คนเส้นศูนย์สูตรคงมีวิธีใช้ทะเลสาบที่ไม่เหมือนกับคนเมืองหนาว ความรื่นรมย์ที่สุดของเราคงเป็นเพียงนั่งริมทะเลสาบรับลมตกยามแดดร่มเท่านั้น
หากแต่คนเมืองหนาวมีวิธีอื่นในการหาความรื่นรมย์จากทะเลสาบแบบที่เราอาจคิดไม่ได้
ในภาษาจีนนั้น คำว่า ลมพัด เกิดจากตัวอักษรสองตัวมารวมกัน คือ ลม กับ พัด ที่น่าสนใจคือ ตัวคำว่า 刮 หรือพัดนั้น มันมีความหมายในอีกแง่คือ บาด หรือ เฉือน ผมยกมือขึ้นถามเหล่าซือหรืออาจารย์ในห้องทันทีว่าทำไม เหล่าซือตอบกลับมาว่า ในหน้าหนาว ลมที่พัดมาโดนตัวเรามันก็ทำให้เรารู้สึกเหมือนโดนเฉือนออกเป็นชิ้นๆ นี่แหละ
นอกจากลมหนาวจะพัดเฉือนตัวเราแล้ว มันยังทำหน้าที่แช่เย็นทะเลสาบให้กลายเป็นน้ำแข็งก้อนขนาดใหญ่อีกด้วย
ด้วยความที่ปักกิ่งมีทะเลสาบหลายแห่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง ในหน้าหนาว มันจึงกลายสภาพเป็นลานน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สุดแสนจะรื่นรมย์
คู่รักทางนั้นลงไปวิ่งเล่น
พ่อแม่ลูกก็มาเล่นสเกตน้ำแข็ง
กลุ่มเพื่อนทางด้านนู้นก็มาเล่นอุปกรณ์ลื่นไถลบนน้ำแข็งที่ผมไม่สามารถอธิบายหน้าตาของมันได้โดยง่าย
ผมหยิบกล้องพร้อมเลนส์ความยาวโฟกัส 35 f2 ขึ้นมาสะพายที่คอก่อนจะก้าวเท้าลงไปในทะเลสาบโฮ่วไห่ ด้วยความระมัดระวังเพราะน้ำแข็งบนผิวหน้าทะเลสาบลื่น
เลนส์ระยะนี้ถือเป็นเลนส์ช่วงที่ผมชอบใช้ที่สุด เพราะเป็นเลนส์ตัวเล็กบาง ภาพที่ได้ไม่กว้างหรือแคบจนเกินไป น้ำหนักเบาไม่เป็นภาระกับคอ โฟกัสง่ายและเร็ว คุณภาพถือว่าพอใช้ได้ และสำคัญที่สุดคือ ค่าตัวที่ไม่แพงมากไปนัก ถ้าเกิดลื่นล้มหรือเกิดอุบัติเหตุกับมันเราก็จะได้ไม่ต้องไปเสียดายมากนัก
ผมเริ่มออกเดินไปรอบๆ ทะเลสาบ ยกกล้องขึ้นบันทึกเหตุการณ์ตรงหน้าเป็นพักๆ สุดท้ายก็ไม่ไหวด้วยระยะทางมันไกลเกินจะเดินไปได้หมด ผมเลยต้องไปเช่าจักรยานที่ถูกดัดแปลงให้เหมือนรถลากเลื่อนมาขี่แทนการเดิน ขี่ไปถ่ายไปอยู่นานมาก เพราะเพลินและสนุกจนลืมความหนาวและเวลาไปจนหมด จนเริ่มมืดนี่ล่ะ ถึงรู้สึกตัวว่าควรจะกลับได้แล้ว
หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้แวะไปที่นั่นอีก จนเวลาผ่านไปเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ ลานสเกตน้ำแข็งธรรมชาตินี้ก็ค่อยๆ ละลายหายไป กลับมาเป็นทะเลสาบธรรมดาแทน รอเวลาที่โลกหมุนรอบพระอาทิตย์จนหน้าหนาวมาเยือนอีกครั้ง
แต่เสียงหัวเราะของคนรัก เพื่อนฝูง ครอบครัว ที่มาใช้เวลาร่วมกันบนทะเลสาบน้ำแข็งยังคงก้องอยู่ในภาพทุกครั้งที่ผมได้เห็นมัน
ใครมีเซ็ตภาพถ่ายสวยๆ อยากส่งมาลงคอลัมน์นี้บ้าง คลิกที่นี่เลย