Atashin’ Chi บ้านของฉันนั้นไม่เพอร์เฟกต์ แอนิเมชันครอบครัวญี่ปุ่นที่อยากให้คนเข้าใจความสัมพันธ์

พ่อ แม่ พี่ และน้อง คนจำนวน 3-4 คนประกอบขึ้นเป็นหนึ่งครอบครัว บางบ้านอาจมีจำนวนมากกว่า แต่บางบ้านก็มีสมาชิกน้อยกว่านั้น

พ่อ แม่ พี่ และน้อง คนจำนวน 3-4 คนที่อยู่ร่วมกันในบ้าน เป็นครอบครัวที่มีความรักและความผูกพัน

พ่อ แม่ พี่ และน้อง คนที่เราเจอเป็นคนแรกๆ ในตอนเช้า ทานข้าวเย็นด้วยกันหลังกลับบ้าน และออกไปข้างนอกด้วยกันในวันสำคัญ 

พวกเขาเป็นคนที่เราคิดถึงเป็นอันดับแรกๆ เป็นคนที่คอยโทรหาเวลาเราห่างไกล และไม่ว่าจะเมื่อไร พวกเขาก็พร้อมที่จะกางแขนออกกว้างๆ เพื่อโอบกอดเราทุกครั้ง

เหมือนกับครอบครัว Atashin’ Chi (อาตาชิน’ จิ) แอนิเมชันที่กำลังเล่าเรื่องความสัมพันธ์ของครอบครัว ที่ทุกคนต่างไม่ได้เพอร์เฟกต์แต่ก็มีความแตกต่างที่เข้ากันอย่างลงตัว

ตั้งแต่ตอนแรก…

Atashin’ Chi (อาตาชิน’ จิ) เป็นการ์ตูนที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ Yomiyuri ฉบับวันอาทิตย์ของญี่ปุ่น โดยนักวาดการ์ตูนเจ้าของผลงานมีชื่อว่า ‘Eiko Kera’ ชื่อของการ์ตูนเรื่องนี้มีความหมายว่า ‘บ้านของฉัน’ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวๆ หนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงโตเกียว 

อาตาชิน’ จิ ได้รับเสียงตอบรับดีมาก สำนักพิมพ์ Media Factory จึงนำมาจัดพิมพ์ในรูปแบบหนังสือการ์ตูนในเวลาต่อมา และได้รับการตีพิมพ์ซ้ำมากกว่า 30 ครั้งภายในเวลาไม่กี่ปี

แล้วในปี 2002​ สถานีโทรทัศน์ Asahi TV ของญี่ปุ่นก็นำการ์ตูนเรื่องนี้มาสร้างเป็นแอนิเมชัน และสามารถครอบครองหัวใจของผู้ชมทั่วญี่ปุ่น เพราะเวลาหนึ่งทุ่มครึ่งของทุกคืนวันศุกร์ สมาชิกในครอบครัวจะมานั่งรวมกันที่ห้องนั่งเล่น เพื่อชมการ์ตูนเรื่องนี้

No.1

หน้าแรกของการ์ตูนเรื่องอาตาชิน’ จิ เป็นแผนภูมิบอกเล่ารายละเอียดสมาชิกในครอบครัว Tachibana (ทาจิบานะ) ครอบครัวๆ นี้ประกอบไปด้วยสมาชิกจำนวน 4 คน คือ พ่อ แม่ (ทั้งสองคนมาจากเกาะคิวชู ซึ่งตั้งอยู่ทางใต้ของญี่ปุ่น) ฉัน (ชื่อว่า ‘มิคัง’ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลาย) และน้องชาย (ชื่อว่า ‘ยูซึฮิโกะ’ กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น)

ชื่อของสองพี่น้องมิคังและยูซึฮิโกะ มาจากของขึ้นชื่อของเกาะคิวชูอย่างผลส้มและผลส้มยูซุ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรักในบ้านเกิดของพ่อกับแม่

ตอนแรกของเรื่องมีชื่อว่า ‘No.1’ เป็นการปูเรื่องเข้าสู่ความสัมพันธ์ของ ‘แม่’ กับ ‘มิคัง’ 

ขณะที่ ‘แม่’ กำลังยืนล้างชามอยู่ในห้องครัว มิคังก็กลับมาถึงบ้าน 

“กลับมาแล้วค่ะ”

มิคังตะโกนบอกแม่ แต่ถึงจะได้ยินเช่นนั้น ‘แม่’ ก็ยังไม่หยุดร้องเพลงเชยๆ ที่แม่ชอบ

“แม่ เบนโตะวันนี้น่ะ…”

มิคังพยายามอธิบายให้แม่ฟังเรื่องเบนโตะที่แม่เตรียมให้เป็นอาหารกลางวัน แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร แม่ก็ไม่เข้าใจสิ่งที่มิคังต้องการจะสื่อสารเลย

แม่กลับทำหน้าเศร้า แล้วหันหลังไปล้างจานต่อ

มิคังไม่อยากให้แม่เสียใจ เลยพยายามรวบรวมความคิดเพื่อบอกกับแม่ แล้วมิคังก็ทำสำเร็จ! แต่วันรุ่งขึ้น เบนโตะที่แม่ทำให้ก็ยัง….ทำให้มิคังอึ้งได้เช่นเดิม

แม่ มิคังและการถนอมน้ำใจของคนในบ้าน

เรื่องราวของมิคังกับแม่ ไม่แตกต่างอะไรจากความสัมพันธ์ของแม่กับเราๆ สิ่งที่แม่กับมิคังพูดคุยกัน เป็นเหมือนกับบทสนทนาในแต่ละวันของเรากับแม่ 

ในใจของเราอาจมีสิ่งที่อยากพูดกับแม่ แต่ไม่อยากให้แม่เสียใจ แล้วก็ไม่อยากทำลายน้ำใจแม่… แต่ถ้าไม่พูด อาจจะต้องอึดอัดหรือพบเจอกับสิ่งนั้นไปตลอดชีวิต จึงต้องสรรหาคำพูดสวยๆ หรือชักแม่น้ำทั้งห้ามาเพื่อทำให้สถานการณ์ดีขึ้น

แต่ไม่ว่าจะพยายามพูดให้สวยงามอย่างไร แม่ก็เป็นแม่ของเราคนเดิม 

แม่ยังคงร้องเพลงเชยๆ ที่ชอบมาตั้งแต่สมัยยังเป็นสาว

แม่ยังคงทำสิ่งที่แม่ชอบและถนัดที่สุดให้กับเรา แม้จะหมายความว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เราไม่ชอบที่สุดก็ตาม แต่ท้ายสุดเราก็อดทนและพยายามถนอมน้ำใจแม่ เพราะไม่อยากให้แม่เสียใจ…

พ่อและมิคัง

ในบทแทรกของหนังสืออะตะชิน’ จิ เล่มแรก เป็นภาพของพ่อใส่แว่นตาหนา ยืนส่องกระจกดู ‘พุง’ ที่ยื่นออกมาพร้อมกับอายุที่มากขึ้น

พ่อของมิคังเหมือนกับผู้คนจำนวนมากที่จากบ้านเกิด เพื่อเดินทางเข้ามาหาสิ่งที่ดีกว่าในเมืองหลวง

พ่อออกจากบ้านไปทำงานตั้งแต่เช้า กว่าจะกลับถึงบ้านก็ค่ำๆ ช่วงเวลาทานอาหารเย็นจึงเป็นเวลาที่ทุกคนในครอบครัวได้อยู่ร่วมกัน 

แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น พ่อก็ไม่ค่อยพูดอะไรมาก ได้แต่อ่านหนังสือพิมพ์ ทานข้าว แล้วก็ดื่มชาเพียงเท่านั้น

ยูซึฮิโกะ

มิคังกับยูซึฮิโกะงอแงบ้างเป็นครั้งคราว เหมือนกับพี่น้องในบ้านอื่นๆ 

พอถึงเวลาทานข้าว แม่ต้องเรียกมิคังกับยูซึฮิโกะมาทานข้าวทุกครั้ง ส่วนมิคังก็เป็นคนที่รีบเดินมาโดยไม่ต้องเรียกซ้ำ 

แม่ต้องบอกยูซึฮิโกะเป็นประจำว่าให้ทานข้าวให้หมด ในขณะที่มิคังทานอาหารจนหมดไม่มีเหลือ

ยูซึฮิโกะมีความภาคภูมิใจในตัวของพี่สาว แต่อาจไม่ค่อยได้พูดออกมาบ่อยๆ ส่วนมิคังก็รักและเอ็นดูยูซึฮิโกะ แม้ว่าจะไม่ได้พูดออกมาก็ตาม

ความไม่สมบูรณ์แบบที่เป็นเอกลักษณ์ในเชิงแบรนด์ดิง

สิ่งที่มัดใจผู้อ่านและผู้ชมอาตาชิน’ จิ ได้มากที่สุดคือความไม่สมบูรณ์ที่สุดเรียลของตัวละคร ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากครอบครัวอื่นๆ ในโลกแห่งความจริงเลย

พ่อของมิคัง เป็นตัวแทนของพ่อทุกคนที่ออกจากบ้านไปทำงานตั้งแต่เช้าเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว พ่อไม่ได้ประสบความสำเร็จมากมาย ไม่ได้มีบ้านหลังใหญ่ ไม่ได้มีรถหรู แต่พ่อก็เป็นพ่อที่รักแม่ มิคังและยูซึฮิโกะมากกว่าใครในโลก ส่วนแม่ของมิคังก็ไม่ได้สวยเลิศ ไม่ได้แต่งตัวหรู ไม่มีกระเป๋าแพงๆ แล้วก็ไม่ได้เพอร์เฟกต์เหมือนคุณแม่ที่อ่านเจอในนิยาย แต่แม่ก็ใช้เวลาเกือบทั้งหมดของแม่ ดูแลทุกคนให้อยู่ดี กินดีและมีความสุขเสมอ

มิคังเองก็เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งกำลังจะก้าวเป็นผู้ใหญ่ บางครั้งมิคังมีความสงสัยและไม่เข้าใจโลก เหมือนกับทุกคนที่ผ่านความรู้สึกนี้มาแล้ว ส่วนยูซึฮิโกะก็กำลังเรียนรู้ที่จะดำรงชีวิต ก่อนที่ความเป็นผู้ใหญ่จะมาถึง เหมือนกับเราๆ 

ตัวละครแต่ละตัวมีอุปนิสัยที่ไม่แตกต่างจากมนุษย์ทุกคน สมาชิกทั้ง 4 คนในบ้านล้วนมีความไม่เพอร์เฟกต์ในแบบของตัวเอง แล้วความรู้สึกที่เป็นสากลนี้เองเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาตาชิน’ จิ เป็นที่หนึ่งในใจของแฟนอานิเมะแนวครอบครัวมาจนถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในใจของคนที่ต้องจากไกลจากพ่อ แม่ พี่น้องและครอบครัว

ในสหรัฐอเมริกา สามารถรับชมอานิเมะเรื่อง อาตาชิน’ จิ ได้ทางแอปพลิเคชัน Netflix ส่วนสินค้าคาแรกเตอร์มิคังและสมาชิกในบ้านก็มีวางจำหน่ายในหลายประเทศ รวมทั้งแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง amazon.co.jp และ ebay.com

สำหรับบ้านเรา สามารถชมได้ทาง YouTube: Atashinchi ที่อัปโหลดคลิปสั้นๆ ให้ได้ชมกันเกือบทุกวัน รับรองว่าโดนใจอย่างแน่นอน

….. 

ว่าแล้วฉันก็กดเข้าไปในช่องยูทูบ แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าลายแม่กับมิคังขึ้นมา ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ทำให้นึกถึงช่วงเวลาที่มีความสุขทุกครั้ง

AUTHOR