สำหรับคอหนังอินเดีย ถ้าจะพูดถึงภาพยนตร์อินเดียน้ำดียุคใหม่ เชื่อว่าต้องมีชื่อของ PK หรือ 3 Idiots ปรากฏขึ้นมาแน่ๆ และตอนนี้ผู้กำกับเจ้าของภาพยนตร์ทั้ง 2 เรื่องนี้มีผลงานใหม่ออกมาแถมสามารถรับชมได้ทาง Netflix ความจริงข้อนี้น่าจะทำให้คอหนังหลายคนสนใจไม่มากก็น้อย
ผู้กำกับคนนี้มีชื่อว่าราจคูมาร์ ฮิรานี และ ‘Sanju’ คือหลังเรื่องล่าสุดของเขา แต่ความน่าสนใจไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น
เพราะถ้าผลงานก่อนหน้าของเขาอย่างเรื่อง PK คือการจิกกัดความเชื่อเรื่องพระเจ้าของอินเดีย และ 3 Idiots คือการจิกกัดระบบการศึกษาที่โหลยโท่ยล้าหลัง
Sanju คือหนังการจิกกัดการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนอินเดียและทั่วโลกได้อย่างเจ็บแสบไม่แพ้ใคร
เล่าให้ฟังคร่าวๆ เพื่อเป็นการปูพื้นฐาน Sanju คือเรื่องราวที่ดัดแปลงมาจากเค้าโครงชีวิตจริงของนักแสดงวัยเก๋าชาวอินเดียอย่าง Sanjay Dutt (ตัวเขาเองปรากฏเป็นดารารับเชิญในหนังด้วย) ภาพยนตร์เล่าเรื่องของ Sanjay ตั้งแต่ช่วงชีวิตวัยรุ่นที่เขามีปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติด ช่วงที่เขาประสบความสำเร็จได้รางวัลนักแสดงยอดเยี่ยม ไปจนถึงช่วงที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับปัญหาการเมืองจนต้องติดคุกติดตะราง เรื่องราวทั้งหมดดำเนินไปพร้อมฉากหลังความสัมพันธ์กับเพื่อนรักและครอบครัวของ Sanjay ที่ต้องสู้รบกับศัตรูที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา
นั่นคือ ‘พาดหัวข่าวของสื่อมวลชน’
ถ้าใครที่เคยได้ผ่านตาหนังของราจคูมาร์มาก่อน คงรู้ว่าจุดเด่นที่สำคัญที่สุดในงานหนังของเขาคือการกล้าตั้งคำถามต่ออะไรก็ตามด้วยการเล่าเรื่องที่โคตรมีเสน่ห์เหลือหลาย
ภาพยนตร์เรื่องนี้ดำเนินเรื่องไปผ่านวิกฤตชีวิตของ Sanjay ไปทีละประเด็น ระหว่างทางมีการออกแบบกราฟอารมณ์คนดูได้อย่างไหลลื่น มุกตลกมี บทเครียดมี และแน่นอนว่าการร้องเต้นตามสไตล์หนังอินเดียก็มี ทุกอย่างถูกจัดวางไว้อย่างไม่รู้สึกขัด แต่ในทุกๆ ประเด็น ผู้กำกับได้วาง conflict เกี่ยวกับเรื่องจริยธรรมสื่อไว้เสมอ เราจะได้เห็นชีวิตของชายคนหนึ่งที่ตกอยู่ในสปอตไลต์ที่มีทั้งคนยื่นดอกไม้และขว้างก้อนหิน
สิ่งที่ Sanju นำเสนอเป็นเหมือน ‘กระจก’ สะท้อนข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ที่ยามสำเร็จใครๆ ก็อยากผูกมิตร แต่ยามล้ม ใครๆ ก็พร้อมซ้ำเติม
เราได้เห็นเบื้องหลังความเป็นจริงของคนในข่าวว่าผลกระทบจากตัวอักษรไม่กี่ตัวจากสื่อนั้นส่งผลต่อชีวิตพวกเขามากเพียงใด ยิ่งเมื่อบวกกับการแสดงขั้นเทพของ Ranbir Kapoor (หลายคนอาจจะคุ้นตาเขาในหนังเรื่อง Barfi!) มันก็ชวนให้เรารู้สึกตามได้จริงๆ ว่า คนที่โดนกระทำจากสื่อรู้สึกอะไรในใจกันแน่
สุดท้ายในช่วงที่เหมาะสมที่สุดของหนัง ราจคูมาร์เลือกที่จะยิงคำถามใส่สื่อได้อย่างเจ็บแสบ
“ก่อนที่จะวิพากษ์วิจารณ์ใครเพื่อขายข่าว หรือผู้อ่านที่อ่านข่าวและเชื่อทุกอย่าง ถามจริงๆ เถอะว่าคุณรู้จักตัวตนคนคนนั้นจริงๆ หรือยัง?”
หลังจากรับชมเสร็จ เราคิดว่าคำที่น่าจะนิยามประเด็นในเรื่อง Sanju ได้มากที่สุดน่าจะเป็นคำว่า ‘สื่อเสี้ยม’
ไม่ใช่แค่ที่อินเดีย แต่จริงๆ แล้วสื่อเสี้ยมมีอยู่ทั่วโลก จริยธรรมสื่ออาจจะเป็นที่พูดถึงในหลักการความถูกต้อง แต่ไม่ว่าจะยุคไหน สื่อที่ทำหน้าที่ในการสาดโคลนและโจมตีใครโดยไร้หลักฐานยังคงมีอยู่เสมอด้วยฟังก์ชั่นบางอย่าง
ยกตัวอย่างง่ายๆ แค่เราลองเสิร์ชคำว่า ‘สื่อเสี้ยมในไทย’ ในกูเกิล
เราจะเจอเคสตัวอย่างการเสี้ยมของสื่อที่มีคนออกมาชี้แจงความเป็นจริงอยู่เป็นจำนวนมากที่สะท้อนกลับไปสู่ประเด็นในหนังได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะข่าวกีฬา ข่าวบันเทิง ข่าวคราวบ้านเมือง สื่อที่กล่าวหาอย่างไร้หลักฐานยังคงกระจายอยู่ในทุกๆ เรื่องรวมถึงวาระสำคัญในประเทศของเราตอนนี้อย่างเรื่องการเมือง
ลองดูหน้าโซเชียลมีเดียที่เรากำลังล็อกอินอยู่ เราจะเห็นว่าคนที่อยู่ในแสงไฟและในสื่อตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับ Sanjay เลย ข่าวคราว (และข่าวคาว) หลายข่าวปรากฏขึ้นมาบนหน้าฟีดแทบจะทุกวันโดยที่เราแทบจะพิสูจน์อะไรไม่ได้เลยว่าข่าวนั้นจริงหรือเปล่า
เราเชื่อเหลือเกินว่าอย่างน้อยหนังเรื่อง Sanju น่าจะทำให้คนดูได้ฉุกคิดและเทียบเคียงกับสถานการณ์จริง ณ ขณะนี้ได้บ้าง
ใครคนนั้น–เป็นพวกล้มเจ้าจริงไหม
ใครคนนั้น–เป็นเผด็จการจริงหรือเปล่า
ใครคนนั้น–จับมือกับใครคนนี้จริงๆ เหรอ
หรือใครคนนั้น–อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดได้อย่างไร
อย่าเพิ่งเชื่อ ลองตั้งคำถาม และลองไตร่ตรองมันด้วยข้อมูลที่มี
เหมือนกับบทความแนะนำหนังเรื่องนี้
ลองดู Sanju ด้วยตาตัวเองก่อนว่าหนังเรื่องนี้เป็นอย่างที่เราว่าหรือเปล่า
เพราะเราก็เป็นแค่ ‘สื่อ’ หนึ่งที่คุณควรฟังหูไว้หูเช่นเดียวกัน