Atlantis Bookshop
คือร้านหนังสือสีฟ้าน่ารักซึ่งตั้งอยู่บนถนนที่ผู้คนพลุกพล่าน
ดูจากภายนอก ฉันว่ามันสามารถเป็นฉากในหนังรักโรแมนติกอย่าง
Notting
Hill
ได้สบายๆ
ใครจะไปเดาได้ล่ะว่าภายในห้องเล็กๆ แห่งนี้กลับมีพลังงานที่มองไม่เห็นบางอย่างซ่อนตัวอยู่…
ตอนที่ฉันเดินมาพบร้านนี้ครั้งแรก สิ่งที่สะดุดตาอย่างจังคือไม้กวาดอันใหญ่หน้าตาประหลาดที่วางอยู่หน้าร้าน
ไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ดูไม่เหมือนอุปกรณ์ทำความสะอาดสักนิด มันชวนให้นึกถึง…เอิ่ม..ไม้กวาดบินได้ของแม่มดน่ะ…นี่ฉันคิดไปเองรึเปล่านะ?
สองเท้าของฉันก้าวไวกว่าความคิด พอรู้ตัวอีกที
ฉันก็เข้ามาอยู่ในร้านซะแล้ว ภายในห้องสี่เหลี่ยมเล็กอัดแน่นไปด้วยหนังสือมากมายที่ชวนให้รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปในโลกเวทมนตร์ อย่างหนังสือโหราศาสตร์ ประวัติศาสตร์เวทมนตร์คาถา การท่องเที่ยวดินแดนศักดิสิทธิ์ การเล่นแร่แปรธาตุ เวทมนตร์ในชีวิตประจำวันที่ใช้ได้ผล ตำราทำอาหารเพื่อเพิ่มเสน่ห์ หรือสูตรน้ำมันหอมระเหยเพื่อให้หนุ่มๆ มาขอแต่งงาน
นอกจากหนังสือ ในร้านยังมีลูกแก้วทำนายดวงชะตา ชุดไพ่ทาโรต์ เครื่องราง รูปเคารพของเทพเจ้าที่ฉันไม่รู้จัก หม้อปรุงยา และในตะกร้านั้น
มีแท่งไม้ประหลาดคล้ายรากไม้พันเป็นเกลียว มีป้ายติดเอาไว้ว่า ‘ไม้กายสิทธิ์’
‘เฮ้ย ไม่เอาน่า…จริงจังไปแล้ว
อย่ามาล้อเล่นกันอย่างนี้นะ’
ฉันคิดในใจ
“กำลังมองหาอะไรอยู่เหรอจ๊ะ”
หญิงชราเจ้าของร้านเดินเข้ามาถามฉันอย่างใจดี
“เอ่อ…ไม้กายสิทธิ์อันนี้เป็นของจริงเหรอคะ”
ฉันถามพลางสงสัยว่าคุณป้าผมแดงเข้ามาใกล้ขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย?
“แน่นอนสิจ๊ะ” เธอตอบ
“แต่คุณมั่นใจได้ยังไงคะว่ามันเป็นของจริง”
ยังๆ ฉันยังถามไม่เลิก
“ก็เพราะฉันเป็นผู้ใช้เวทมนตร์น่ะสิ”
เธอตอบด้วยแววตาจริงจังแต่สงบนิ่งราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา
เหมือนฉันถามว่าเธอเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายอย่างงั้นแหละ!?
พอเห็นฉันทำตาโตเท่าไข่ห่านพร้อมนิ่งงันไป 3 วินาที เธอก็เสริมว่าตลอดประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
คนทุกวัฒนธรรมล้วนมีพิธีกรรมลี้ลับและมีความเชื่อเรื่องเวทมนตร์กันทั้งนั้น
ในยุโรปโดยเฉพาะประเทศอังกฤษบ้านเกิดของเธอ
พ่อมดแม่มดเป็นสิ่งที่มีอยู่จริงมาเป็นพันๆ ปีแล้ว และครอบครัวเธอก็ยังสืบทอดความรู้นี้มาจนถึงปัจจุบัน
แม่มดที่คุยอยู่กับฉันแนะนำตัวว่าเธอชื่อ Geraldine
Beskin นอกจากจะเป็นเจ้าของร้าน เธอยังเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ในครอบครัวที่สืบทอดการใช้เวทมนตร์ เจราดีนเล่าว่า The Atlantis Bookshop เปิดในปี 1922 ถ้านับจนถึงตอนนี้ร้านก็มีอายุเกือบ 100 ปีแล้ว ในแง่ประวัติศาสตร์
ห้องใต้ดินของร้านมีความสำคัญมากเพราะเป็นที่ที่ Gerald
Gardner นักโบราณคดีที่เป็นพ่อมดจัดการประชุมเพื่อฟื้นฟูและเผยแพร่เรื่องเวทมนตร์ให้คนทั่วไปได้รับรู้อีกครั้งหลังจากความรู้นี้สาบสูญไปเป็นร้อยๆ ปี
คำพูดที่ตรงไปตรงมาและแววตาจริงใจของเจราดีนยืนยันกับฉันว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริงสำหรับเธอทุกคำ
พอรู้ว่าหญิงร่างท้วมที่อยู่ตรงหน้าคือแม่มด
ในหัวฉันก็มีคำถามผุดขึ้นเป็นร้อยเป็นพัน
“สำหรับคุณคำว่า ‘แม่มด’ คืออะไรเหรอคะ” ฉันเริ่มด้วยถามคำถามสุดเบสิก
ก่อนตอบคำถาม เธอเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวใหญ่กลางร้านคล้ายเตรียมพร้อมเล่านิทานเรื่องยาวให้หลานฟัง
“แม่มดคือศาสนาโบราณที่มีพื้นฐานมาจากธรรมชาติ”
เธอกล่าว “พวกเราใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับวิถีของโลกและจักรวาล
อย่างวงจรชีวิต ฤดูกาล และการเคลื่อนที่ของดวงดาว การเรียนรู้เวทมนตร์คือการเฝ้ามองแบบแผนและความเชื่อมโยงในธรรมชาติ
“ถ้าเธอทำสิ่งที่ถูกต้อง ในเวลาที่ถูกต้อง เธอก็จะได้สิ่งที่ต้องการ
ยกตัวอย่างเช่น
เมื่อเธออยากริเริ่มสิ่งใหม่ก็ต้องทำในช่วงเวลาที่ดวงจันทร์ค่อยๆ เต็มดวง
แต่ถ้าตอนนี้ดวงจันทร์กำลังอ่อนกำลัง เราก็ต้องยอมรับว่ามันคือเวลาสำหรับการละทิ้ง
ถ้าเธออยากทำฟัน ก็ควรนัดหมอฟันวันศุกร์ เพราะเป็นวันของวีนัส เทพแห่งความรัก
หมอฟันก็จะนุ่มนวลกับเรามากกว่าวันอื่น
เมื่อเรารู้วิธีการร้องขอความช่วยเหลือพิเศษ เราก็จะได้พลังพิเศษ” เจราดีนตอบอย่างใจดี
“แต่เวทมนตร์เป็นสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ทางวิทยาศาสตร์นะคะ
คุณจะบอกว่าพลังพิเศษเหล่านี้ใช้ได้ผลจริงๆ เหรอ”
ฉันถามอย่างท้าทายโดยลืมไปว่าอาจถูกสาปให้กลายเป็นกบก็ได้ (คุณป้า หนูล้อเล่นนะคะ)
“นักวิทยาศาสตร์มักบอกว่าสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้คือสิ่งที่เชื่อถือไม่ได้
แต่พวกเราใช้เวทมนตร์ได้ผลมา 1,500 ปีแล้ว
ฉันคิดว่าเทคโนโลยีปัจจุบันยังตามเราไม่ทันมากกว่า
ตอนนี้นักประสาทวิทยาสนใจพวกเรามาก
พวกเขาค้นพบว่าเวลาที่เราทำพิธีกรรมจะมีปฏิกิริยาที่น่าสนใจเกิดขึ้นในสมอง
เพราะสิ่งที่เราทำคือการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างจิตวิญญาณ”
“แบบนี้ใครๆ ก็เป็นพ่อมดแม่มดได้ไหมคะ” ฉันถามต่ออย่างตื่นเต้น
“ได้สิ จริงๆ แล้วเราใช้เวทมนตร์ง่ายๆ
ในชีวิตประจำวันหลายอย่างโดยที่เราไม่รู้ตัวนะ”
เจราดีนอธิบายว่าเวลาที่ตื่นนอนแล้วเราล้างหน้า อาบน้ำ
แต่งตัว ก็คือพิธีกรรมอย่างหนึ่ง หรือการจูบแก้มคนที่เรารักก่อนออกจากบ้าน
ก็คือการอวยพรให้เขามีวันที่ดี ส่วนการด่าทอ ก็ถือเป็นการสาปแช่งให้ใครบางคนได้รับอันตราย
“มีนกชนิดหนึ่งชื่อว่านก Magpie มันขึ้นชื่อเรื่องการขโมยของที่แวววาว
สำหรับพวกเรา วิธีการให้มันหยุดขโมยง่ายมาก ทุกครั้งที่เจอ เราแค่พูดว่า ‘สวัสดีคุณแม็กพาย’ ทักทายมันทุกครั้งเหมือนที่ทำกับเพื่อนคนนึง”
“แต่ฉันว่านกมันคงไม่เข้าใจภาษามนุษย์มั้งคะ”
ฉันสงสัย
“มันไม่เกี่ยวกับภาษา สิ่งที่เราส่งออกไปไม่ใช่คำพูด
แต่เป็นความรู้สึกซึ่งสื่อออกไปได้ไกลกว่า
นี่ก็เป็นการใช้เวทมนตร์ป้องกันตัวอย่างหนึ่งนะ”
เจราดีนตอบ
“แล้วอย่างไม้กายสิทธิ์อันนี้ล่ะคะ คุณใช้มันตอนไหนเหรอ”
เจราดีนอธิบายว่าไม้กายสิทธิ์เป็นเครื่องนำทางพลัง
มันช่วยเปลี่ยนสิ่งที่เราโฟกัสในใจให้กลายเป็นจริง เช่น
เมื่อเราร่ายคาถาหรือทำพิธีกรรม เราจะชี้ไม้ไปข้างหน้า ออกไปจากเหตุการณ์ปัจจุบัน
“ไม้กายสิทธิ์แบบแฮร์รี่ พอตเตอร์ มันเวอร์เกินไปในมุมมองฉันนะ
แม่ฉันเคยบอกว่าอะไรก็เป็นไม้กายสิทธิ์ได้ ถ้าเรามีเป้าหมายที่ชัดเจน
แม้แต่นิ้วมือก็ใช้ได้ เพราะสิ่งสำคัญจริงๆ ก็คือความตั้งใจ ไม่ใช่เครื่องมือ
และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เวทมนตร์เป็นเวทมนตร์ที่แท้จริง
บางคนอาจทำพิธีกรรมได้สมบูรณ์แบบแต่อาจไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก็ได้
เพราะเขาไม่มีความตั้งใจจริง”
“ฟังดูแล้วเวทมนตร์เป็นสิ่งที่เรียบง่ายมากกว่าที่เราอ่านเจอในแฮร์รี่
พอตเตอร์ มากเลย แบบนี้คุณต้องไม่ชอบ เจ.เค. โรว์ลิ่ง แน่เลยที่ทำให้คนทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับเวทมนตร์”
“ตรงกันข้าม ฉันรักวรรณกรรมเรื่องนี้เลยล่ะ!” เธอตอบ “ถึงเรื่องราวเกี่ยวกับเวทมนตร์ในนั้นจะไม่ได้เป็นจริงทั้งหมด
แต่มันก็ทำให้ทั้งโลกกลับมารักการอ่านอีกครั้ง และยังทำให้คนทุกช่วงวัยได้เข้าใจและชื่นชมเวทมนตร์จากหนังสือเล่มหนาที่แทบไม่มีภาพประกอบ
ในฐานะเจ้าของร้านหนังสือ ฉันคิดว่ามันมหัศจรรย์มาก”
เรื่องผิดคาดอีกอย่างคือการที่เรื่องราวของพ่อมดน้อยแฮร์รี่ดังเป็นพลุแตกกลับแทบไม่มีผลต่อปริมาณลูกค้าในร้านเลย
เพราะ The Atlantis Bookshop เป็นร้านที่มีชื่อเสียงมากอยู่แล้วในกลุ่มคนที่สนใจเวทมนตร์ แต่อย่างน้อยข้อดีของมันก็คือทำให้ผู้ปกครองอนุญาตให้เด็กๆ เข้ามาในร้านมากขึ้น
และพอเด็กๆ มา พวกเขาก็ชวนทั้งครอบครัวเข้ามารู้จักโลกเวทมนตร์ในหนังสือเล่มอื่นๆ ซึ่งตรงกับความตั้งใจของร้านที่อยากเปิดโอกาสให้คนเห็นทางเลือกของความเชื่อ ความศรัทธา
“เราไม่ได้บอกว่าความเชื่อของเราเป็นทางที่ถูกต้องเพียงเส้นเดียว
แต่เราคิดว่าการเชื่อหลายๆ สิ่ง อย่างศาสนาหรือโหราศาสตร์อย่างละนิดอย่างละหน่อยก็ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร
สิ่งที่ฉันอยากบอกทุกคนคือ ขอให้คุณเชื่อถือตัวคุณเอง ไม่ใช่สิ่งที่เพื่อนบ้านหรือนักบวชบอกคุณ เชื่อสิ่งที่หัวใจคุณบอก
เพราะนั่นจะทำให้คุณเลิกสงสัยในตัวเองและรู้ว่าควรใช้ชีวิตไปในทิศทางไหน” เจราดีนกล่าว
เธออธิบายต่อว่า ถึงจะมีความรู้เรื่องเวทมนตร์แต่เธอก็ไม่เคยคิดใช้มันกับการค้าขายสักครั้ง เพราะกฎเหล็กของร้านคือการไม่โกหกและไม่ชี้นำลูกค้า
หนังสือทั้งมือหนึ่งและมือสองทุกเล่มในร้านจึงมาจากการคัดเลือกอย่างพิถีพิถัน
เธอใช้ความรู้และประสบการณ์ที่มีทั้งชีวิตเลือกเฉพาะหนังสือที่ให้ข้อมูลถูกต้องและทำขึ้นจากความตั้งใจล้วนๆ
นอกจากขายหนังสือ
บ่อยครั้งที่เจราดีนจะชักชวนเพื่อนที่มีความรู้ด้านเวทมนตร์แขนงต่างๆ มาจัดเวิร์กช็อปสนุกๆ ในร้านคล้ายการชวนมักเกิ้ลมาเข้าคลาสสั้นๆ ในโรงเรียนฮอกวอตส์ อย่างเช่นเวิร์กช็อปการอ่านตัวอักษรรูน หรือการทำนายดวงชะตาจากเปลวเทียน
แม้จะใช้เวลาทั้งชีวิตในโลกเวทมนตร์คาถา
แต่สิ่งน่าแปลกใจที่เราค้นพบคือแม่มดเจ้าของร้านกลับเชื่อมั่นในพลังของหนังสือธรรมดาๆ
“ฉันก็คิดว่าหนังสือเป็นงานออกแบบที่ดีมากเลยนะ มันเป็นสิ่งเล็กๆ
ขนาดพอดีกระเป๋า มันทำให้เราหัวเราะ ร้องไห้ พาเราดำดิ่งลงไปใต้ทะเล
พาเราไปประเทศอื่น หรือพาเราออกไปนอกจักรวาลก็ยังได้
มันบรรจุสิ่งสำคัญก็คือความคิดที่เป็นไปได้ไม่รู้จบ
เธอไม่คิดว่านี่เป็นสิ่งวิเศษมากหรอกเหรอ” แม่มดผมแดงพูดพร้อมยิ้มกว้าง
ฉันพยักหน้าพร้อมค่อยๆ คิดตาม
เพิ่งรู้ตัวเดี๋ยวนี้เองว่าที่แท้ไม้กายสิทธิ์ก็คือปากกาธรรมดา
และเวทมนตร์คาถาของจริงก็คือเรื่องเล่าทั้งหลายบนหน้ากระดาษ
แบบนี้ก็แปลว่าฉันเองก็เป็นแม่มดรึเปล่านะ?
ถ้าคำตอบคือ ใช่ แปลว่าคุณเองก็ใช้เวทมนตร์ได้เช่นกัน
Atlantis’s Recommended
Becoming Magick โดย David
Rankine
หนังสือเวทมนตร์ 101 สำหรับพ่อมดแม่มดฝึกหัด
นักเขียนซึ่งเป็นพ่อมดชาวอังกฤษเริ่มตั้งแต่อธิบายว่าเวทมนตร์คืออะไร
มีหลักการทำงานยังไง ไล่เรียงไปจนถึงการทำพิธีกรรม มนตราและการอ่านสัญลักษณ์ลึกลับของชาวฮิบรู
Witchcraft
for Tomorrow
โดย
Doreen
Valiente
หนังสือสำหรับผู้ใช้เวทมนตร์ระดับแอดวานซ์
เนื้อหาในเล่มมีทั้งเทศกาลแม่มด สัญลักษณ์และเครื่องหมายที่แม่มดควรรู้ วงกลมศักดิ์สิทธิ์ บทสวดและการเต้น คาถาที่ต้องร่ายเป็นกลุ่ม
และเวทมนตร์เกี่ยวกับเรื่องเพศ (Sex Magic) เจราดีนเสริมว่านักเขียนคนนี้นอกจากจะเป็นแม่มดแล้ว ยังเป็นกวีที่เก่งมาก
เธอเขียนคำอธิบายต่างๆ ในเล่มด้วยบทกวี ทำให้เนื้อหาทั้งลื่นไหลและสวยงาม
หนังสือทุกเล่มที่เธอเขียนจึงเป็นสิ่งที่พ่อมดแม่มดควรมีไว้ในครอบครอง
หนังสือเป็นสิ่งที่มีขนาดพอดีกระเป๋า มันทำให้เราหัวเราะ ร้องไห้ พาเราดำดิ่งลงไปใต้ทะเล พาเราไปประเทศอื่น หรือพาเราออกไปนอกจักรวาลก็ยังได้ มันบรรจุสิ่งสำคัญก็คือความคิดที่ิเป็นไปได้ไม่รู้จบ เธอไม่คิดว่านี่เป็นสิ่งวิเศษมากหรอกหรอ – Geraldine Beskin
The Atlantis Bookshop
address: 49A Museum St, London,
WC1A 1LY, United Kingdom
hours: เปิดทุกวัน จันทร์-เสาร์ เวลา 10:30 – 18.00 น.
how to get there: นั่งรถไฟใต้ดินมาที่สถานี Tottenham Court Road หรือ Holborn ก็ได้ แล้วเดินต่อไปบนถนน Oxford ราวๆ 5 – 6นาที แล้วเลี้ยวที่ถนน Museum ร้านจะอยู่ขวามือ
facebook | The Atlantis Bookshop
twitter | @AtlantisShop
ภาพประกอบ: Faan.peeti