*Trigger Warning มีเนื้อหาเกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย ทำร้ายเด็ก และการล่วงละเมิดทางเพศ*
ตอนเด็กๆ เรามักถูกสอนว่า “อย่าคุยกับคนแปลกหน้า” เพราะเขาอาจจะอุ้มพาเราไปขายเป็นลูกบ้านอื่น หรืออาจพาเราไปตัดมือ ตัดขา แล้วให้ขอทาน เราจะไม่ได้เจอหน้าพ่อแม่และคนในครอบครัวอีก
คนแปลกหน้าดูน่ากลัวสำหรับเด็กตัวเล็กๆ และผู้ปกครอง แต่ในความเป็นจริง บางครั้งคนใกล้ตัวเองนั่นแหละที่ทำร้ายเด็กได้อย่างแยบยลที่สุด กี่ครั้งที่เราเห็นข่าวเด็กและเยาวชนถูกทำร้ายและล่วงละเมิดจากคนในครอบครัว เพื่อนบ้าน หรือแม้แต่ครูที่โรงเรียน ยิ่งคิดว่าเรื่องราวเหล่านี้เป็นเพียงจำนวนหนึ่งของเหตุทั้งหมดที่เกิดขึ้นจริงในสังคม และยังมีเด็กอีกไม่รู้กี่คนที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองหรือรู้แต่ไม่กล้าขอความช่วยเหลือก็ยิ่งน่าเศร้า
และอย่างร้ายที่สุดคือเด็กที่รู้และขอความช่วยเหลือแล้วแต่ไม่ได้รับการใส่ใจ
พอดูคดีล่วงละเมิดทางเพศของไต้หวันในช่วงสิบปีมานี้ เหยื่อถึง 64 เปอร์เซ็นต์จากเหยื่อทั้งหมดอายุต่ำกว่า 18 ปี สถิติปี 2017 คดีที่เหยื่ออายุต่ำกว่า 12 ปี และคนร้ายเป็นญาติคิดเป็น 43 เปอร์เซ็นต์ คดีที่คนร้ายเป็นคนรู้จัก เพื่อน คนใกล้ชิดของครอบครัวคิดเป็น 22 เปอร์เซ็นต์ ส่วนคดีที่คนร้ายเป็นคนแปลกหน้ามีเพียง 5 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
สถิตินี้แทบไม่ต่างจากในไทย การล่วงละเมิดทางเพศเกิดขึ้นในช่วงอายุ 5-20 ปีมากที่สุดคือ 60.6 เปอร์เซ็นต์ของเหยื่อทั้งหมด หรือถ้าแบ่งตามกลุ่มอาชีพ กลุ่มนักเรียนนักศึกษาคิดเป็น 20.9 เปอร์เซ็นต์ คดีที่คนร้ายเป็นคนคุ้นเคยหรือคนในครอบครัวคิดเป็น 53 เปอร์เซ็นต์
ความรักในฝัน การลงทัณฑ์ในชีวิตจริง
เมื่อสองปีก่อน มีรุ่นพี่คนหนึ่งเล่าให้เราฟังถึงหนังสือ สวนสนุกแห่งการลงทัณฑ์ รักในฝันของฝางซือฉี เขียนโดยนักเขียนชาวไต้หวัน (มีฉบับแปลภาษาไทยโดย Maxx Publishing) บอกตามตรงว่าเราไม่กล้าอ่านเองเพราะเรื่องราวในเล่มว่าด้วยการข่มขืน โรคใคร่เด็ก สังคมที่โทษเหยื่อ (victim blaming) และกฎหมายที่ช่วยเหลืออะไรเหยื่อไม่ได้เลยถ้าไม่มีหลักฐาน แค่ฟังเรื่องย่อจากปากรุ่นพี่และอ่านรีวิวจากนักอ่านคนอื่นๆ ก็พาเราดิ่งไปเป็นวัน
Lin Yi-han ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้เป็นชาวเมืองไถหนาน เธอเติบโตมาในครอบครัวแพทย์และสอบเข้าเรียนคณะแพทย์ได้ที่ Taipei Medical University เช่นกัน แต่หลังจากเข้าเรียนได้เพียง 14 วัน หลินอี้หานก็ลาออกและสอบเข้าเรียนใหม่ที่ National Chengchi University สาขาวรรณกรรมจีน ก่อนจะลาออกอีกครั้งหลังเรียนไปได้ 3 ปี เธอแต่งงานในปี 2016 ก่อนจะจบชีวิตตัวเองในปีถัดมา

Fang Si-Chi’s First Love Paradise หรือ สวนสนุกแห่งการลงทัณฑ์ รักในฝันของฝางซือฉี
หลินอี้หานระบุไว้ในหนังสือว่าเธอแต่งเรื่องนี้จากเค้าโครงเรื่องจริง และครูสอนพิเศษที่เป็นผู้ร้ายในเรื่องก็เป็นตัวละครที่มีเค้าโครงของคนที่เธอรู้จักจริงๆ ภายหลังที่หนังสือถูกตีพิมพ์ไม่นานและเธอเลือกจบชีวิตลงก็มีกระแสว่าเรื่องราวในหนังสืออาจจะเป็นเรื่องราวชีวิตของเธอเอง ทางการไต้หวันจึงเริ่มสืบสวนคดีของเธอ แต่แม้พ่อแม่ของเธอจะระบุตัวครูสอนพิเศษที่เป็นผู้ต้องสงสัยได้ คดีนี้ก็ไม่มีหลักฐานหรือพยานใดๆ ให้เอาผิดผู้ต้องสงสัย
หนังสือที่ถูกระบุว่าแต่งจากเรื่องจริงและบุคคลจริงไม่ถือเป็นหลักฐานที่มีน้ำหนักมากพอ
แม้จะน่าเศร้าที่สังคมไม่สามารถให้ความช่วยเหลือหลินอี้หานได้ทัน และกฎหมายไม่สามารถเยียวยาเธอและครอบครัวได้ แต่การจากไปของเธอก็สั่นสะเทือนสังคมไต้หวัน เหตุการณ์นี้กลายเป็นข่าวใหญ่ หนังสือของเธอติดอันดับขายดีทั้งในไต้หวันและประเทศอื่นๆ ทำหน้าที่ถ่ายทอดความเจ็บปวดและประสบการณ์เลวร้ายที่เหยื่อของอาชญากรรมทางเพศต้องเผชิญ เปิดโปงเบื้องหลังของสังคมแห่งชนชั้นและฐานะที่ละเลยคนตัวเล็กๆ อีกหลายคนให้ต้องทนทุกข์กับการลงทัณฑ์ไม่รู้จบ
ผีเสื้อของตั๋วตั่ว คู่มือของเด็กและผู้ปกครองทั่วโลก
Hsin Chia-Hui เป็นชาวเมืองไถหนานเช่นเดียวกับหลินอี้หาน เธอเรียนจบจากภาควิชาภาษาจีนจาก National Cheng Kung University ปริญญาโทและเอกด้านวรรณกรรมเยาวชนจาก University of Surrey และ Newcastle University ประเทศอังกฤษตามลำดับ ทั้งยังเป็นผู้ก่อตั้งสมาคมการอ่าน Hulu Alley Reading Association และดูแลห้องหนังสือเด็กที่หอสมุดเมืองไถหนาน
ซิ่งเจียฮุ่ยทำงานเกี่ยวกับเด็กและเยาวชนมานานและรับรู้ถึงเหตุการณ์การล่วงละเมิดเด็กที่เกิดขึ้นตลอดเวลา กระทั่งได้ทราบข่าวการจบชีวิตของหลินอี้หาน เธอยิ่งรู้สึกว่าการเข้าร่วมเสวนาและถกเถียงกันนั้นไม่มากพอ เธอต้องเริ่มลงมือทำอะไรบางอย่าง
แม้ไต้หวันจะมีหนังสือที่สอนให้เด็กป้องกันตัวเอง แต่ก็ล้วนเป็นหนังสือแบบข้อมูลที่เน้นสั่งสอนและไม่ได้สร้างความเข้าใจให้กับเด็กจริงๆ เธอจึงคิดว่าถ้าหากมีนิทานภาพที่สร้างความเข้าใจให้ทั้งเด็กและผู้ปกครองไปพร้อมๆ กัน นั่นน่าจะเป็นจิกซอว์สำคัญที่ทำให้การป้องกันการล่วงละเมิดทางเพศมีประสิทธิภาพมากขึ้น
เธอได้ขอให้เหยื่อจากการถูกล่วงเกินทางเพศและผู้ที่อยู่เคียงข้างเป็นคนช่วยวาดภาพประกอบให้กับนิทานภาพเล่มนี้พร้อมกับทำคู่มือการใช้งานแนบไปกับนิทานทุกเล่มเพื่อให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้เรียนรู้และสร้างความเข้าใจไปพร้อมๆ กับเด็ก สุดท้าย โปรเจกต์นี้ก็สำเร็จเป็นนิทาน ผีเสื้อของตั๋วตั่ว ฉบับแปลไทยโดยสำนักพิมพ์ mangmoom kids
ในคู่มือการใช้งาน นอกจากวิธีการใช้งานหนังสือแล้ว ยังมีวิธีการพูดคุยกับเด็กเพื่อป้องกันเหตุร้ายโดยการสอนให้เด็กรู้จักสิทธิและเสรีภาพเหนือร่างกายของตัวเอง ที่คนอื่น–แม้แต่พ่อแม่ก็ไม่สามารถละเมิดได้ เมื่อเด็กปฏิเสธ ผู้ใหญ่ต้องยอมรับสิทธิเหนือร่างกายของตัวเด็กเอง นอกจากนี้ยังมีการสอนให้เด็กแยกแยะสัมผัสจากผู้อื่นที่รู้สึกสบาย ปลอดภัย และสัมผัสที่รู้สึกอึดอัด และสุดท้ายคือสร้างความไว้วางใจกับเด็กว่าหากเกิดเหตุการณ์ที่เด็กรู้สึกไม่สบายใจ เด็กๆ จะกล้าเอ่ยปากขอความช่วยเหลือ
แน่นอนว่าไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวโดยเฉพาะเด็กในครอบครัวของตัวเอง แต่การรู้วิธีรับมือในกรณีที่ร้ายแรงที่สุดก็เป็นสิ่งสำคัญ คู่มือเล่มนี้ไม่เพียงแต่บอกวิธีสอนเด็กๆ เรื่องการรับมือการล่วงละเมิดทางเพศ แต่ยังสอนผู้ปกครองให้พร้อมรับมือความรู้สึกผิดหรือการเปลี่ยนแปลงภายในครอบครัวเมื่อคนที่รักเจ็บปวดจากการล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งสร้างบาดแผลให้คนใกล้ชิดไม่แพ้กัน
ผู้ที่มาร่วมกันวาดภาพประกอบให้กับหนังสือคือ Chen Jie-Hao และ Hsu Sih-Ning เฉินเจี๋ยฮ่าวถูกล่วงละเมิดตั้งแต่เด็กและผลกระทบจากเหตุการณ์นั้นติดอยู่กับเขามาตลอดสามสิบกว่าปี ส่วนสวีซือหนิงเป็นภรรยาที่อยู่เคียงข้างเฉินเจี๋ยฮ่าวทั้งระหว่างการฟื้นฟูและการวาดภาพให้หนังสือเล่มนี้ ประสบการณ์ของทั้งคู่ที่ถ่ายทอดออกมาเป็นอีกหนึ่งส่วนสำคัญของหนังสือนิทาน
เมื่อตีพิมพ์ นิทานพร้อมคู่มือชุดนี้กลายเป็นปรากฏการณ์ในไต้หวัน พ่อแม่ ผู้ปกครองพากันรีวิวและแนะนำผู้ปกครองคนอื่นๆ จากปากต่อปาก ในที่สุด หนังสือเด็กเล่มนี้ก็ได้รับรางวัลหนังสือที่ร้านหนังสือทั่วไต้หวันอยากแนะนำให้ผู้ปกครองอ่านมากที่สุดประจำปี 2019
สำหรับเราซึ่งไม่กล้าอ่าน สวนสนุกแห่งการลงทัณฑ์ รักในฝันของฝางซือฉี เพราะกลัวจะทริกเกอร์สามารถอ่าน ผีเสื้อของตั๋วตั่ว ได้ ด้วยความเป็นนิทานสำหรับเด็กและความพยายามของทีมผู้จัดทำ ในเรื่องจึงไม่มีภาพหรือเรื่องราวที่แสดงถึงความรุนแรง ไม่ได้สร้างความรู้สึกหวาดกลัวหรือหดหู่ แต่สามารถบอกเล่าให้เด็กและผู้ใหญ่ที่อ่านรู้ได้ชัดเจนว่าเหตุการณ์ประเภทไหนที่มีความเสี่ยงในการล่วงละเมิดทางเพศ เด็กสามารถจัดการกับตัวเองได้ยังไง และผู้ใหญ่รอบข้างจะช่วยเหลือได้ยังไงบ้าง
ชีวิตประจำวันของเราตอนนี้ไม่มีด้านไหนเลยที่ต้องใกล้ชิดหรือคลุกคลีกับเด็กเป็นพิเศษ นอกจากเห็นลูกๆ หลานๆ ของคนรู้จักบนไทม์ไลน์ที่นับวันก็ยิ่งเยอะขึ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าข่าวที่เราเสพช่วงไม่กี่ปีมานี้ทำให้เรารู้สึกว่าสวัสดิภาพของเด็กและเยาวชนนั้นน่าเป็นห่วงมาก เมื่อเห็นโครงการ ผีเสื้อของตั๋วตั่ว ฉบับแปลไทยครั้งแรกเราจึงเริ่มสนใจ ยิ่งได้รู้ว่าเป็นหนังสือที่ได้รับรางวัลและได้อ่านรีวิวจากผู้ปกครองหลายๆ คน พอมีโอกาสกลับไทยช่วงสั้นๆ เราก็ซื้อติดมือมาเล่มหนึ่งทั้งๆ ที่ไม่ได้มีเด็กเล็กในชีวิตด้วยซ้ำ
เพราะอย่างน้อยหนังสือเล่มนี้ก็เป็นการเสริมภูมิคุ้มกันให้ตัวเองในอนาคต และเป็นการเตรียมพร้อมเราในฐานะคนคนหนึ่งที่อยู่ในสังคมเหมือนกัน
อ้างอิง
หนังสือเรื่อง ผีเสื้อของตั๋วตั่ว