ใกล้วันเด็กเข้ามาแล้ว วันสุดพิเศษที่เด็กเฝ้ารอคอย แต่คงเป็นหนึ่งวันธรรมดาของผู้ใหญ่หลายคน คงไม่แปลกนักหรอก เพราะเราได้ออกเดินทางผ่านห้วงเวลานั้นมาไกลแสนไกล รู้ตัวอีกทีเราก็หลงลืมความรู้สึกตื่นเต้น และเฉยชากับความสุขเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นไปเสียแล้ว เหลือไว้เพียงความทรงจำดีๆ ให้หวนนึกถึงเท่านั้น
‘วัยเด็ก’ ถือว่าเป็นช่วงอายุที่มีความสุขที่สุดตลอดชีวิตของคนคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เป็นวัยที่เราสามารถเล่นสนุกแบบสุดเหวี่ยง หัวเราะและยิ้มกว้างให้กับเรื่องง่ายๆ หรือเมื่อเสียใจก็ร้องไห้ได้แบบไม่อายใคร เสมือนเป็นโควตาพิเศษของช่วงวัยที่ไม่ว่าจะทำตัวไร้สาระหรือผิดพลาดแค่ไหน ผู้คนก็มักจะมองข้ามและให้อภัยได้ง่ายๆ เพียงเพราะมองว่าเราเป็น ‘เด็ก’
แต่ใช่ว่าวัยเด็กของทุกคนจะมีความสุขดั่งกับนิทานที่เคยอ่านเสมอไป การเติบโตขึ้นมาในสภาพครอบครัวและสังคมที่ต่างกัน ย่อมส่งผลโดยตรงต่อชีวิตของเด็กคนหนึ่งที่จะเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า สำหรับเด็กบางคนอาจเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความรักและความหวังดีจากครอบครัว แต่กับบางคน ครอบครัวอาจไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยสำหรับใจมากนัก
การประกอบสร้างขึ้นมาของเด็กคนหนึ่งที่ผ่านเรื่องราวมากมายทั้งสุขเศร้า สมหวังผิดหวัง ความทรงจำที่มีเสียงหัวเราะดังก้อง หรือความทรงจำอันเจ็บปวดที่คอยทิ่มแทงใจ แต่เมื่อเราโตขึ้นมากพอ และมองย้อนกลับไป ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวัยเด็ก ช่วยหล่อหลอมให้เราเป็นเราในทุกวันนี้ อย่างน้อยที่สุดก็เป็นช่วงเวลาที่หันกลับไปมองทีไรก็มีเรื่องให้ยิ้มได้ทุกที
ถ้าวันนี้เราย้อนเวลากลับไปเจอตัวเองในวัยเด็กได้ ก็คงมีเรื่องราวมากมายอยากบอกให้แกฟังเลยล่ะ…
คิดถึงแกจัง…วัยเด็กของฉัน

นานเท่าไหร่แล้วนะ ที่ไม่ได้รอคอยการ์ตูนยามเช้า ออกไปวิ่งไล่ตามรถไอศกรีมที่ขับผ่านหน้าบ้าน หัวเราะจนปวดกรามให้กับมุกห้าบาทสิบบาทของเพื่อน หรือการได้พักผ่อนเต็มที่แบบไม่ต้องคิดอะไรเลยในช่วงปิดเทอม
พอนึกดูแล้วทุกอย่างเหมือนเป็นเพียงฝันดีที่ผ่านมาเพียงชั่วครู่แล้วผ่านพ้นไป เมื่อเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ เราเริ่มไม่รอคอยช่วงเวลาที่ได้ดูทีวี การซื้อไอศกรีมกินกลายเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิต แม้แต่เรื่องตลกที่เคยขำจนท้องแข็งกลับรู้สึกไม่สนุกเหมือนเก่า ยิ่งการนอนหลับสนิทแบบไม่ต้องกังวลกับเสียงนาฬิกาปลุกหรือเสียงแจ้งเตือนใดๆ จากงาน แทบจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลยในชีวิตของผู้ใหญ่
การเติบโตที่ไม่มีพื้นที่ไว้สำหรับ ‘ผู้ใหญ่ที่อ่อนแอ’ แม้เราจะอยากใช้ชีวิตแบบ ‘เด็กๆ’ ต่อไปสักแค่ไหน แต่เมื่อภาระหน้าที่ที่หมุนเวียนสับเปลี่ยนเป็นวัฏจักรได้เดินทางมาถึงคิวของเราแล้ว เราจึงทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับชะตากรรมอันแสนเศร้าเหล่านั้นไว้
และเพื่อดำรงอยู่ให้ได้ท่ามกลางวงจรชีวิตดังกล่าว ทางรอดเดียวของเด็กทุกคนก็คงหนีไม่พ้น การพยายามทำตัวเป็น ‘ผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์แบบ’ ให้ได้มากที่สุด แม้จะต้องแลกมากับการสูญเสียตัวตน ‘วัยเด็ก’ ของตัวเองไปตลอดกาลก็ตาม
ขอโทษที่ไปไม่ถึงฝัน
‘โตขึ้นอยากเป็นอะไร?’ คำถามแห่งชาติที่ผู้ใหญ่ชอบถามเด็กเสมอ หรือแม้แต่ในวิชาแนะแนวสมัยประถม ก็ถึงขั้นมีกระดาษให้กรอกอาชีพในฝันของตัวเอง แล้วออกมาพูดให้เพื่อนฟังหน้าชั้นเรียนเลยทีเดียว
เชื่อว่าในช่วงวัยเด็กของใครหลายคนคงมีความฝันสุดยอดมากมายที่หวังจะเป็นให้ได้ในสักวัน ความสุขที่สุดในช่วงเวลานั้นคงเป็นการได้ซ้อมบทบาทอาชีพในฝันหน้ากระจกคนเดียว หรือแค่ได้เห็นอาชีพนั้นๆ ผ่านหน้าจอโทรทัศน์ก็ทำให้หัวใจพองโตไปเลยทั้งวัน
แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไป หลายปัจจัยที่ผ่านเข้ามาในชีวิตทำให้สิ่งที่เคยวาดฝันไว้อาจกลายเป็นแค่ ‘ความฝันในวัยเด็ก’ เท่านั้น ซึ่งคำนี้เปรียบเสมือนเครื่องตอกย้ำความเป็นจริงแสนเจ็บปวดที่ว่า ความฝันเหล่านั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลยในชีวิตของผู้ใหญ่

‘ความฝันที่ไปไม่ถึง’ คือหนึ่งสิ่งที่สะท้อนความเป็นจริงของชีวิตผู้ใหญ่ได้ดีที่สุดก็ว่าได้ เพราะเมื่อเราโตขึ้นจะพบว่า ในการทำตามความฝันให้สำเร็จได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แล้วยิ่งความฝันของใครหลายคนถูกผูกไว้กับความคาดหวังของครอบครัว เสียงจากคนรอบข้าง ตลอดจนภาระค่าใช้จ่ายที่หนักอึ้ง จึงไม่แปลกนักที่ความฝันที่เคยมีจะค่อยๆ ถูกบดบังจนเลือนหายไปในที่สุด
‘ความรักที่ไม่สมหวังก็ยังเรียกความรัก
แต่เหตุใดความฝันที่ไม่สำเร็จจึงเรียกว่าความล้มเหลว’
Blonote, Tablo
ประโยคเรียบง่ายจากหนังสือที่เคยเปิดอ่าน แต่ช่วยให้เราตกตะกอนความคิดได้อย่างเอ่อล้น ถึงวันนี้เราจะทำตามความฝันไม่สำเร็จ แต่ใช่ว่าเราจะล้มเหลวในชีวิต อย่าโทษตัวเองไปเลยนะ อย่างน้อยครั้งหนึ่งของชีวิตเราก็เคยมีหัวใจที่เปี่ยมไปด้วย ‘ความฝัน’ เชื่อเถอะว่าเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม ความฝันที่เรามีจะวนกลับมาทักทายเราไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ขอบคุณที่อดทนเติบโตมาได้ขนาดนี้

ในชีวิตทุกวันนี้เราต่างเอ่ยคำว่า ‘ขอบคุณ’ กับผู้อื่นอยู่เสมอ แต่หนึ่งคนที่เราแทบจะไม่พูดคำนี้ด้วยเลยก็คือ ‘ตัวเราเอง’ ทั้งที่คนที่อยู่กับเราทุกช่วงเวลาของชีวิต ทั้งสุข เศร้า และผิดหวัง ก็คือตัวเราเองทั้งนั้น เช่นเดียวกับคนที่รู้ว่าตลอดเส้นทางของการเติบโตที่ผ่านมาเราพยายามมากแค่ไหน ก็มีแต่ตัวเราเองเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด
เส้นทางที่ต้องเจออาจไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ก็รู้สึกขอบคุณเด็กคนนั้นจริงๆ ที่อดทนผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากเหล่านั้นมาได้เป็นอย่างดี และเมื่อมองย้อนกลับไปเราก็ไม่เคยเสียใจเลยที่แกทำอะไรไม่สำเร็จเหมือนคนอื่นเขา ไม่เคยโทษแกเลยที่ยังเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีจุดบกพร่องเต็มไปหมด เราอยากขอบคุณแกมากกว่านะ ที่เป็นความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิตของเรา ขอบคุณที่ไม่เคยยอมแพ้ให้กับเรื่องอะไรง่ายๆ ขอบคุณที่มีแกนะ ‘วัยเด็กของฉัน’
อย่าเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่แบบที่เรา ‘ไม่ชอบ’
เพราะผู้ใหญ่ทุกคนในวันนี้ต่างก็เคยเป็นเด็กกันมาก่อนทั้งนั้น เชื่อว่าทุกคนต่างมีคำพูดหรือเรื่องราวบางอย่างที่เคยได้รับจากผู้ใหญ่รอบตัวแล้วฝังใจจำมาจนถึงทุกวันนี้ ถ้าคำพูดนั้นกลั่นออกมาด้วยความปรารถนาดีและถูกสื่อสารออกมาด้วยวิธีการที่เป็นมิตรต่อใจ คงนำพาให้เด็กคนนั้นไปสู่ทิศทางที่ดีต่อไป
ในทางกลับกัน ผู้ใหญ่บางคนมักใช้ถ้อยคำที่รุนแรง และอ้างว่ากระทำไปเพราะความรักความหวังดี แต่คำถามคือ คำพูดเหล่านั้นเป็นการทำเพื่อเด็กจริงๆ เหรอ? หรือเป็นข้อแก้ตัวที่ถูกหยิบเอามาใช้จนเคยชิน เพียงเพราะต้องการให้เด็กทำหน้าที่ตอบสนองต่อความคาดหวังของตัวเองให้ได้ก็เท่านั้น

ข้อความสุดท้ายที่อยากบอกเด็กคนนั้นคือ ไม่ว่าหนทางที่รออยู่ข้างหน้าจะเป็นยังไง แต่จงจดจำและหวงแหนช่วงเวลาในวัยเยาว์ของตัวเองเอาไว้ ที่สำคัญพึงระลึกอยู่เสมอว่า จะต้องไม่เติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่สร้างฝันร้ายให้กับเด็กคนไหนอีกเลย
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
เมื่อเงื่อนไขของการมีความสุขมันช่างยากและซับซ้อนมากขึ้นในชีวิตของการเป็นผู้ใหญ่ ข้อดีเดียวของการเติบโตคงเป็นการที่เราได้เห็นถึงคุณค่าของตัวเราในอดีตที่ผ่านมา ความรู้สึกโหยหาช่วงเวลาของการเป็นเด็ก ช่วงเวลาอันแสนล้ำค่าที่ไม่มีทางย้อนกลับคืนมาได้อีกแล้ว
ภาวนาอย่างสุดหัวใจ ขอให้ทุกคนที่ได้อ่านมาถึงตรงนี้ได้เติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีหัวใจเด็กตลอดกาล อย่าลืมหมั่นทะนุถนอมเด็กคนนั้นอย่างดีด้วยล่ะ พาแกออกมาวิ่งเล่นบ่อยๆ ที่สำคัญทุกครั้งที่หกล้มหรือผิดหวังจากเรื่องใดก็ตาม ก็ขอให้เด็กคนนั้นร้องไห้ไม่นาน และสามารถลุกขึ้นได้อีกครั้งเสมอนะ 🙂