“เกเรให้ถูกที่ถูกเวลา” โดนัท-มนัสนันท์

ชื่อของ โดนัท-มนัสนันท์ พันเลิศวงศ์สกุล อยู่ในการรับรู้ของเราเสมอ
ทั้งจากฝีมือแสดงละครแสนเข้มข้นที่ได้รับคำชื่นชม หรือจากข่าวคราวก้าวใหม่ที่เธอผันตัวมาเป็นผู้จัดละครเรื่อง เดือนประดับดาว ซึ่งเพิ่งปิดกล้องไปไม่นาน
โดนัทเริ่มก้าวแรกในวงการบันเทิงตั้งแต่ยังอยู่มัธยมปลายจากแมวมองที่เข้าหา
แต่ชีวิตก่อนหน้านั้นไม่นานเป็นช่วงที่เธอเกเรมาก
มากถึงขนาดที่พ่อแม่และญาติทุกคนฟันธงว่าเธอจะเรียนไม่จบมัธยมปลาย
เธอว่ามันเป็นช่วงที่ทรมานจิตใจพ่อแม่ที่สุดแล้ว

ชีวิตเมื่ออายุ 17 ปีเกิดอะไรขึ้น
และถ้าย้อนกลับไปสอนตัวเองได้
เธอมีอะไรจะบอกเด็กผู้หญิงที่กำลังออกนอกลู่นอกทางคนนั้นไหม

โดนัทตอบชัดถ้อยชัดคำ
“เราจะไม่ย้อนกลับไปแก้อะไร แต่จะบอกว่าทำถูกเวลาแล้ว”

“ปกติโดนัทเป็นคนเรียนดีมาก
ได้เกรดเฉลี่ยไม่เคยต่ำกว่า 3 ถ้าสอบก็จะขยัน
แต่ตอนประมาณ ม.5
ม.6 มีช่วงหนึ่งที่เราเกเร
ติดเพื่อน มีหนุ่มๆ โรงเรียนอื่นมาจีบ ขอเงินแม่ไปเรียนพิเศษหลังเลิกเรียน
แต่ไม่เคยไป ไปเล่นเกมแทน ตอนนั้นเกมเต้นฮิตก็ใส่กระโปรงเล่นเกมเต้น เล่นเกมยิงปืน
แม่ไปส่งที่โรงเรียนตอนเช้าก็นั่งเฝ้าจนกว่าโรงเรียนจะเข้า
ตอนเย็นแม่ไปรับ เราก็โกรธแม่มาก ช่วงนั้นบรรยากาศที่บ้านแย่ วันหนึ่งเราไม่กลับบ้าน
ญาติทุกคนก็มารวมตัวที่บ้าน แม่ไปแจ้งความ ร้องไห้เพราะจับได้ว่าลูกโกหก
ลูกขโมยเงิน เขารู้สึกว่าเราเกเรมาก

“ตอนนั้นแม่กังวลมากถึงขั้นไปดูหมอ
ทุกคนบอกว่าเราจะเรียนไม่จบ
แต่เรารู้สึกแอนตี้สิ่งที่เขาพูดกันว่าเราจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
มันเลยทำให้เราพยายามจะทำอะไรให้ได้สักอย่างหนึ่ง พอทุกคนคิดว่าโดนัทจะไม่จบ ม.6 แน่ๆ
จะไม่เข้ามหาวิทยาลัย เราก็ทำตรงกันข้ามหมด เราไปสอบ เพื่อนอยากให้เอนท์
เราก็เอนท์ ตอนนั้นพอเราเห็นสถานการณ์มันหนักเข้า
ก็เริ่มคิดว่าหรือเราไร้สาระเกินไปแล้ว
ตอนนั้นคิดเอาเองว่าเรายังไม่เป็นถึงขนาดนั้นรึเปล่า แต่ถามแม่
แม่บอกว่าแกเป็นหนักมาก อยู่ๆ มันก็รู้สึกไม่ดีที่แม่เสียใจ
เลยไปทำงานพิเศษที่แดรี่ควีน ทำให้เริ่มมีคนมาเจอ มาชวนไปถ่ายโฆษณา
พอทำงานหาเงินเองได้ ชีวิตก็เปลี่ยนไปอีกอย่างหนึ่ง

“โดนัทคิดว่ามันเป็นเพราะวัย
ถ้าย้อนกลับไปได้ก็ยังอยากทำแบบนั้นนะ
ทุกคนบอกว่าเราจะมีช่วงใจแตกหรือเกเรคนละหนึ่งช่วง
แต่โดนัทรู้สึกว่าตัวเองทำถูกเวลา เพราะพอไปเรียนมหาวิทยาลัย เราก็โตไปตามสเต็ป เราไม่มีวัยที่อยากทำตัวไร้สาระอีก เพราะเราทำไปหมดแล้ว
เราเห็นเพื่อนบางคนตอนเรียนเรียบร้อยมาก พอจบมัธยมปุ๊บกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
สมัยนั้น RCA ดังใหม่ๆ เรากับเพื่อนรวมตัวกันไปเที่ยวทั้งที่กินเหล้าก็ไม่เป็น
เอาเสื้อผ้าอีกชุดซ่อนไว้ในกระเป๋าเหมือนในหนัง พอเดี๋ยวนี้เหรอ ไปเที่ยวได้
แต่อยากกลับบ้าน อยากนอน ขออยู่เฉยๆ ได้ป้ะ หรือไปยิมฯ ได้ป้ะ
วัยมันเปลี่ยนทุกคนแหละ

“ที่บ้านโดนัทนี่ชัดมากเพราะมีหลาน
5 คน
พอวันนึงน้องเริ่มเที่ยวเอง ไปปาร์ตี้ เราก็ต้องเข้าใจ แรกๆ น้องไปเที่ยวข้าวสาร
เราไปจอดรถรอ โทรหาทุกชั่วโมง มันบอกกลับไปได้แล้ว
เราก็รอจนมันบอกว่าโอเคกลับบ้านกัน เรารู้ว่าถ้าครอบครัวไม่ใกล้ชิด
โอกาสหลุดมันมีเยอะ แต่จุดนึงเราก็ต้องปล่อยให้เขาทำ เพราะเราก็เคยเป็น
ทุกคนมีทางของตัวเอง พอน้องเข้ามหาวิทยาลัย น้องอยากไปอยู่หอก็พูดอะไรไม่ได้ เพราะตอนเราเข้ามหาวิทยาลัย
เราก็แอนตี้ครอบครัวชนิดหนักหนามาก การออกจากบ้านนี่โคตรเป็นผู้ใหญ่
คือคิดไปเองไงมึง (หัวเราะ) ถึงจุดนึงเราก็อยากกลับไปอยู่บ้านเองโดยไม่ต้องมีใครบอก
ตอนนี้มีโดนัทคนเดียวที่อยู่บ้านกับพ่อแม่ มันเหมือนเราเกเรอะไรครบหมดแล้ว
เข้าใจแล้ว เดี๋ยวนี้ดื่มที่บ้านก็ได้ ชวนแม่ดื่มด้วย

“สิ่งที่เรียนรู้จากตอนนั้นคือความรักของครอบครัว
คนที่ยังไงก็ให้อภัยเราได้คือพ่อกับแม่
แล้วเราก็ได้เห็นอีกทีในพี่สาวกับน้องสาวเด็กมันต้องมีแบบนี้แหละ
พวกมันจะหายไป 3 วัน เมา ปาร์ตี้ เราก็หลับตาไปบ้าง
ต้องทำใจให้เข้าใจมาก เกเรให้ถูกที่ถูกเวลาก็โอเคถ้าไม่ได้เสียงานการ โดนัทว่าลองผิดลองถูกกันมันดีกว่า แต่ต้องรู้นะว่าอะไรดีไม่ดี แต่ก่อนโดนัทก็เที่ยว หายไปทั้งคืน
กลับมาบ้านก็ไปทำงานต่อ เหมือนถูกสอนมาให้มีความรับผิดชอบ
ถ้าเรายังรับผิดชอบตัวเองได้ ไม่เดือดร้อนใครก็โอเค แต่ถ้าโตแล้วก็ต้องทำงาน
พอเห็นเพื่อนก็ เฮ้ย มึงเลิกเซอร์ปะ อายุ 30 แล้วนะ ทำงานไหม (หัวเราะ)”

ภาพ ชนพัฒน์ เศรษฐโสรัถ

AUTHOR