URFACE x Todd โปรเจกต์คืนชีพผีไทยที่หยิบลายเส้นการ์ตูนผีเล่มละบาทมาอยู่บนแฟชั่นไอเทม

การคอลแล็บกันระหว่างแบรนด์แฟชั่นและศิลปินจนออกมาเป็นสินค้ารุ่นลิมิเต็ดไม่ใช่อะไรที่ใหม่ และว่ากันตรงๆ พักหลังมานี้เราก็ไม่ค่อยเห็นการคอลแล็บเจ๋งๆ ที่ทำให้เราไฮป์สักเท่าไหร่นัก เรารู้สึกแบบนี้มาตลอดจนกระทั่งได้เห็นโปรเจกต์ collaboration ระหว่าง URFACE x อาจารย์โต๊ด โกสุมพิสัย 

“เชี่ย โคตรเจ๋ง” เราเผลออุทานออกมาแทบจะในทันที

สำหรับใครที่ไม่รู้จักว่าอาจารย์โต๊ดคือใคร กล่าวอย่างง่ายที่สุด เขาคือนักเขียนการ์ตูนผีไทยเล่มละบาทที่เคยรุ่งเรืองในอดีต จนกระทั่งในปี 2559 ภายใต้ความนิยมที่เสื่อมลงไป การ์ตูนผีเหล่านี้ก็ได้อำลาจากแผงหนังสือไปอย่างคล้ายจะไม่มีวันหวนกลับ

จะเหลือก็แค่เพียงความทรงจำเลือนรางของคนรุ่นหนึ่งที่พอจะเกิดทัน แต่ถ้าไปลองถามวัยรุ่นในยุคปัจจุบัน เราเชื่อว่าเกินกว่าครึ่งน่าจะไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าการ์ตูนผีเล่มละบาทคืออะไร

สารภาพว่าเราเองก็ไม่เคยอ่านการ์ตูนผีเหล่านี้หรอก แม้จะเคยเห็นผ่านตาอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เคยมีโอกาสได้ลองอ่านอย่างจริงๆ จังๆ ไม่เคยรู้สึกผูกพัน หากถึงอย่างนั้น การได้เห็นแบรนด์แฟชั่นอย่าง URFACE กลับไปคืนชีพให้กับผลงานของอาจารย์โต๊ดอีกครั้ง และครั้งนี้กลับมาในคราบของสินค้าแฟชั่น เรากลับรู้สึกว่า นี่แหละคือการคอลแล็บเจ๋งๆ ที่เรารอคอย

เราตัดสินใจต่อสายหา โจ๊กเกอร์–ฑีฆาวัฒน์ ปัทมาคม ผู้ก่อตั้งแบรนด์ URFACE ในทันที เพื่อจะสนทนากันถึงเบื้องหลังการคอลแล็บครั้งนี้ ควบคู่ไปกับเรื่องราวของแบรนด์ URFACE ที่เพิ่งจะรีแบรนด์ไปหยกๆ

แบรนด์แฟชั่นที่โคตรให้เกียรติศิลปิน 

ก่อนจะไปถึงเรื่องของอาจารย์โต๊ด เราอยากชวนทำความรู้จักแบรนด์ URFACE กันสักหน่อย

“จุดเริ่มต้นของ URFACE มาจากการที่เรามีเพื่อนที่เป็นศิลปินเยอะ ซึ่งพอเราไปดูงานแสดงของพวกเขาที่แกเลอรี เรากลับพบว่ายังมีงานศิลปะอีกหลายชิ้นที่ curator ไม่ได้เลือกมาจัดแสดงในแกเลอรี มันยังมีงานเจ๋งๆ อีกเพียบที่ไม่ได้ออกมาสู่สายตาของผู้คน เราก็เลยเกิดไอเดียว่า แทนที่เราจะปล่อยให้งานเหล่านั้นหายไป ทำไมเราไม่หยิบงานศิลปะเหล่านั้นมาเปลี่ยนเป็นโปรดักต์ดูล่ะ” โจ๊กเกอร์อธิบายถึงจุดตั้งต้นของแบรนด์ 

ในขณะที่หลายๆ แบรนด์ในปัจจุบันจะโฟกัสอยู่กับการรียูสวัสดุ โจ๊กเกอร์นิยาม URFACE ว่าเป็นแบรนด์ที่รียูสความคิดสร้างสรรค์ นั่นคือแทนที่จะปล่อยให้ผลงานของศิลปินหล่นหายไปจากการรับรู้ สู้คืนชีวิตให้ผลงานเหล่านั้นได้รับการมองเห็นอีกครั้งผ่านการเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์น่าจะดีกว่า นั่นเองจึงเป็นต้นกำเนิดของสินค้าต่างๆ ของแบรนด์ URFACE ที่เกิดจากการชักชวนศิลปินมาฝากฝังผลงานศิลปะของพวกเขาลงบนกระเป๋าสตางค์ เสื้อยืด และ tote bag

“เราอยากให้ศิลปินมองโปรดักต์ของ URFACE ว่าคือผืนผ้าใบ คือเราจะให้อิสระกับศิลปินอย่างเต็มที่ในการสร้างสรรค์ผลงานแต่ละชิ้น โดยที่แบรนด์จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวเลย ศิลปินส่งดีไซน์กลับมายังไงเราก็จะโอเคตามนั้น ไม่มีการไปขอร้องให้แก้งานใดๆ เพราะเราให้เกียรติศิลปินเต็มที่ ในแง่หนึ่งมันก็เสี่ยงนะเพราะเราก็ไม่รู้ว่าศิลปินจะออกแบบผลงานไปในทิศทางไหน แต่มันก็สนุกดี”

เมื่อแบรนด์ให้อิสระและความเคารพศิลปินขนาดนี้ ไม่แปลกเลยว่าทำไมศิลปินแทบทุกคนที่ URFACE ติดต่อไปจะยินดีให้ความร่วมมือกับแบรนด์ 

“อีกอย่างคือเราให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้ามากๆ อย่างเสื้อเราก็จะเลือกใช้คอตตอนที่แพงมาก แล้วก็ใช้เทคนิคการปรินต์สีคุณภาพสูงเพื่อให้มั่นใจได้ว่าสีจะไม่ซีด โดยที่พอผลิตสินค้าออกมาเราก็จะส่งตัวอย่างไปให้ศิลปินดูก่อนทุกครั้งว่ามันจะออกมาเป็นแบบนี้นะ พูดง่ายๆ คือศิลปินจะเป็นคนแอพพรูฟทุกอย่างก่อนที่สินค้าจะออกวางจำหน่าย

“แต่ที่ URFACE เป็นแบบนี้ได้เพราะเราไม่ใช่แบรนด์ที่เอาตัวเลขทางธุรกิจมาเป็นที่ตั้ง เราไม่ได้มองว่าต้องขายสินค้าให้ได้เยอะๆ เพื่อจะรวย ไม่ได้มองว่าต้องไปลดต้นทุนของสินค้าลงเพื่อจะได้กำไรมากๆ จะไม่มีการไปขอศิลปินว่า ช่วยเพิ่มขนาดโลโก้ของแบรนด์ให้เห็นชัดๆ หน่อยได้ไหม พอวิธีคิดของแบรนด์มันเป็นแบบนี้ URFACE เลยขับเคลื่อนด้วยความสนุก โดยที่เราก็สามารถให้เกียรติผลงานของศิลปินได้อย่างเต็มที่” 

การ์ตูนผีเล่มละบาทที่ไม่ใช่ว่าใครก็เกิดทัน

“แล้วโปรเจกต์ URFACE x อาจารย์โต๊ดเริ่มต้นขึ้นได้ยังไง” เราถามโจ๊กเกอร์

“จริงๆ แล้วโปรเจกต์นี้เกิดจากต๊อด (อารักษ์ อ่อนวิลัย หรือ Sahred Toy นักวาดการ์ตูนและหุ้นส่วนของแบรนด์ URFACE) ไปเห็นงานของอาจารย์โต๊ดแล้วชอบมาก เพียงแต่เขาเกิดไม่ทัน เพราะตอนเขาโตมาก็เป็นยุคของการ์ตูนญี่ปุ่นแล้ว แต่เราน่ะเกิดทัน เราจำได้ว่าเคยเห็นการ์ตูนผีเล่มละบาทบนแผงหนังสือ ซึ่งพอต๊อดมาบอกว่าเขาอยากหยิบลายเส้นการ์ตูนผีไทยมาอยู่บนโปรดักต์ของ URFACE เราก็ตกลงทันที”

แน่นอนว่าโจ๊กเกอร์จดจำลายเส้นผีไทยเหล่านี้ได้ดี แต่อีกโจทย์หนึ่งที่คิดไม่ตกคือ ถ้าผลิตออกมาแล้วจะขายได้ไหม

“แม้ว่า URFACE จะไม่ใช่แบรนด์ที่เอายอดขายเป็นที่ตั้ง แต่ก็ต้องยอมรับกันตรงๆ ว่าเราก็แอบกังวลใจอยู่ลึกๆ เหมือนกันว่าถ้าผลิตสินค้าออกมาแล้วมันจะขายได้ไหม แน่นอนว่าเราอยากร่วมงานกับอาจารย์โต๊ดมากๆ แต่ในขณะเดียวกันกลุ่มลูกค้าหลักของแบรนด์คือเด็กรุ่นใหม่ ซึ่งเขาเกิดไม่ทันการ์ตูนผีเล่มละบาท หรือไม่ต้องขนาดการ์ตูนผีหรอก แค่คุณลองไปถามพวกเขาว่ารู้จักผีกระหังไหม เราเชื่อว่ามีหลายคนที่งงว่า ผีกระหังคืออะไรวะ (หัวเราะ)”

แต่ถึงที่สุดแล้วความตื่นเต้นที่จะได้ทำคอลเลกชั่นนี้ก็ท่วมท้นกว่าความกังวลว่าจะขายสินค้าได้หรือไม่ได้ เมื่อกำหนดคอนเซปต์คร่าวๆ ของคอลเลกชั่นเรียบร้อย โจ๊กเกอร์ก็ติดต่อไปยังอาจารย์โต๊ดทันที

URFACE x Todd

“เราติดต่อไปหาอาจารย์ แนะนำตัวว่าเราคือใคร แบรนด์ URFACE คืออะไร บอกไปว่าเราหลงใหลผลงานของอาจารย์และอยากจะได้ลายเส้นของอาจารย์มาอยู่บนสินค้าของเรา ตอนนั้นเราไม่รู้หรอกว่าอาจารย์โต๊ดจะยอมเล่นด้วยกับเราไหม แต่ปรากฏว่า วันต่อมาอาจารย์โต๊ดร่างลายเส้นส่งกลับมาให้เลย เราตกใจมาก แกทำงานเร็วโคตรๆ ซึ่งผู้ช่วยของอาจารย์โต๊ดก็เล่าให้เราฟังว่าอาจารย์โต๊ดแกใช้ชีวิตแบบนี้อยู่แล้ว เพราะการ์ตูนเล่มละบาทมันต้องใช้เวลาเร็วมากๆ ในการเขียนเพื่อจะได้มีเวลาไปเขียนเล่มใหม่ ยิ่งพอเราเสนอคอนเซปต์คร่าวๆ ไปให้ อาจารย์แกก็จะนำไอเดียของเราไปผสมกับไอเดียใหม่ๆ ซึ่งเจ๋งมากๆ”

คอนเซปต์คร่าวๆ ที่โจ๊กเกอร์เสนอไปคือการอธิบายถึงการรีแบรนด์และปรับเปลี่ยนไดเรกชั่นเป็น URFACE Wet & Dry โดยที่คำว่า Wet นั้นหมายถึงกิจกรรมทางทะเล เช่น เซิร์ฟ ส่วน Dry ก็หมายถึงกิจกรรมทางบก เช่น แคมป์ปิ้ง โดยที่โปรดักต์ของ URFACE หลังจากนี้จะให้ความสำคัญกับกิจกรรมทั้งสองรูปแบบนี้ โดยที่ยังคงยืนพื้นกับความเป็นศิลปะอยู่ 

“พอมีเรื่องคอนเซปต์ Wet & Dry ภาพร่างที่อาจารย์โต๊ดส่งมาให้เลยเป็นภาพของผีเล่นสเกตบอร์ดกับผีเล่นเซิร์ฟบอร์ด ซึ่งตรงนี้เราไม่ได้บรีฟแกเลย จุดนี้มันเลยจุดประกายว่าไหนๆ ก็ได้ร่วมงานกับนักเขียนการ์ตูนแล้ว คอลเลกชั่นนี้จะมีแค่เสื้อกับกระเป๋าสตางค์ไม่ได้แล้วล่ะ เราต้องทำการ์ตูนผีขึ้นมาด้วยแล้ว”

‘ผีดุทะลุเกลียวคลื่น’ ปะทะ ‘ผีเฮี้ยนเสี้ยนสเก็ต’

โจ๊กเกอร์นำไอเดียผีจากอาจารย์โต๊ดไปสานต่อ จนออกมาเป็น ‘ผีดุทะลุเกลียวคลื่น’ และ ‘ผีเฮี้ยนเสี้ยนสเก็ต’

URFACE x Todd

ซึ่งพอได้ชื่อนี้ออกมา เขาก็ไปปรึกษากับอาจารย์โต๊ดว่าอยากจะทำหนังสือการ์ตูนควบคู่ไปด้วย โชคดีว่าอาจารย์โต๊ดไม่ปฏิเสธและยินดีจะเล่นด้วย จนออกมาเป็นผลงานการ์ตูนผีเล่มฉบับพิเศษในชื่อ ‘ผีดุทะลุเกลียวคลื่น’ ปะทะ ‘ผีเฮี้ยนเสี้ยนเสก็ต’ ที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 222 เล่มในท้ายที่สุด

“เราคิดเพียงไอเดียคร่าวๆ จากนั้นก็ปล่อยให้อาจารย์ลุยต่อเลย อย่างคำพูดของตัวละครในเรื่องก็เป็นภาษาของแกหมด เราไม่แตะเลย ผลลัพธ์ที่ได้เลยออกมาเป็นการ์ตูนสั้นขนาด 6-8 หน้า ซึ่งผลิตขึ้นมาเพื่อคอลเลกชั่นนี้โดยเฉพาะ ไม่มีวางจำหน่ายที่ไหน โชคดีอีกอย่างด้วยว่า เราไปเจอโรงพิมพ์ที่ยินดีจะเล่นด้วยกับเรา เพราะเจ้าของเขาเกิดทันการ์ตูนผีเล่มละบาท เขาก็เลยยินดีจะช่วยพิมพ์หนังสือเล่มนี้ออกมาให้ใกล้เคียงกับในอดีตที่สุด อย่างสีของหนังสือก็จะคุมให้ใกล้เคียงกับการ์ตูนสมัยก่อนที่สุด หรืออย่างกระดาษที่ใช้ แม้ว่าจะไม่ใช่กระดาษแบบเดิมแต่ก็เป็นกระดาษคุณภาพสูง”

จากจุดตั้งต้นที่จะมีแค่เสื้อยืด เสื้อฮาวาย และกระเป๋าสตางค์ แต่ปลายทางของคอลเลกชั่นกลับเดินทางไปไกลกว่าจุดเริ่มต้นของมันมาก จากหนังสือการ์ตูนหนึ่งเล่มก็ค่อยๆ งอกเป็นโปสเตอร์และผ้ายันต์ จนเกิดเป็นลิมิเต็ดบอกซ์เซต URFACE x Todd ที่นอกจากจะมีสินค้าของ URFACE แล้วยังอัดแน่นไปด้วยผลงานต่างๆ ของอาจารย์โต๊ดอีกด้วย

ฟื้นคีนชีพให้ผีไทย

โจ๊กเกอร์เล่าว่าคอลเลกชั่นนี้ใช้เวลาพัฒนาประมาณ 3-4 เดือนก็เสร็จและพร้อมจะวางจำหน่าย ซึ่งก็เป็นเรื่องบังเอิญว่า ก่อนหน้าที่ URFACE x Todd จะวางขาย สารคดีเรื่อง ไอ้ผีเล่มละบาท ของสันติ แต้พานิช ซึ่งถ่ายทอดชีวิตของอาจารย์โต๊ดและศิลปินคนอื่นๆในยุคการ์ตูนผีเล่มละบาทก็ปล่อยฉายทางยูทูบพอดี 

เราไม่รู้มาก่อนเลยว่าพี่สันติเขาทำสารคดีเรื่องนี้อยู่ มันเลยเป็นจังหวะที่เหมาะเจาะมากๆ เพราะเราเชื่อว่าสารคดีเรื่องนี้จะทำให้คนรู้จักอาจารย์โต๊ดมากขึ้น อีกอย่างคือพอเราได้ดูสารคดีเรื่องนี้เราก็พลอยได้รู้จักอาจารย์โต๊ดมากขึ้นไปด้วย ได้รู้ว่าประวัติการทำงานของแก ได้รู้ว่าชีวิตแกเคยเผชิญความลำบากแบบไหนมาบ้าง มันมีประโยคหนึ่งในสารคดีที่อาจารย์โต๊ดพูดว่ามันเป็นช่วงสุดท้ายของชีวิตที่ผมตั้งใจอยากจะเป็นอย่างนี้อยู่แล้ว ผมจะตายคาพู่กันนี่แหละ ผมจะไม่ไปทำอย่างอื่น อดมื้อกินมื้อก็ไม่เป็นไรซึ่งพอได้ยินอย่างนี้เราก็ยิ่งนับถือแกมากๆ พอดูจบเราเลยไม่กังวลอีกแล้วว่าคอลเลกชั่นนี้จะขายได้หรือไม่ได้ เพราะเรารู้สึกภูมิใจที่ได้ผลิตคอลเลกชั่นนี้ออกมา

26 สิงหาคม 2564 คือวันที่คอลเลกชั่นนี้วางจำหน่าย พอถามถึงผลตอบรับของคอลเลกชั่นนี้ โจ๊กเกอร์ก็ยิ้มอย่างภูมิใจในทันที

URFACE x Todd

“ถ้าพูดถึงฟีดแบ็กในแง่ความรับรู้ เราว่าคอลเลกชั่นนี้ฟีดแบ็กดีมากๆ นะ เพราะอย่างเด็กรุ่นใหม่เขาก็จะรู้สึกว่ามันเจ๋งดี แต่อีกฟีดแบ็กหนึ่งที่เราไม่คิดว่าจะได้รับคือจากคนอีกกลุ่มที่เกิดทันการ์ตูนผีเล่มละบาท มีคนทักมาขอบคุณเราเยอะมากๆ เพราะคอลเลกชั่นนี้ทำให้เขาได้กลับไปคิดถึงวัยเด็กอีกครั้ง

“เรามองว่าคาแร็กเตอร์ของผีไทยมันชัดมากนะ คือเห็นลายเส้นปุ๊บก็รู้เลย ซึ่งเราคิดว่าลายเส้นแบบไทยๆ มันเจ๋ง มันแตกต่างอย่างชัดเจนจากการ์ตูนญี่ปุ่นและอเมริกัน อย่างบางคนก็บอกเราว่าคอลเลกชั่นนี้คือการกลับไปฟื้นคืนชีพให้กับผีไทยอีกครั้ง และทำให้เด็กรุ่นใหม่ได้รู้ว่านักเขียนการ์ตูนไทยรุ่นเก่าๆ น่ะเขาเก่งขนาดไหน ยอดขายจะเป็นไงเราไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ เราโคตรภูมิใจกับคอลเลกชั่นนี้ของ URFACE เลย”

URFACE x Todd

AUTHOR