5 จุดนั่งจิบกาแฟในร้านอย่างเหงาๆ แบบแอบบอกให้เขารู้ว่าเราอยากมีเพื่อนใหม่

ในโตเกียวมีร้านกาแฟดีๆ
มากมายหลายร้อยร้าน แค่คิดจะตระเวนชิมให้ครบก็เหนื่อยแล้ว แต่ด้วยเอกลักษณ์ของแต่ละร้าน
ทั้งตัวกาแฟและการตกแต่งภายในอันแสนกรุบกริบโคซี่
ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะหาเวลาแวะไปนั่งและเพลิดเพลินไปกับมัน
ข้อดีอย่างหนึ่งของร้านกาแฟญี่ปุ่นคือ เราไปนั่งกินคนเดียวได้แบบไม่ต้องเขินมากนัก
เพราะมีคนที่มาเดี่ยวๆ เยอะพอๆ กัน คนที่มาเป็นหมู่คณะเองก็รักษามารยาทและบรรยากาศกรุบกริบมวลรวมด้วยการคุยเสียงเบาๆ
ไม่รบกวนคนอื่น ทำให้เราไม่รู้สึกหงุดหงิด อิจฉาริษยา
(เว้นเสียแต่ว่าจะมีคนมานั่งออดอ้อนกันออกนอกหน้า
ซึ่งส่วนมากเขาไม่มาอ้อล้อกันที่นี่หรอก เย่)

ทั้งนี้ทั้งนั้น
กาแฟก็ดี ร้านก็สวย บาริสต้าก็ (อาจจะ) น่ารัก เราจะไปนั่งกินคนเดียวเหงาๆ แบบเศร้าๆ
ทำไม เลือกมุมให้ดีอาจมีประโยชน์ต่อความกระชุ่มกระชวยทางอารมณ์ของเราด้วย

1. นั่งหน้าเคาน์เตอร์

แอบเล็งพี่บาริสต้า
ขอเชิญนั่งตรงนี้ ด้วยความเป็นประเทศที่พื้นที่เล็ก ร้านรวงต่างๆ
ก็มักจะมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก ยิ่งร้านเล็กๆ เน้น take out หรือร้านที่เป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวๆ
คงมีแค่เคาน์เตอร์และเก้าอี้ไม่กี่ตัว เราก็ฉวยโอกาสนี้นั่งชื่นชมเทคนิคการชงกาแฟของพี่บาริสต้าอย่างใกล้ชิดซะเลย
คนกลุ่มนี้ส่วนมากจะมีความเฟรนด์ลี่สูงอยู่แล้ว บางคนชอบพูดภาษาอังกฤษ
มีความพิศวาสลูกค้าต่างชาติเป็นพิเศษ รับรองว่าได้ความรู้เรื่องกาแฟอันเป็นจุดประสงค์หลักของเรากลับบ้านอย่างแน่นอน
(แต่ถ้าต้องการมากกว่านั้น อันนี้ต้องจัดการเองนะ)

2. นั่งโต๊ะรวม

เดี๋ยวนี้เห็นหลายร้านเริ่มใช้โต๊ะยาวๆ
โต๊ะเดียวตั้งกลางร้านให้ลูกค้ามานั่งรวมๆ กันเยอะมากขึ้น
คนที่เลือกนั่งตรงนี้ไม่ได้มาคนเดียวเสมอไป แต่ก็ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้เพื่อนใหม่จากความใกล้ชิดที่เกิดจากความบังเอิญ
และเพียงเราเสริมความจงใจเล็กๆ เล็งมุมก่อนหย่อนตัวนั่งว่าอยากนั่งข้างใคร
ก็อาจจะได้เพื่อนใหม่ชวนฝันที่ชอบกาแฟเหมือนๆ กัน ถ้าคนไม่เยอะมาก
นั่งคนเดียวเงียบๆ ก็โดดเด่นดี ตอนมีคนมาถามว่าข้างๆ หรือฝั่งตรงข้ามว่างไหม
(ซึ่งก็มักจะถามแหละ ถึงจะเห็นว่ามาคนเดียว คนที่นี่เขามารยาทดี อิอิ เข้าทางเรา) จงสแกนให้ไวแล้วปรับระดับความเป็นมิตรในตัวตามสมควร

3. นั่งใกล้ปลั๊ก

ถึงจะบอกให้นั่งใกล้ปลั๊ก
แต่อย่าเอาคอมไปทำงานนะ เดี๋ยวไม่มีคนเข้ามาคุยด้วย 555 เรามานั่งดักคนอยากใช้ปลั๊กต่างหาก
ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เราอาจจะทำให้คนที่มาขอแชร์กระแสไฟใจเต้นผิดจังหวะไปเลยก็ได้
ถ้าแค่ชาร์ตมือถือก็ดีไป อาจมีโอกาสได้คุยกันนิดๆ แต่ถ้าแบกคอมมาทำงานจริงจัง
ก็ขอให้เป็นชายผู้มุ่งมั่นกับการงานอย่างมีความกรุบกริบละกัน

4. นั่งหันหน้าเข้ากระจก

กระจกในที่นี้
หมายถึงกระจกใสๆ หน้าร้าน ที่มักจะมีเคาน์เตอร์ไม้เล็กๆ ให้คนไปนั่งจิบกาแฟเงียบๆ
อย่างเป็นส่วนตัว พลางมองผู้คนที่สัญจรไปมาอยู่ด้านนอก
นั่งตรงนี้แปลว่าเราสิ้นหวังกับบาริสต้าและลูกค้าในร้านแล้ว
เลยส่งสัญญาณออกไปให้ไกลอีกหน่อยคือ คนข้างนอก คิดซะว่าเราคือดิสเพลย์ของร้าน
ทำงานเป็นนางกวักเรียกลูกค้า จิกหน้า นั่งสวย จิบเก๋ๆ อย่างมีจริต

5. นั่งไหนก็ได้
แต่ไปบ่อยๆ วันเวลาเดิม

มุมนี้เพื่อนบอกมา (อีกแล้ว)
นางเคยใช้มุกนี้กับร้านอิซะกะยะ
(ร้านกินดื่มสังสรรค์แบบแสงสว่างส่องถึงของญี่ปุ่น) ไปวันเดิม เวลาเดิม
สั่งของอย่างเดิมสักระยะ ไม่พนักงานร้านก็ลูกค้าประจำ จะต้องจำเราได้
และนำไปสู่การผูกมิตร เม้าท์มอยและรู้จักเพื่อนใหม่ที่อาจกลายเป็นเพื่อนสนิทได้ในอนาคต
อนึ่ง มีโอกาสมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ที่พนักงานหน้าตากรุบกริบของร้านเป็นนักศึกษาที่มาทำงานพาร์ตไทม์
ถ้าจะให้ดีควรสังเกตด้วยว่าเข้างานวันไหน กี่โมง จะได้ไม่แป้กเวลากลับมาแล้วพบว่า
วันนี้ไม่ใช่เวรเขา

ลองดูบรรยากาศและการจัดวางโต๊ะของร้านที่ไปแล้วตัดสินใจอีกทีก็ได้
แต่อย่างหนึ่งที่ต้องไม่ลืมคือ กินบ่อยๆ = เปลือง และลูกค้าผู้หญิงก็มีเยอะนะจ๊ะ

AUTHOR