5 วิธีตอบคำถาม “มีแฟนรึยัง?” อย่างสง่างาม

การอยู่ต่างประเทศทำให้มีโอกาสได้ทำความรู้จักผู้คนใหม่ๆ
จากหลายพื้นเพซึ่งจริงๆ ก็สนุกดี เสียอย่างเดียวถ้าอยู่กันแต่สตรีเพศ หนึ่งในคำถามยอดนิยมหลังถามชื่อ เชื้อชาติ งานอดิเรกที่ชอบทั้งหลายหมดแล้วคือ ‘มีแฟนรึยัง?’ คำถามนี้ นอกจากเพื่อนสาว พวกลุงๆ ป้าๆ ชาวจี้ปุ่งเองก็ชอบถามมากเหมือนกัน ไม่รู้ว่าถามไปให้ลูกให้หลานรึเปล่า (แต่ไม่เคยได้ ฮึ) ดังนั้นไม่น่ารอดแน่ๆ ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหน

คิดก่อนพูด คือหัวใจสำคัญของการเอาตัวรอดจากสถานการณ์นี้
เพื่อภาพพจน์ที่งดงามและการกรุยทางสู่ความชุ่มชื่นของหัวใจในอนาคต ถ้าเราตอบว่า “ไม่มี~” ด้วยน้ำเสียงที่ปวดร้าวแววตาฉายความโหยหา
สิ่งที่จะตามมาคือ
คำพูดปลอบประโลมจิตที่ไม่ค่อยจะช่วยอะไรนอกจากจะทำให้ชอกช้ำมากขึ้น เช่น “อะไรกัน
เธอน่ารักออกจะตาย ไม่น่าเชื่อเลยจ้ะ” ถ้าไม่ติดที่รู้ว่าคำชมอย่าง ‘คาวาอี้’ ถูกใช้อย่างฟุ่มเฟือยพอๆ กับคำว่า ‘สบายดีไหม’ ก็คงจะดีใจกว่านี้ ดังนั้น ถ้าไม่น่ารักจริง อย่าเพิ่งตื่นเต้นดีใจไป ไม่มีก็คือไม่มี จบนะ

แต่ แต่ แต่ ถ้าบุรุษเพศเป็นคนถามล่ะก็
งานนี้มีลุ้นเหมือนผลลอตเตอรี่นะเออ

1.ไม่มี
ตรงไปตรงมาที่สุด ง่ายๆ สั้นๆ ได้ใจความชัดเจน จุดสำคัญอยู่ที่น้ำเสียงและแววตาเวลาตอบ
ตีหน้าเริด เชิดนิดนึงเหมือนไม่เดือดร้อนจะดีมาก แต่อย่าเยอะไป
เดี๋ยวเพื่อนหมั่นไส้ ส่วนคนที่กลัวจะห้วนไป
วลีที่มักใช้ควบคู่กับคำว่าไม่ในสถานการณ์นี้คือ “หาให้หน่อยดิ” หรือ 「誰かいい人紹介してよ」 (ด๊ะเระข่ะอี้ฮิโตะโชไคชิเต๊ะโย่
ลากเสียงยาว เง้างอดเบาๆ
) เป้าหมายของคำตอบนี้คือ พวกเธอ…รับรู้แล้วหาให้ด้วย!

2.ไม่มีมาสักพักแล้ว
ขอยกให้คำตอบนี้เป็นคำตอบกลางๆ ที่ทำหน้าที่ได้หลากหลายและทรงประสิทธิภาพที่สุด
จะใช้พูดกับเพื่อนก็ได้ พูดกับเหยื่อ เอ๊ย ทาร์เก็ตก็ได้ ตอบแล้วแลดูเลอค่าและฮอตเบาๆ
คือไม่มี ‘แค่ตอนนี้’ หรอกนะยะ หาได้สิ้นไร้ไม้ตอกไม่ และไม่รู้จะโสดอีกนานแค่ไหนด้วย (จะจีบก็รีบๆ หน่อย!) นิตยสารสำหรับผู้หญิงหลายฉบับเห็นตรงกันว่า คำตอบสไตล์นี้ให้ผลทางบวกสูง
เพราะนอกจากจะดูเศร้า เป็นนกสาวปีกหักที่เพิ่งช้ำรักมาได้ไม่นาน ยังแฝงไว้ด้วยความเหงาออดอ้อนเล็กๆ ที่ช่วยกระตุ้นยีนฮีโร่ในตัวหนุ่มๆ ให้เกิดอยากจะปกป้องดูแลขึ้นมาทันที

3.ยิ้มๆ แล้วถามกลับว่า ถามทำไมหรอ?”
ถ้าเพื่อนผู้หญิงญี่ปุ่นซึ่งยังไม่สนิทกันมากพอเป็นคนถาม ไม่อยากตอบก็เนียนๆ ไปเงี้ยแหละ คนญี่ปุ่นส่วนมากมีมารยาท
ไม่ค่อยซอกแซกถามเรื่องส่วนตัวเยอะ ถ้าเราตอบเบลอๆ ไปแบบนี้ เขาก็รู้แล้วแหละว่าไม่อยากตอบ ถ้ายังโดนเซ้าซี้ต่อก็ยิ้มๆ เออน่ะ สื่ออารมณ์ประมาณว่า ก็มีคั่วๆ
เอ๊ย คุยๆ อยู่ ถ้าได้แล้วเดี๋ยวบอกนะ แต่ถ้าหนุ่มที่หมายปองเป็นคนถาม เพิ่มคำว่า “ก็ไม่มีหรอกนะ…” เข้าไปก่อนทำหน้าเขินเบาแล้วถามกลับ “ถามทำไมหรอ?” จุดนี้การถามกลับอาจทำให้มีโอกาสเห็นเขาแอบเขินหรือเป็นการเปิดช่องให้เขาสารภาพความในใจออกมาก็ได้นะ
(อันนี้ไม่รู้ ไม่เคยลอง แต่เพื่อนสอนมา…)

4.ถ้าบอกว่ามีจะเสียใจรึเปล่าล่ะ?
ตอนอ่านเจอวิธีตอบแบบนี้ในหนังสือถึงกับอึ้งไป 3 วัน เพราะคนเขียนวางแผนทางจิตวิทยาไว้อย่างแยบยล นางบอกว่า
ไว้หลอกดูปฏิกิริยาของชายหนุ่มยามที่ได้ยินคำว่า ‘มี’ (คือภาษาญี่ปุ่นมันเอาคำว่า ‘มี’ ขึ้นต้นประโยค
เหมือนหลอกให้เข้าใจผิดคิดว่ามีแฟน แล้วเติมประโยคให้กลายเป็น if-clause ทีหลังว่า ถ้ามีล่ะ?) อันนี้ชัดเจนมากว่าควรใช้กับผอชอที่หมายปองเท่านั้น ถ้าเขาตอบมาว่า ‘ไม่’ ก็ตัวใครตัวมันนะ แหะๆ แต่มีหลายเสียงบอกมาว่า โดนถามกลับมาแบบนี้แล้วใจเต้นนิดนึง

5.ไม่ใช่ไม่มี แต่ไม่เอา
อันนี้ชอบมาก
เพื่อนที่โอซาก้าสอนมา เวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นคือ「作れないじゃなくて、作らない」 (ซึคุเระน่ายจ่ะนะคุเต๊ะ ซึคุระน่าย) คือมั่นหน้าแล้วพูดเสริมความไร้คู่ของตัวเองอย่างเชิ่ดๆ แต่ประโยคนี้ชี้ชวนให้เพื่อนเกลียดชังยิ่ง
ควรเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉินหลังโดนเหยียดหยาม หรือกอบกู้เพื่อนจากความหดหู่ยามคุยเรื่องไม่มีแฟน
เพราะเมื่อพูดด้วยน้ำเสียงและจังหวะที่ถูกต้อง ประโยคนี้จะกลายสภาพเป็นนางฟ้าแปลได้ใจความว่า
“ไม่ใช่ว่าหาแฟนไม่ได้ แต่ไม่อยากมีมากกว่ามั้งเนอะ”

สุดท้ายนี้ อยากบอกว่าอย่าคิดมาก คนเขาถามด้วยความอยากรู้เฉยๆ
ก็มี ถามแบบโยนหินถามทางก็มี ถามไว้ไปเม้าท์ต่อก็เยอะ ตอบๆ ไปเถอะ เอาที่สบายใจ
ไว้หาได้เมื่อไหร่เราก็สบาย ตอบแค่ ไฮ่ๆ ก็พอ

ภาพ Shohki Eno

AUTHOR