Azuma Makoto นักจัดดอกไม้ที่ใช้พืชเขตร้อนอวยพรคริสต์มาสแทนต้นสนและมิสเซิลโท

Highlights

  • Azuma Makoto คือนักจัดดอกไม้ชาวญี่ปุ่นผู้ผลักพรมแดนของงานจัดดอกไม้ให้ไกลกว่าที่เคย โดยผลงานเด่นของเขาคือการส่งช่อดอกไม้และพืชต่างๆ ไปยังอวกาศ
  • เร็วๆ นี้ มาโกโตะมีผลงานใหม่ในชื่อ Paradise Ball เพื่อฉลองเทศกาลคริสต์มาส และแทนที่จะใช้ต้นสนหรือช่อมิสเซิลโท เขากลับหยิบจับดอกกล้วยไม้และพืชพรรณเขตร้อนที่เขาเจอที่ตลาดดอกไม้ในกรุงเทพฯ มาสร้างเป็นลูกบอลดอกไม้ขนาดใหญ่ที่มีรายละเอียดสลับซับซ้อน
  • Paradise Ball จัดแสดงที่ SIWILAI CITY CLUB และ SIWILAI STORE วันที่ 11 ธันวาคม 2018 - 17 มกราคม 2019

ไม่มีต้นคริสต์มาสต้นยักษ์ประดับด้วยของตกแต่งระยิบระยับ ไม่มีช่อมิสเซิลโทให้คู่รักไปยืนข้างใต้ ไม่มีต้นไม้ชนิดใดที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลคริสต์มาสทั้งนั้น Azuma Makoto

มีแต่ลูกบอลดอกไม้ขนาดยักษ์ที่เต็มไปด้วยดอกไม้และพืชพรรณเขตร้อน ดูๆ ไปก็เหมาะกับฤดูหนาวที่อากาศไม่หนาวของบ้านเรา

นั่นแหละ คือต้นไม้คริสต์มาสของ Azuma Makoto

Azuma Makoto

อาซูมะ มาโกโตะ หรือ AMKK คือศิลปินนักจัดดอกไม้ชาวญี่ปุ่น อดีตพนักงานที่ Ota Market ตลาดดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียว การถูกห้อมล้อมด้วยดอกไม้ทุกวันๆ ทำเอาเขาหลงรักมันอย่างถอนตัวไม่ขึ้นจนตัดสินใจขยับขยายมาเปิดร้านของตัวเอง และค่อยๆ เริ่มต้นสร้างงานที่ไปไกลกว่าการจัดช่อดอกไม้ลิบลับ

บางชิ้นก็ไปไกลถึงอวกาศนู่น

เราไม่ได้พูดเล่นมาโกโตะเคยจัดดอกไม้ใส่กระเช้า​ส่งไปยังอวกาศเพื่อเก็บภาพมันลอยคว้างโดยมีดาวโลกเป็นพื้นหลัง บางครั้งเขาก็จับต้นบอนไซมาขึงไว้กลางอากาศในแกลเลอรี หรือนำดอกไม้ไปตากหิมะกลางแจ้งและรดน้ำลงไป กระทั่งหิมะและดอกไม้หลอมรวมเป็นก้อนน้ำแข็งที่สวยงาม เหล่านี้ (และชิ้นงานอื่นอีกมากเกินจะใส่ไว้ในหนึ่งย่อหน้าไหว) คือผลงานของเขา ผู้ผลักพรมแดนความเป็นไปได้ของดอกไม้ให้ไกลออกไปเรื่อยๆ

Azuma Makoto

งานล่าสุดของเขาที่จัดที่ SIWILAI CITY CLUB เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

เมื่อไม่นานมานี้เราเห็นในอินสตาแกรมของมาโกโตะว่าเขาเดินทางมาเมืองไทย และดูจะมีความสุขกับการตระเวนดูตลาดดอกไม้ต่างๆ ยามกลางคืน เมื่อได้คุยกันเราถึงรู้ว่านั่นคือที่มาของ Paradise Ball ผลงาน flower installation ชิ้นใหม่ที่มาโกโตะเฉลิมฉลองคริสต์มาสในแถบเมืองร้อนด้วยการหยิบจับเอาดอกกล้วยไม้ทั้งเหลือง แดง ส้ม ม่วง ใบเฟิร์น และพืชเขตร้อน มาจัดเป็นลูกบอลขนาดใหญ่ที่ดูชุ่มฉ่ำเหมือนป่าเขตร้อนชื้นไม่มีผิด

Azuma Makoto

“เมื่อคิดถึงเมืองไทย ผมคิดถึงดอกกล้วยไม้เป็นอย่างแรก” มาโกโตะตอบทันทีเมื่อเราเอ่ยปากถามว่าถ้าเมืองไทยเป็นดอกไม้สักชนิด มันจะเป็นดอกอะไร “นั่นเพราะเมืองไทยมีดอกไม้ท้องถิ่นที่งดงามและสีสันสดใสเยอะมาก ผมและทีมคิดว่ามันคงดีที่เราจะสร้างสีสันให้เทศกาลคริสต์มาสด้วยการใช้ดอกไม้สีสดใส ทำให้ผู้คนมีความสุข”

อาจเพราะเห็นหน้าค่าตากันอยู่ทุกวัน ดอกกล้วยไม้จึงไม่ใช่ดอกไม้ที่เราตื่นเต้นเท่าไหร่เมื่อได้ยินชื่อ แต่มาโกโตะกลับชอบความเป็นพืชเขตร้อนของมัน เมื่อตกลงปลงใจว่านี่แหละคือดอกไม้หลักของงาน ทีมของเขาจึงแปลงโฉมมันให้อยู่ในฟอร์มที่ละเอียดลออ ราวกับว่าเป็นต้นไม้ที่แตกกิ่งก้านสลับซับซ้อน มีระบบของตัวเอง และเมื่อสังเกตดีๆ Paradise Ball ที่ตั้งอยู่ในร่มก็ดูจะมีรายละเอียดมากกว่าลูกที่ตั้งอยู่ด้านนอกบน rooftop เล็กน้อย

เรื่องนี้มาโกโตะกระซิบว่าเป็นความตั้งใจของเขาเอง

Azuma Makoto
Azuma Makoto

“เวลาทำงานอินดอร์และเอาต์ดอร์ ผมมักใช้คอนเซปต์เดียวกัน เพียงแต่ว่าสำหรับงานเอาต์ดอร์ เราจะทำให้งานมีไดนามิกและความรู้สึกมากกว่า เพื่อทำให้บรรยากาศรื่นเริง แต่สำหรับงานอินดอร์ เราจะวางเลย์เอาต์ของดอกไม้และพืชแต่ละชนิดให้ละเอียดมากขึ้นอีก เพราะสำหรับงานในร่ม ผู้คนจะสามารถเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของงานได้มากขึ้น”

แล้วคุณใส่รายละเอียดที่แตกต่างกันให้งานดอกไม้แต่ละชิ้นได้ยังไง? เราเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย ในเมื่อศิลปินหลายคนยังเลือกเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ไปๆ มาๆ เพื่อสร้างงานที่แตกต่างออกไปเรื่อยๆ การใช้เพียงดอกไม้อย่างเดียวจึงเป็นการกระทำที่กล้าหาญไม่น้อย

“โลกนี้มีดอกไม้นับประเภทไม่ถ้วนเลยล่ะ แต่ละประเภทก็สื่ออารมณ์ที่ต่างกัน” เขาตอบอย่างเรียบง่ายและจริงใจ “ยิ่งกว่านั้น ดอกไม้เองก็มีช่วงชีวิตที่ต่างกัน มันแตกหน่อ ผลิใบ ตามมาด้วยดอกตูมและดอกบานสะพรั่ง จนกระทั่งร่วงโรย แต่ละโมเมนต์ก็แตกต่างจากโมเมนต์อื่น มันทั้งสวยงามและมีคุณค่า

“เป้าหมายของผมคือดึงเอาศักยภาพและความงามลับๆ ของพืชแต่ละชนิดออกมาทำให้มันมีเสน่ห์มากขึ้น ทุกวันนี้ผมได้รู้จักกับพืชชนิดใหม่ทุกวัน และตราบใดที่ผมยังได้ค้นพบดอกไม้ แพสชั่นของผมก็ยังคงอยู่”

ตลอดเวลาที่ติดตามงานของมาโกโตะ เราพบว่าเขาไม่เคยให้ความสำคัญกับอะไรมากไปกว่าดอกไม้ เขาไม่เคยปักดอกไม้ในแจกันที่ดูอลังการเกินหน้าเกินตา ไม่เคยจัดวางดอกไม้ในที่ที่ผู้คนจะมองข้าม ไม่เคยทำให้มันดูน่าเกลียด น่ากลัว กลับกันดอกไม้ที่ผ่านมือเขา คือดอกไม้ที่เขาตั้งใจว่าจะทำให้การสละชีพของมันสวยงามมากที่สุด

“ดอกไม้คือนางเอกของโชว์”​ เขาว่าอย่างนั้น สมกับที่เราเคยอ่านเจอในบทสัมภาษณ์ของ thegreengallery.com ว่ามาโกโตะอนุญาตให้สตาฟในช็อปของเขาใส่เสื้อผ้าสีขาว-ดำเท่านั้นเพื่อไม่ให้เสื้อผ้าของใครทำลายประกายจากดอกไม้ให้หายไป

เพราะสุดท้าย ดอกไม้ก็เป็นสิ่งที่อยู่เพียงชั่วคราว และเราก็ควรจะดื่มด่ำโมเมนต์ที่ได้เห็นมันมีชีวิตอย่างเบิกบานเอาไว้ให้มาก

Photo Courtesy of Azuma Makoto

เรานึกถึง Drop Time ที่เขานำดอกไม้มาจัดแสดงตั้งแต่วันที่ดอกยังสดใสจนถึงวันที่ร่วงโรย และ ICED FLOWERS ชิ้นงานที่มาโกโตะนำดอกไม้ไปแช่แข็งในก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ยักษ์ และพยายามรักษามันไว้ แม้สุดท้าย เราเองก็รู้ว่ามันจะไม่คงอยู่ตลอดไป

“วงจรชีวิตของดอกไม้นั้นสั้นมากระดับที่คุณเรียกว่าชั่วคราวก็ได้” มาโกโตะอธิบายอย่างจริงจัง “นั่นคือเหตุผลว่าทำไมดอกไม้ถึงล้ำค่าและน่าทะนุถนอมมากกว่ามนุษย์ เวลาทำงานผมไม่ได้ตั้งใจจะโฟกัสที่คอนเซปต์เรื่องการเหี่ยวเฉาหรือย่อยสลายเท่าไหร่ แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของงานของผม ถ้าไม่มีองค์ประกอบเหล่านี้ งานของผมก็จะไม่สมบูรณ์”

Paradise Ball ของ Azuma Makoto จัดแสดงที่ SIWILAI CITY CLUB และ SIWILAI STORE เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ชั้น 5 ตั้งแต่วันนี้ถึง 17 มกราคม 2561 ส่วนใครแวะไปแล้วไม่อยากดูดอกไม้อย่างเดียว เราขอชวนไปงาน Let’s Celebrate 2019 ‘Together’ เพื่อฉลองเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ที่ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ไปพร้อมๆ กัน

ไม่มีต้นคริสต์มาสต้นยักษ์ประดับด้วยของตกแต่งระยิบระยับ ไม่มีช่อมิสเซิลโทให้คู่รักไปยืนข้างใต้ ไม่มีต้นไม้ชนิดใดที่เกี่ยวข้องกับเทศกาลคริสต์มาสทั้งนั้น มีแต่ลูกบอลดอกไม้ขนาดยักษ์ที่เต็มไปด้วยดอกไม้และพืชพรรณเขตร้อน ดูๆ ไปก็เหมาะกับฤดูหนาวที่อากาศไม่หนาวของบ้านเรา นั่นแหละ คือต้นไม้คริสต์มาสของ Azuma Makoto
อาซูมะ มาโกโตะ หรือ AMKK คือศิลปินนักจัดดอกไม้ชาวญี่ปุ่น อดีตพนักงานที่ Ota Market ตลาดดอกไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียว การถูกห้อมล้อมด้วยดอกไม้ทุกวันๆ ทำเอาเขาหลงรักมันอย่างถอนตัวไม่ขึ้นจนตัดสินใจขยับขยายมาเปิดร้านของตัวเอง และค่อยๆ เริ่มต้นสร้างงานที่ไปไกลกว่าการจัดช่อดอกไม้ลิบลับ บางชิ้นก็ไปไกลถึงอวกาศนู่น
เราไม่ได้พูดเล่นมาโกโตะเคยจัดดอกไม้ใส่กระเช้า​ส่งไปยังอวกาศเพื่อเก็บภาพมันลอยคว้างโดยมีดาวโลกเป็นพื้นหลัง บางครั้งเขาก็จับต้นบอนไซมาขึงไว้กลางอากาศในแกลเลอรี หรือนำดอกไม้ไปตากหิมะกลางแจ้งและรดน้ำลงไป กระทั่งหิมะและดอกไม้หลอมรวมเป็นก้อนน้ำแข็งที่สวยงาม เหล่านี้ (และชิ้นงานอื่นอีกมากเกินจะใส่ไว้ในหนึ่งย่อหน้าไหว) คือผลงานของเขา ผู้ผลักพรมแดนความเป็นไปได้ของดอกไม้ให้ไกลออกไปเรื่อยๆ
งานล่าสุดของเขาที่จัดที่ SIWILAI CITY CLUB เซ็นทรัล เอ็มบาสซี ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น เมื่อไม่นานมานี้เราเห็นในอินสตาแกรมของมาโกโตะว่าเขาเดินทางมาเมืองไทย และดูจะมีความสุขกับการตระเวนดูตลาดดอกไม้ต่างๆ ยามกลางคืน เมื่อได้คุยกันเราถึงรู้ว่านั่นคือที่มาของ Paradise Ball ผลงาน flower installation ชิ้นใหม่ที่มาโกโตะเฉลิมฉลองคริสต์มาสในแถบเมืองร้อนด้วยการหยิบจับเอาดอกกล้วยไม้ทั้งเหลือง แดง ส้ม ม่วง ใบเฟิร์น และพืชเขตร้อน มาจัดเป็นลูกบอลขนาดใหญ่ที่ดูชุ่มฉ่ำเหมือนป่าเขตร้อนชื้นไม่มีผิด
“เมื่อคิดถึงเมืองไทย ผมคิดถึงดอกกล้วยไม้เป็นอย่างแรก” มาโกโตะตอบทันทีเมื่อเราเอ่ยปากถามว่าถ้าเมืองไทยเป็นดอกไม้สักชนิด มันจะเป็นดอกอะไร “นั่นเพราะเมืองไทยมีดอกไม้ท้องถิ่นที่งดงามและสีสันสดใสเยอะมาก ผมและทีมคิดว่ามันคงดีที่เราจะสร้างสีสันให้เทศกาลคริสต์มาสด้วยการใช้ดอกไม้สีสดใส ทำให้ผู้คนมีความสุข”
อาจเพราะเห็นหน้าค่าตากันอยู่ทุกวัน ดอกกล้วยไม้จึงไม่ใช่ดอกไม้ที่เราตื่นเต้นเท่าไหร่เมื่อได้ยินชื่อ แต่มาโกโตะกลับชอบความเป็นพืชเขตร้อนของมัน เมื่อตกลงปลงใจว่านี่แหละคือดอกไม้หลักของงาน ทีมของเขาจึงแปลงโฉมมันให้อยู่ในฟอร์มที่ละเอียดลออ ราวกับว่าเป็นต้นไม้ที่แตกกิ่งก้านสลับซับซ้อน มีระบบของตัวเอง และเมื่อสังเกตดีๆ Paradise Ball ที่ตั้งอยู่ในร่มก็ดูจะมีรายละเอียดมากกว่าลูกที่ตั้งอยู่ด้านนอกบน rooftop เล็กน้อย เรื่องนี้มาโกโตะกระซิบว่าเป็นความตั้งใจของเขาเอง
“เวลาทำงานอินดอร์และเอาต์ดอร์ ผมมักใช้คอนเซปต์เดียวกัน เพียงแต่ว่าสำหรับงานเอาต์ดอร์ เราจะทำให้งานมีไดนามิกและความรู้สึกมากกว่า เพื่อทำให้บรรยากาศรื่นเริง แต่สำหรับงานอินดอร์ เราจะวางเลย์เอาต์ของดอกไม้และพืชแต่ละชนิดให้ละเอียดมากขึ้นอีก เพราะสำหรับงานในร่ม ผู้คนจะสามารถเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของงานได้มากขึ้น”
แล้วคุณใส่รายละเอียดที่แตกต่างกันให้งานดอกไม้แต่ละชิ้นได้ยังไง? เราเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย ในเมื่อศิลปินหลายคนยังเลือกเปลี่ยนวัสดุที่ใช้ไปๆ มาๆ เพื่อสร้างงานที่แตกต่างออกไปเรื่อยๆ การใช้เพียงดอกไม้อย่างเดียวจึงเป็นการกระทำที่กล้าหาญไม่น้อย
“โลกนี้มีดอกไม้นับประเภทไม่ถ้วนเลยล่ะ แต่ละประเภทก็สื่ออารมณ์ที่ต่างกัน” เขาตอบอย่างเรียบง่ายและจริงใจ “ยิ่งกว่านั้น ดอกไม้เองก็มีช่วงชีวิตที่ต่างกัน มันแตกหน่อ ผลิใบ ตามมาด้วยดอกตูมและดอกบานสะพรั่ง จนกระทั่งร่วงโรย แต่ละโมเมนต์ก็แตกต่างจากโมเมนต์อื่น มันทั้งสวยงามและมีคุณค่า
“เป้าหมายของผมคือดึงเอาศักยภาพและความงามลับๆ ของพืชแต่ละชนิดออกมาทำให้มันมีเสน่ห์มากขึ้น ทุกวันนี้ผมได้รู้จักกับพืชชนิดใหม่ทุกวัน และตราบใดที่ผมยังได้ค้นพบดอกไม้ แพสชั่นของผมก็ยังคงอยู่”
ตลอดเวลาที่ติดตามงานของมาโกโตะ เราพบว่าเขาไม่เคยให้ความสำคัญกับอะไรมากไปกว่าดอกไม้ เขาไม่เคยปักดอกไม้ในแจกันที่ดูอลังการเกินหน้าเกินตา ไม่เคยจัดวางดอกไม้ในที่ที่ผู้คนจะมองข้าม ไม่เคยทำให้มันดูน่าเกลียด น่ากลัว กลับกันดอกไม้ที่ผ่านมือเขา คือดอกไม้ที่เขาตั้งใจว่าจะทำให้การสละชีพของมันสวยงามมากที่สุด

AUTHOR