เปิดประตูไปดู 5 โต๊ะทำงานและของที่ต้องมีบนโต๊ะของผู้เชี่ยวชาญเรื่องการทำงานที่บ้าน

เปิดประตูไปดู 5 โต๊ะทำงานและของที่ต้องมีบนโต๊ะของผู้เชี่ยวชาญเรื่องการทำงานที่บ้าน

Highlights

  • ในช่วงที่คนส่วนใหญ่ย้ายมาทำงานที่บ้านชั่วคราว เราขอชวนไปดูโต๊ะทำงานของ 5 ศิลปินผู้เชี่ยวชาญในการ work from home

เคยได้ยินไหมว่าอยากรู้จักใครให้ลองดูโต๊ะทำงานของเขา

เอาแค่ในออฟฟิศเดียวกันเรายังเห็นโต๊ะทำงานที่ตกแต่งสารพัดแบบ แต่ความเป็นไปได้ ยิ่งมากขึ้นไปอีกเมื่อโต๊ะทำงานนั้นตั้งอยู่ที่บ้าน พื้นที่ส่วนตัวที่เจ้าของสามารถเสกโต๊ะ เก้าอี้ และจัดการพื้นที่รอบๆ ได้ตามใจชอบ จนนอกจากจะได้มุมที่ทำงานได้ทำงานดี ยังสะท้อนตัวตน และวิธีทำงานของเจ้าของอย่างชัดเจน

และโต๊ะทำงานที่ใช่ ในบรรยากาศบ้านของนักสร้างสรรค์ 5 คนต่อไปนี้ คือเครื่องยืนยันชั้นดีว่าโต๊ะทำงานก็เล่าตัวตนของพวกเขาได้ดีไม่แพ้ผลงาน

 

สุภัทรชัย เชื่อธรรมสอน
Creative & Design 
Director, Architect, Designer และ Alchemist แห่ง Splendour Solis

“บรรยากาศโต๊ะทำงานที่ดีของเราคือต้องมีแสงธรรมชาติส่องถึง ด้วยความที่งานส่วนใหญ่ของเราเป็นงานออกแบบหรืองานที่ต้องจดจ่ออยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์และสมุดสเกตช์ แสงธรรมชาติช่วยให้เราผ่อนคลาย รู้สึกปลอดโปร่ง และคิดงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มุมทำงานของเราจึงอยู่ใกล้หน้าต่างและระเบียงซึ่งทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติในแต่ละวันด้วย

“เราชอบโต๊ะทำงานที่มีพื้นที่วางหนังสือ สมุดสเกตช์ ปากกา และสิ่งของต่างๆ ให้ความรู้สึกเหมือนมีพื้นที่รองรับเวลาเรามีไอเดียที่เกิดขึ้นแบบรวดเร็ว เราชอบจัดโต๊ะทำงานด้วย เปลี่ยนไปตามความคิด โปรเจกต์ และสิ่งที่สนใจในช่วงเวลานั้นๆ”

must-have items

1. สมุดสเกตช์และดินสอ : ห้ามขาดเด็ดขาดเพราะเวลานึกอะไรได้เราจะรีบเขียนลงไป มีหลายครั้งที่ลืมสมุดไว้ที่อื่นเลยจดไอเดียใส่กระดาษใกล้มือ พอถึงเวลาจะใช้เรากลับหากระดาษแผ่นนั้นไม่เจอ แต่ถ้าจดในสมุด ต่อให้ลืมว่าจดไว้หน้าไหนมันก็ยังอยู่ในนั้นให้เปิดหาได้เลย

2. กระติกน้ำหรือแก้วน้ำ : เราเป็นคนดื่มน้ำเยอะ เวลาคิดงานหรือทำงานจะต้องมีน้ำเปล่าอยู่ใกล้ตัวเสมอ

3. ยาดมสมุนไพร : เพื่อนสนิททุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะเจองานยากแค่ไหนก็ไม่เคยทิ้งกัน (มีแต่เรานี่แหละที่ชอบลืมยาดมไว้ที่นู่นที่นี่เวลาออกไปข้างนอก)

 

 

มานิตา ส่งเสริม
กราฟิกดีไซเนอร์

“จากโต๊ะทำงานของเรามองลงไปข้างล่างเห็นถนน ต้นไม้ ประตูรั้ว และบ้านตรงข้าม ปกติเวลาทำงานออกแบบทั่วไปเราใช้โน้ตบุ๊กเครื่องเดียว ถึงอย่างนั้นเราก็มีพื้นที่บนโต๊ะเยอะมากๆ แบบที่ทำงานคนเดียวแต่เหมือนนั่งกันอยู่ 4 คน เวลาทำงาน handmade graphic เราจะเอาอุปกรณ์และเครื่องมือทุกอย่างออกมาวาง สภาพโต๊ะตอนนั้นจะรกมากๆ แต่หลังจากปิดงาน ถ่ายรูป หรือสแกนลงเครื่องเรียบร้อย เราจะเก็บทุกอย่างกลับเข้าไปไว้ในตู้ เหลือแค่โน้ตบุ๊กเครื่องเดียว เหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เวลาเห็นแบบนี้มันทำให้รู้สึกว่าเราเคลียร์ทุกอย่างได้หมดแล้วนะ ไม่มีอะไรค้างคาใจ”

must-have items

1. MacBook Pro (Retina, 15-inch) : ใช้ตั้งแต่เริ่มทำงานออกแบบครั้งแรกจนตอนนี้ก็ 8 ปีแล้ว เคยพูดเล่นๆ กับเพื่อนว่าถ้าเครื่องนี้หายคือมูลค่าประเมินไม่ได้แน่ๆ

2. สมุดสเกตช์ : สมุดสเกตช์ของเราไม่ได้ใช้สเกตช์รูปแต่ใช้จดไอเดียและคีย์เวิร์ดที่นึกออก เป็นการจดที่สะเปะสะปะมาก แต่เราจะขมวดสิ่งที่กระจัด-กระจายเหล่านี้ให้ออกมาเป็นงานอีกทีตอนลงมือทำในคอมฯ

3. หูฟัง : ตอนทำงานขาดเสียงเพลงไม่ได้จริงๆ

 

ปัณรสี ศะศินิล
นักวาดภาพประกอบอิสระ, ครูสอนศิลปะ และเจ้าของแบรนด์ WHITE HAT.

“บ้านเรามี 3 ชั้น ห้องทำงานอยู่ชั้น 2 เป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็กๆ มีหน้าต่าง 6 บาน สำหรับเราบรรยากาศการ work from home ที่ดีต้องเป็นห้องที่มีแสงธรรมชาติ เนื่องจากเราต้องวาดภาพและลงสีอยู่บ่อยๆ เรายังชอบอากาศปลอดโปร่ง บรรยากาศเงียบสงบ และล่าสุดคือเราจัดมุมเลี้ยงและฝึกเพาะชำต้นไม้อินดอร์ไว้ในห้องด้วย เวลามองแล้วสบายตาสบายใจดี”


must-have items

1. iMac : เรียกว่าเป็นแทบทุกอย่างของเราเพราะเราต้องใช้คอมฯ ในการหาข้อมูล สแกนงาน ไปจนถึงส่งงาน และยังเป็นที่เก็บงานส่วนหนึ่งของเราด้วย

2. หนังสือภาพประกอบทางพฤกษศาสตร์เล่มโปรด : เราได้หนังสือเล่มนี้เป็นของขวัญจากรุ่นน้องนักวาดที่สนิท ใช้สำหรับค้นหาชื่อดอกไม้และดูภาพประกอบในเล่มที่สวยมากเพื่อเป็นแรงบันดาลใจ
ให้เราพัฒนารายละเอียดของงานที่วาด

3. ต้นไม้ฟอกอากาศ : นอกจากต้นไม้จะฟอกอากาศให้เราแล้ว ยังเป็นจุดพักสายตาและทำให้บรรยากาศในห้องทำงานน่าอยู่ขึ้นด้วย

 

โตมร ศุขปรีชา
นักเขียน, นักแปล และบรรณาธิการ

“โดยส่วนตัวชอบห้องทำงานที่มีทุกอย่างครบ เช่น หนังสืออ้างอิง อุปกรณ์ทำงานต่างๆ มีความจู้จี้บ้าบอกับองค์ประกอบต่างๆ มาก เช่น เก้าอี้ คีย์บอร์ด เมาส์ รวมไปถึงตำแหน่งและท่านั่งต่างๆ ที่สำคัญคือต้องมีแสงสว่าง เย็น และมีที่นั่งพักระหว่างการทำงานด้วย”

must-have items

1. น้ำหอม : อันดับแรกที่ขาดไม่ได้คือความหอม ขวดนี้เป็นของ Zara Home เป็นกลิ่น Gingerbread ให้บรรยากาศคล้ายๆ คริสต์มาส ทำให้มีกำลังใจในการทำงาน

2. ยาดม : บางทีจ้องจอนานๆ แล้วเวียนหัวก็ได้ยาดมจากร้านกาแฟเดอะขัวมุงที่เชียงใหม่ช่วย เป็นสูตรเฉพาะ หาที่ไหนไม่ได้ เอาไว้ดมแก้เวียนหัวซึ่งอาจเกิดเพราะความแก่

3. โคยะ : ถ้าจะให้ดีก็ควรได้รับความเมตตากรุณาจากเจ้าโคยะ แมวประจำบ้าน ที่ชอบมานอนอยู่ใกล้ๆ เวลาเครียดๆ หน่อยก็เอามือไปลูบไล้ขนนุ่มๆ ให้หายเครียดได้

 

ศรัลยา เหล่าตระกูล
นักวาดภาพประกอบอิสระและนักออกแบบ

“โต๊ะของเราเต็มไปด้วยของที่ให้กำลังใจในการทำงาน มองแล้วอยากหยิบปากกามาวาดรูปต่อ ในขณะที่แม่เราเห็นแล้วอยากจะกวาดลงตู้ให้หมด ของให้กำลังใจเหล่านี้มีทั้งหน้าจอคอมพิวเตอร์ สารพัดของกุ๊กกิ๊ก หรือหนังสือเล่มใหม่ ปกติเราชอบไปเดินเล่นในร้านหนังสือดูเหล่าหนังสือปกสวย ช่วงหลังๆ เลยลองวางหนังสือเล่มที่ซื้อมาใหม่พิงไว้ด้านขวาของโต๊ะ เวลาสบตากับเล่มที่ชอบแล้วใจมันเต้นตุ้บๆ ทำให้อยากขยันวาดรูปบ้าง ถ้าเป็นภาพในการ์ตูนญี่ปุ่นก็คือตาเป็นประกายแวววาวและมีไฟลุกข้างหลังเลยแหละ”

must-have items

1. คอมฯ ที่แปะโพสต์อิท : เรื่องราวในชีวิตมีเยอะไปหมด แปะเอาไว้เตือนใจและความจำ

2. เมาส์ปากกา : เครื่องมือทำมาหากินและทำงานอดิเรกแสนรัก

3. หูฟัง : เราไม่ได้นั่งอยู่ในห้องคนเดียว ถ้าไม่ใส่หูฟังก็หันไปดูซีรีส์เกาหลีที่แม่เปิด

AUTHOR