A KATANYU: LOVE SO HARD สแตนด์อัพคอเมดี้และมินิซีรีส์ที่ว่าด้วยรักพังๆ

Highlights

  • A KATANYU : LOVE SO HARD รักยากสัส โชว์ใหม่ของ ยู-กตัญญู สว่างศรีที่เล่าถึงเรื่องยากๆ ของความรัก แถมยังลุกขึ้นมาลงทุนทำมินิซีรีส์เองและแสดงเองเป็นครั้งแรกในคอนเสปต์เดียวกัน โดยได้ผู้กำกับ ก่อ - ชาคร ไชยปรีชา มาร่วมฝากผลงานไว้ด้วยกัน
  • ซีรีส์ Love So Hard รักยากสัส : The Series สามารถติดตามตอนที่ 1 - 3 ได้ในวันเสาร์ที่ 1, 8 และ 15 กันยายนเป็นต้นไป ในเฟซบุ๊กแฟนเพจ A Katanyu ในขณะที่ตอนที่ 4 จะฉายครั้งแรกในงานสแตนด์อัพคอเมดี้ ‘A KATANYU: LOVE SO HARD รักยากสัส’ 22 - 23 กันยายน ที่โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 สยามสแควร์วัน

ใครว่าความรักและความสัมพันธ์เป็นเรื่องง่าย ยกมือขึ้น

 

ถ้าคุณยกมือ ยินดีด้วย คุณคือคนส่วนน้อยที่โชคดี

เพราะสำหรับคนส่วนใหญ่ ความรักเป็นเรื่องยาก ซับซ้อน วุ่นวาย ไม่มีสูตรสำเร็จที่จะทำให้ความรักสมปรารถนาและอยู่กับเราได้เหมือนเดิมตลอดไป เพราะอย่างนั้น ชายหนุ่มผู้เดินเส้นทางสายสแตนด์อัพคอเมดี้อย่าง ยู–กตัญญู สว่างศรี จึงเลือกทำโชว์สแตนด์อัพคอเมดี้ที่มีชื่อว่า “A KATANYU : LOVE SO HARD รักยากสัส” ที่เล่าถึงเรื่องยากๆ ของความรัก แถมยังลุกขึ้นมาลงทุนทำมินิซีรีส์เองและแสดงเองเป็นครั้งแรกในคอนเซปต์เดียวกัน ภายใต้ชื่อ “Love So Hard รักยากสัส : The Series” โดยได้ผู้กำกับ ก่อ–ชาคร ไชยปรีชา มาร่วมฝากผลงานไว้ด้วยกัน

มาดูกันว่า เบื้องหลังการทำงานใต้แนวคิดที่ว่าด้วยความยากของความรักนั้นเป็นอย่างไร

 

“ตอนนั้นเราเลิกกับแฟน แล้วก็รู้สึกว่าเราได้เรียนรู้อะไรเกี่ยวกับมันหลายอย่าง แล้วก็รู้สึกไปว่า เออ มันเศร้าดีว่ะ เอามาเล่าเป็นเรื่องสนุกๆ ซะเลยก็แล้วกัน” ยูเล่าให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของโชว์ในครั้งนี้

“ในการแสดงคราวที่แล้ว เราพูดเรื่องความพยายามในการทำโชว์สแตนด์อัพคอเมดี้ มันก็อาจจะเข้าถึงคนทั่วไปไม่ง่ายนัก แต่พอคราวนี้เป็นเรื่องความรัก ใครๆ ก็รู้สึกไปกับมันได้ เลยหวังว่าโชว์ครั้งนี้จะทำให้คนรู้สึกมีส่วนร่วม แล้วประสบการณ์ยากๆ ที่เรามีจะช่วยให้มันสนุกกว่าเดิม”

หลังจากที่ทุกอย่างลงตัว เขาก็คิดสารพัดวิธีโปรโมตโชว์ ก่อนจะมาปิ๊งไอเดียว่า เขาน่าจะทำมินิซีรีส์ออกมาซะเลย

“ถ้าทำสัมภาษณ์แบบเดิมๆ คลิปวิดีโอสั้นแล้วหวังว่ามันจะไวรัล มันก็น่าเบื่อ ทำอะไรที่เป็นเส้นทางที่นำไปสู่โชว์ได้จริงๆ น่าจะดีกว่า เลยคิดเป็นมินิซีรีส์สั้นๆ 4 ตอนจบ สามตอนแรกจะปล่อยทางโซเชียลมีเดีย แล้วตอนจบจะไปเปิดในงานก่อนจะแสดง เหมือนเป็นอินโทร”

เมื่อคิดได้อย่างนั้นยูก็ไม่รอช้า รีบติดต่อก่อ ผู้กำกับที่เคยช่วยทำคลิปโปรโมตให้ในการแสดงรอบก่อนๆ และเล่าถึงไอเดียที่เขามี ก่อนจะพบว่าเขาทักไปหาไม่ผิดคน

“หลังจากที่ยูเล่าไอเดียของโชว์ปีนี้ให้ฟัง เราก็นึกได้ว่ามีสตอรี่ที่เคยเขียนไว้เกี่ยวกับความรักใน 3 สเตป เป็นลำดับขั้นของชีวิตคู่ที่กำลังจะพัง ตั้งแต่ขั้นจีบกัน ทะเลาะกัน แล้วก็หลังจากที่เลิกกันว่าจะอยู่ต่อไปยังไง เลยเป็นไอเดียที่เราอยากทำมาตั้งแต่เดิม แล้วก็เหมาะกับการเอามาทำเป็นมินิซีรีส์ที่ตอบโจทย์ยูด้วย เราก็เอาสตอรี่นั้นมาปรับให้มันง่ายขึ้น ผ่อนคลายขึ้น พรีเซนต์ให้เห็นว่าในโชว์ยูจะได้เจอบรรยากาศแบบไหนบ้าง” ก่อเล่าถึงแนวคิดที่เป็นที่มาของเนื้อเรื่องในซีรีส์

“มันเล่าผ่านตัวตนของเราประมาณหนึ่ง เชื่อมโยงกับความคิดความรู้สึกของเรา แต่บททั้งหมดถูกเขียนขึ้นมาใหม่นะ ไม่ได้อ้างอิงจากเรื่องจริง” ยูเสริม

เพราะเวลาทำงานที่จำกัดอยู่แค่ประมาณเดือนกว่าๆ เมื่อยูและก่อตกลงกันเรื่องบทได้สำเร็จ พวกเขาก็ไม่รอช้า ติดต่อนักแสดงหญิงที่รู้จักรักใคร่กันดีอย่างทราย–อินทิรา เจริญปุระ และผ้าป่าน–สิริมา ไชยปรีชาวิทย์มาร่วมงานกันในมินิซีรีส์ ส่วนบทนักแสดงนำหญิงอีกคนก็ตกเป็นของ ปั๋น–ดริสา การพจน์ ที่แม้จะไม่ได้สนิทสนมกันมาก่อนแต่มีคาแร็กเตอร์ที่เข้ากับบทได้ดี

“เราวางสโคปให้เนื้อหาซีรีส์มันสั้นๆ ตอนละประมาณ 10 นาที เลยรู้สึกว่าสิ่งที่จะทำให้คนดูโฟกัสมันไม่ใช่ความหวือหวา แต่ให้เหมือนคนดูไปนั่งอยู่กับตัวละครแล้วซึมซับบรรยากาศมามากกว่า  เราดีไซน์ให้มันเป็นหนังที่เน้นไดอะล็อก ทุกๆ ตอนจะเกิดขึ้นในสถานที่เดียว ช่วงเวลาเดียว เพราะฉะนั้นมันก็ยากมากที่ต้องดีไซน์ว่าแต่ละตอนจะทำให้คนนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ สนุกขึ้นมาได้ยังไง ทำยังไงให้ทั้ง 4 ตอนมีสไตล์ที่แตกต่างกัน”

ก่ออธิบาย ก่อนจะเสริมให้ฟังว่าเขาเลือกใช้วิธีการถ่ายทำแต่ละตอนให้แตกต่างกันเพื่อดึงดูดคน โดยในตอนแรกใช้วิธีถ่ายทำจากหลายๆ มุม มีการตัดต่อเยอะๆ ให้ความรู้สึกหวือหวา ตอนที่สองต้องการความรู้สึกสมจริงจึงใช้การถ่ายแบบแฮนด์เฮลด์ ถือกล้องด้วยมือทั้งตอน ส่วนตอนที่สามจะเป็นการถ่ายทำภายในรถที่ให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนกำลังนั่งมองจากเบาะหลัง

“ทำไปทำมาก็คิดว่า เอ๊ะ นี่มันไม่แมสเลยนี่หว่า ทีแรกตั้งใจทำเพื่อขายโชว์ไม่ใช่เหรอ” ก่อหัวเราะ

“ความน่าสนใจก็คือ โชว์กับซีรีส์มันเชื่อมโยงกันโดยคอนเซปต์รักยากสัส ยากตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ว่าสิ่งที่เรามองกับสิ่งที่ก่อมองก็แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นเวลาดูซีรีส์จบมันก็จะสนุกในแบบหนึ่ง ในขณะที่โชว์ก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง คนที่ดูทั้งคู่ก็ได้ทั้งสองประสบการณ์ เพราะมันเป็นเรื่องเล่าคนละชุด คนละฟอร์แมต ซีรีส์มันก็ไม่ได้เน้นตลกโปกฮา ในขณะที่สแตนด์อัพมันเป็นความพยายามในการเล่นตลก”

สำหรับใครที่สนใจจะลองดูซีรีส์ Love So Hard รักยากสัส : The Series สามารถติดตามตอนที่ 1-3 ได้ในวันเสาร์ที่ 1, 8 และ 15 กันยายนเป็นต้นไป ในเฟซบุ๊กแฟนเพจ A Katanyu และตอนที่ 4 จะฉายครั้งแรกในงานสแตนด์อัพคอเมดี้ ‘A KATANYU: LOVE SO HARD รักยากสัส’ 22-23 กันยายน ที่โรงละครเคแบงก์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 สยามสแควร์วัน

AUTHOR