอใจเลยสักนิด ถ้าเปรียบเป็นต้นไม้ ฉันอยากเกิดเป็นต้นสนสูงผอมที่เห็นในนิตยสาร
หรือต้นไผ่เพรียวลมเหมือนในทีวี แต่ดันเกิดเป็นปาล์มต้นป้อมในกระถางเล็กๆ
ที่หนีเปลือกของตัวเองไปไม่พ้น
นอกจากอากงที่พูดซ้ำๆ ว่าฉันสวยอย่างกับนางงามจักรวาล
สมควรไปประกวดนางสาวไทยให้รู้แล้วรู้รอด คนอื่นๆ ดูจะมีรสนิยมต่างไปโดยสิ้นเชิง
ตอนไปเจอญาติผู้ใหญ่สมัยประถม ฉันเคยโดนไล่ไปลูบน้ำประแป้งให้ขาว
เพราะเขาไม่ชอบสีผิวของฉัน พอเริ่มเข้าชั้นมัธยม
ฉันเริ่มเกลียดการมองตัวเองในกระจก ขณะที่เพื่อนๆ เริ่มผลิบานเป็นมะลิ กุหลาบ
ทานตะวัน แต่ดอกไม้ของฉันไม่สวยเหมือนคนอื่นๆ ยิ่งโตขึ้นเท่าไหร่ ฉันยิ่งไม่ชอบ
ไม่ชอบ ไม่ชอบตัวเองเอามากๆ
ผู้ชายคนแรกที่จีบฉันเรียกฉันว่า “อ้วน” เพราะคิดว่ามันฟังดูน่ารักดี
อีกคนตั้งคำถามว่าทำไมหน้าฉันไม่เป็นรูปไข่
ฉันเล่นละครเป็นเด็กกินเก่งเมื่อปีที่แล้ว
และได้เรียนรู้ว่ามุกตลกเกี่ยวกับคนอ้วนมีเยอะแยะและร้ายกาจเหลือเกิน
ฉันทำได้แค่หัวเราะและชิงเล่นมุกตลกสังขารกับตัวเอง เพราะชิงล้มก่อน
ไม่เจ็บเท่าโดนผลักเอง
แปลกดีที่ตอนที่ฉันอ้วนสุดในชีวิตสมัยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนตอนมัธยมปลาย
ตัวบวมเพราะเบลเจียนฟรายส์ ชีส และวาฟเฟิล
บ่ายวันหนึ่งฉันกลับรู้สึกดีกับตัวเองอย่างไม่น่าเชื่อ
ระหว่างเดินเล่นในเมืองกับเพื่อนสาวจากอเมริกา โซฟี-สาวผมทองหน้าตาน่ารัก
บทสนทนาเรื่องรูปร่างหน้าตาเริ่มขึ้นโดยไร้ที่มาที่ไป
“ผิวฉันคล้ำมากเลยอะ”
“เหรอ?” โซฟีทำหน้างง
ฉันจ้องหน้าเพื่อน
“I
think your skin is perfect”
วินาทีนั้นฉันกลับไปเป็นเด็กน้อยข้างสระว่ายน้ำอีกครั้งหนึ่ง
เธอไม่ได้พูดเพื่อปลอบใจฉัน หรือชมเชยฉัน เธอแค่ไม่ได้รังเกียจเปลือกของฉัน
เหมือนที่ฉันอึดอัดกับสิ่งที่ห่อหุ้มตัวเอง ชั่วขณะสั้นๆ นั้นฉันลืมเรื่องขนาดและสีไปหมด
ฉันรู้สึกอบอุ่น ผิวของฉันก็อบอุ่นและรู้สึกขอบคุณจากข้างใน เหมือนต้นไม้ได้รับแสงแดด
หลายปีจากบ่ายวันนั้น
สงครามความรักและชังร่างกายยังคงดำเนินต่อไป ฉันค่อยๆ เรียนรู้ที่จะหยุดหาตำหนิในร่างกาย
ขอบคุณผิวที่บ่มแดดกลางแจ้ง ขาที่พาฉันว่ายน้ำและวิ่ง
และแขนที่เอื้อมคว้าสิ่งต่างๆ
ฉันไม่อาจเป็นต้นสนหรือต้นไผ่
แค่เป็นต้นปาล์มที่จิตใจไม่แคระแกร็น