ฉันเกิดมาเป็นไก่ที่ออกไข่เป็นผู้กำกับ! ถอดเบื้องหลังหนังเซียนพระฉบับ ‘เป้ อารักษ์’

ป๊อก ป๊อก ป๊อก กะ ต๊อก! ท่อนฮุกไวรัลที่ติดหูเราในช่วงนี้ พอจะรู้ที่มาของมันหรือเปล่าว่าผู้แต่งเป็นใคร หรือไม่คุณก็อาจตอบได้ว่านี่ต้องเป็นเสียงของ ‘เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ’ แน่ๆ 

และเมื่อพูดชื่อนี้แล้ว ภาพแรกที่ป๊อปอัปขึ้นในหัวคุณเป็นแบบไหน หนุ่มเซอร์ผมยาวหยักศก พร้อมฮาร์โมนิกา และกีตาร์พาดบ่า หากเทียบเคียงใกล้ยุคปัจจุบันให้มากขึ้น ก็น่าจะเป็นวัยรุ่นสวมเสื้อช็อปทรงเด็กช่าง หนึ่งในตัวละครหลักของภาพยนตร์ 4 KINGS เขยิบใกล้เข้าอีกหน่อย ภาพจำคงเป็น ‘เบียร์’ ชายกร้านโลกที่ตกเป็นผู้ต้องโทษใน ‘วัยหนุ่ม2544’ และหลายต่อหลายภาพจำนอกเหนือจากนี้ที่ผุดขึ้นในสายตาผู้ชม เป็นหลักฐานยืนยันแน่ชัดว่าเป้เป็นคนเจนสนามในแวดวงสื่อ

หลังผันผ่านบทบาทนักร้อง นักแสดง นักแต่งเพลง เขาอัปเลเวลตัวเองให้เหนือกว่าเดิมด้วยการเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ที่โกยรายได้หลักร้อยล้านอย่าง ‘เดอะสโตน พระแท้ คนเก๊’ เพียงเท่านี้ก็ฟังดูเก๋ามากแล้ว แต่มันดูโคตรจะเก๋าขึ้นอีก เพราะนี่เป็นการกำกับภาพยนตร์ครั้งแรกของเป้! 

เราจะพามาถอดสูตรความสำเร็จ กระบวนการกว่าจะมาเป็นภาพยนตร์เดอะสโตน เคล็ดลับการเขียนบท และความเซียนของเป้ อารักษ์ ขอเตือนว่าอย่าเผลอละสายตาเชียว ไม่อย่างนั้น คุณคงไม่ทันระวังหลังหรอกว่าหนุ่มคนนี้จะมาไม้ไหนอีก 

หนังไทยเรามีเอกลักษณ์

ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกจะเป็นที่ฮือฮา ถูกหยิบจับมาพูดถึงกันจนติดกระแส จากคอมเมนต์ชาวเน็ตในหลายแพลตฟอร์มแบบไม่แตกเสียงว่าทั้งดิบ ทั้งมันส์ จริงอยู่ว่าตัวละครต่างก็เป็นดาราจรัสแสงกันทั้งนั้น 

แต่เสียงของผู้ชมไม่อาจเป็นไปในทางเดียวกันได้ หากไม่ใช่เพราะบทภาพยนตร์สนุกถึงใจ และเป้ อารักษ์ เขาไม่ได้มาเล่นๆ แค่ในฐานะผู้กำกับ แต่ยังบุกเบิกหยิบเอาเรื่องราวของวงการพระเครื่องมาเขียน รีเสิร์ชอย่างจริงจังแบบกินเวลายาวนานถึง 5 ปี จนเราอดไม่ได้ที่อยากจะพูดคุยกับเขาถึงกระบวนการลึกๆ ของภาพยนตร์ 

ฟังดูจะเป็นเรื่องใหม่อยู่บ้างสำหรับบางคนที่ไม่คุ้นเคยกับพระเครื่องเท่าไหร่นัก แต่เมื่อดูจบแล้ว คุณอาจจะอินจนต้องร้องถาม ‘พระสมเด็จอยู่ไหน!’ ก็ได้นะ 

จากนักร้อง นักแสดง มาสู่ผู้กำกับได้ยังไง

ทีแรกเราได้พระเครื่องมาจากหนังเรื่องขุนพันธ์ 2 แล้วก็เห็นว่าพระเครื่ององค์หนึ่งมันแพงมากๆ เลย ดูแท้เก๊ด้วยวิทยาศาสตร์ไม่ออก มันดูกันด้วยตาคนบวกกับความเชื่อเก่าแก่ ทำให้รู้สึกว่าประเด็นนี้น่าเขียนบทนะ เราก็เริ่มรีเสิร์ชมาเรื่อยๆ ผมแค่รู้สึกว่าเราทำได้ แล้วก็เริ่มลองเขียนเรื่องที่ตัวเองสนใจ ไม่ใช่แค่พระเครื่องเท่านั้นนะที่ลองเขียน

ก็คือฝึกวิชาจากตรงนั้นแหละ ส่วนการกำกับ เริ่มมาจากการฝึกกำกับ MV ของตัวเองกับ คุณบี วุฒิพงษ์ ตั้งแต่ ‘เห็นหน้าเธอฉันเจอแต่ปัญหา’ ในอัลบัม Big หลายๆ คนก็บอกว่านี่มึงข้ามขั้นนะ กำกับ MV แต่ไม่เคยเล่า Dialogue อยู่ดีๆ มาทำหนังใหญ่เลย ตอนแรกเราก็เขียนหนังสั้นก่อน แต่คุณพุฒิพงษ์ นาคทองเขาบอก “เป้! มึงไม่ต้องทำหนังสั้นแล้ว ข้ามไปทำหนังใหญ่เลย” จากนั้นก็เริ่มเขียน Treatment แล้วเสนอค่าย

ทำไมถึงเลือกประเด็นเป็นเรื่องพระเครื่อง

หลายคนบอกว่าถ้าเป็นเรื่องแรกให้ทำเรื่องที่มันใกล้ชิดกับตัวเอง แต่ถ้าให้ผมทำเรื่องดนตรีกับมวย ผมไม่ต้องรีเสิร์ชเลยนะ มีคนทำเยอะแล้วด้วย ผมก็เขียนเรื่องพวกนี้แต่รู้สึกว่าพระเครื่องน่าสนใจ แล้วยังไม่มีใครทำ ถ้าเราไม่ทำเดี๋ยวโดนแย่ง คิดว่ามันเป็น Original topic มากๆ มันเกิดแค่ในประเทศไทย ผมอยากทำอะไรที่มันเป็น Thailand only อยากทำหนังที่ Hollywood สู้ไม่ได้ พูดแบบโม้ๆ เลยนะ (หัวเราะ) เพราะ Hollywood ทำเรื่องนี้ไม่ได้ ถ้าเราไปทำหนัง CG หรืออะไรที่มันไม่ไทย มันก็จะแพ้ตั้งแต่เริ่มต้นแหละ หนังไทยเรามีเอกลักษณ์หลักๆ ก็เรื่องหนังผี เรื่องความเชื่อ อย่าง ขุนพันธ์ หลานม่า วัฒนธรรมไทยที่เข้าใจกันทั่วโลกมันออกสู่สากลได้ ก็คิดว่าต้องดันเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก

คุณสนใจพระเครื่องมาตั้งแต่แรกเลยรึเปล่า

ไม่ครับ ผมเขียนก่อน ไม่ได้อินวงการพระตั้งแต่แรก ในฐานะนักแสดงเวลาได้บทอะไรมาก็ต้องเข้าไปศึกษาก่อน อย่างเช่นได้บทคนคุกก็ต้องเข้าไปคุยกับคนที่เคยติดคุก ผมอยากทำหนังพระเครื่องก็ต้องเข้าไปศึกษาวงการนี้ เสียเงินเช่าพระองค์แรกคือตอนที่โปรเจกต์ผ่านนะ ไฟเขียวปุ๊บก็ไปเช่าพระจากเอ็ม (เอ็ม หัตถ์เทพ) เลย

หลังจากที่หลุดเข้าไปอยู่ในคอมมิวนิตีนี้แล้ว มีอะไรที่เป็นเรื่องใหม่สำหรับคุณบ้าง

โอโห! มหาศาล แค่คำศัพท์อย่างสวดพระ แปลว่าอะไร (เป้หันมาถามเราที่นั่งเหวอแล้วร้อง ห้ะ!) แค่เนี๊ยะ เดี๋ยวถ้าไปดูหนังจะเจอมากกว่านี้อีก สวดพระคือการด่าพระว่าเฮ้ย! พระองค์นี้ไม่สวย บางทีมีเยอะกว่านี้อีกแต่เราเอามาลงหนังได้เท่านี้

คุณเริ่มรีเสิร์ชและเขียนบทยังไง 

ตอนแรกเขียนพล็อตแล้วปรึกษาคุณนันทวุฒิ รับบทเป็นเซียนแว่นในเรื่อง เขาอธิบายให้ผมฟังทั้งเรื่องระบบและวิธีการของวงการพระเครื่อง แล้วเราก็เอาข้อมูลไปรีเสิร์ชในอินเทอร์เน็ตต่อ จนไถฟีดเจอพี่บอย ท่าพระจันทร์ กำผลังไลฟ์สดอยู่ เราฟังแล้วก็ยิ่งอยากทำเรื่องวงการพระในยุคใหม่ พี่พุฒิ (พุฒิพงษ์ นาคทอง) ก็แนะนำเพื่อนเขาเป็นเซียนพระดังชื่อเอ็ม หัตถ์เทพ ผมเลยเข้าไปถามว่าระบบของวงการพระเป็นยังไง เริ่มเข้าพันธุ์ทิพย์ได้เจอพี่นัท แฟนพันธุ์แท้ หลังจากนั้นก็ได้เจอเซียนพระมากมายหลายคน 

ย้อนกลับไปคุณเคยลังเลไหมว่าอยากจะเล่าประเด็นอื่นที่ไม่ใช่พระเครื่อง 

ไม่ลังเลเลยครับ เพราะอยากทำเรื่องนี้ก่อน ไม่งั้นจะมีคนทำก่อน แล้วพอมาทำจริงๆ ก็คิดว่าไอหนังที่เคยเขียนมันอาจจะไม่เวิร์กก็ได้ มันก็เจ๋งนะ แต่เรื่องราวมันอาจจะเล็กไปแล้วกับโลกภาพยนตร์ในโรงสมัยนี้ 

ผมตั้งใจทำหนังแมส

แม้ว่าระหว่างทางเขียนบทจะไม่ง่าย แต่เมื่อแพสชันอยากทำหนังแรงแซงโค้ง ไม่ว่าจะต้องฝ่าอะไร เป้ก็พร้อมจะฟันมัน เขาลงแรงหาโลเคชันที่ว่าเหมาะเหม็งที่สุด นั่งจ๋องคุยกับเหล่าเซียนพระค่อนคืน และพันธุ์ทิพย์ก็กลายเป็นบ้านหลังที่ 2 อยู่ชั่วยาม สมัยนี้ใช่ว่าเราจะควักเงินซื้อตั๋วหนังกันได้ง่ายๆ ด้วยราคาตั๋วที่สูงขึ้น หัวหมุนกับชีวิตจนแทบไม่มีเวลาเข้าโรง แต่ในสถานการณ์ที่ผกผันขึ้นลงของตลาดหนัง เป้ก็ยังยืนยันว่าหนังเรื่องนี้มันจะแมสแน่! เขาตอบเราด้วยแววตามุ่งมั่นราวว่าหนังยังไม่ออกฉาย

อะไรที่ทำให้มั่นใจว่าหนังเรื่องนี้จะแมส

นั่นน่ะสิ เออ ผมก็คิดเหมือนกันว่าทำไม แล้วผมก็ไม่ยอมให้คนอื่นกำกับด้วยนะ แม้แต่เพื่อนๆ ที่เป็นผู้กำกับด้วยกันเขาก็ไม่ค่อยเชื่อมือผมกันนะ บอกว่ามึงไม่เคยกำกับหนังใหญ่แล้วจะทำได้ไหม ผมก็ไม่แน่ใจว่าผมทำได้เพราะอะไร แต่ผมก็เอาเพื่อนที่คิดว่าเก่ง อย่างบี วุฒิพงษ์ มาอยู่ด้วยกัน เป็นเพื่อนคู่คิดว่าจะทำงานให้มันสำเร็จไปได้ ผมออกไอเดียได้ สั่งได้ แต่บีเป็นคนช่วยจบงาน 

อีกอย่างผมมองว่าพระเครื่องแมสอยู่แล้ว คนฟอลพี่บอยท่าพระจันทร์ ฟอลเอ็มหัตถ์เทพ 3 ล้านกว่าคน ตลาดมันใหญ่มาก อย่างซีน Trailer ในศูนย์ราชการที่มีคนเป็นพัน นั่นคือตลาดพระเครื่องใน 1 วันนะ แต่ทางพี่กอล์ฟ พี่หนุ่ม เขาก็ไม่ได้มองว่ามันง่ายขนาดนั้น เพราะตลาดหนังที่แมสจริงๆ มันคือหนังตลกกับหนังผีที่มันฟังดูแมส หรือว่าพวกหนัง Remake เก่าๆ แต่ผมก็เชื่อว่ายังไงก็แมสนะ 

ครั้งแรกที่ส่งบทไปให้ค่ายโดนแก้เยอะไหม

ค่ายแรกที่ไปเสนอก็บอกว่าเป็น Big idea ดี แต่อยากให้แก้ข้างใน ค่ายที่ 2 เหมือนไม่กล้าลงทุนเยอะมากก็เลยแยกย้ายกัน สุดท้ายมาเจอพี่กอล์ฟ ปวีณ กับ พี่หนุ่ม สุรวุฒิ เขาบอกว่าอยากทำเรื่องนี้แหละ แต่ข้างในจะแก้เยอะเลยนะ เพราะเราก็ไม่เคยเขียนหนังมาก่อน เขาก็แก้จนมันสามารถเป็นหนังได้ แต่ก็เป็นการประนีประนอมกัน ผมก็ไม่ได้บอกว่าแบบที่แก้แล้วมันจะถูกใจผมกว่าแบบเก่านะ แต่เราไม่ได้ทำหนังดูเอง ผมก็เลยรับฟังความคิดของพี่ที่ผมเชื่อ อยากทำให้เขาแฮปปี้กันได้ก่อน นั่นคือจุดประสงค์หลัก เราไม่ได้จะทำหนังอาร์ต เราตั้งใจทำหนังแมส คนดูแล้วชอบ ถ้าคนใกล้ตัวเรายังไม่ชอบ มันก็ไม่น่าเปิดดู จนไปถึงมือครูเงาะ เขาก็อ่านแล้ววิจารณ์บท เราก็เอากลับมาแก้อีก ก็ค่อยๆ ทำไปเรื่อยๆ

เขาแก้ยังไงบ้างกว่าจะถึงจุดที่เรียกว่ามันดีแล้ว

ก็เปลี่ยนสถานการณ์ รวบให้มันน้อยลง เปลี่ยนโลเคชัน อย่างเช่น ตอนเซียนหมวยหย่อนพระเอกลงน้ำ ตอนแรกผมเขียนไว้อยู่หน้าตู้เฮียเซ้งเลย แต่ต้องย้ายไปอยู่ตรงบาร์บีคิวพลาซ่าแทน เรื่องราวเยอะแยะที่เปลี่ยนไป อะไรที่มันได้ในความคิดเรา มันอาจจะไม่ได้สำหรับหลายๆ คนก็ได้

ต้อง Real ที่สุด

ไม่ใช่แค่วงการพระเครื่องที่มีเรื่องเร้นลับซุกซ่อนอยู่ ในที่นี้ เราไม่ได้หมายถึงสิ่งเหนือธรรมชาติอย่างเดียว แต่กับคนก็ด้วยเหมือนกัน เป้เลือกที่จะนำความเบสิกที่สุดในวงการ บอกเล่าผ่านตัวละครวัยรุ่นที่นำแสดงโดยเจ้านาย-จินเจษฎ์ วรรธนะสิน เด็กหนุ่มใจกล้าขโมยพระเครื่องของพ่อมาขาย และอ๊ะอาย-กรณิศ เล้าสุบิณประเสริฐ สาวหมวยที่พยายามตะกายตัวเองให้สูงขึ้นในวงการพระ หากคุณบังเอิญเดินผ่านสถานที่ขายพระเครื่องวางเรียงกันเป็นแถบบนตึกพันธุ์ทิพย์ คงจะได้เห็นเสื้อผ้าหน้าผมที่โคตรเฉพาะตัวของบรรดาเซียนพระเป็นแน่ เป้ถ่ายทอดมันออกมาชนิดว่าเห็นแบบไหนก็ถ่ายแบบนั้น แล้วมันก็ยิ่ง Real ขึ้นไปอีก เมื่อเป้จับเซียนพระตัวจริงให้ออกมาโลดแล่นแสดงเป็นตัวเองอยู่ในฉาก

กำกับหนังครั้งแรกยากไหม

ยากครับ บางทีก็เหนื่อย เพราะมันต้องสื่อสาร บังคับกัน ทำให้บางทีก็ไม่สนุก แต่ถ้าอยากได้งานก็ต้องทำ สิ่งที่เป็นศัตรูของเราคือเวลา ไม่ว่าจะถ่ายหรือจะเวิร์กช็อปแต่ละครั้งเวลาไม่เคยพอเลย ไม่เหมือนเขียนบทที่ใช้เวลากับมันได้สบายๆ แต่ทีมงานเราเป๊ะตลอด คนในกองให้ความร่วมมือกันดี 

สำหรับผม การเป็นผู้กำกับง่ายกว่าเขียนบท ถ้าเป็นนักแสดง เป็นนักร้องก็ยังมีวิธีการทำให้มันถูกคีย์ มีแบบแผน แต่การเขียนมันไม่มีแบบแผนเลย แม่งต้องมาจากอากาศ ถึงแม้ผมจะเขียนเพลงมาหลายอัลบัม แต่เวลาได้อะไรมาก็จะรู้สึกเหมือนลูกฟลุกตลอด แต่สำหรับการกำกับมันไม่ใช่ ด้วยความที่เราใหม่แล้วก็เป็นครั้งแรก วิธีการทำงานของเราเป็นแบบเด็กเนิร์ด ทำทุกอย่างอยู่ในกระดาษ ถ้าวันนี้ถ่ายตามในกระดาษได้หมดก็คืองานเสร็จ คุณได้หนังแล้วนะ ส่วน Magic ที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นโบนัส 

ในพาร์ตของ Art Direction คุณมีกระบวนการออกแบบหนังเรื่องนี้ยังไงบ้าง

ผมเห็นยังไงก็ถ่ายแบบนั้นแหละ แค่คุณเดินเข้าไปในตลาดพระก็จะเห็นเซียนพระเขาแต่งตัวกันโคตรมันส์อยู่แล้ว อยากให้ Art direction ออกมาเรียลที่สุด แต่สุดท้ายก็ต้องแต่งเติมขึ้นมาอยู่ดี ทีมอาร์ต ทีมเสื้อผ้าก็ดีไซน์กันมาเพิ่ม พวกตัวละครที่เราเห็นกันในเรื่องยังไง ตัวจริงในตลาดพระเขาก็แต่งอย่างนั้น อย่างเซียนหมวยนี่ไม่ต้องสืบเลย ก๊อปมาจากไดอาน่า อริส รวมถึงโลเคชันหลักของพ่อสุนทร เราตีความให้ร้านพระเป็นเหมือนร้านเพชร ทำให้ดูมีค่าขึ้นมา

การตัดต่อโบ๊ะบ๊ะมาก เป็นความตั้งใจตั้งแต่แรกเลยไหม

ผมบอกคุณฟลุค มือตัดต่อที่เคยทำเรื่อง Tomorrow and I ว่าอยากได้หนังประมาณนี้นะ เขาก็บอกผมตัดเร็วอยู่แล้วพี่ ผมก็เออ งั้นมึงโชว์ให้ดูหน่อยว่าเร็วแค่ไหน แต่ก็คอยบาลานซ์ให้ยังเล่าเรื่องในแบบที่เราอยากเล่าอยู่ ผมอยากให้มันเป็นหนังตื๊ด หนังแดนซ์ แต่ละซีนที่เห็นก็คือผมลงเพลงมาแล้วตั้งแต่ตอนเขียนนะ แค่มีบ้างที่มาลงทีหลัง

พระที่ใช้ในเรื่องไปหามาจากไหน

หนังเรื่องนี้ประกอบไปด้วยพระหลายแบบ เป็นพระที่ผมซื้อมาซะเยอะ อะไรที่เรา insert เข้าไปใกล้ๆ จะเป็นพระแท้ทั้งหมด ไปยืมเพื่อนบ้าง แต่ก็มีพระเก๊ด้วยหรือไม่ก็สร้างใหม่โดยไม่ปลุกเสก เรามองว่าเป็นเรื่องของงานศิลป์มากกว่า เพราะเราก็ไม่ได้มีตังเยอะขนาดจะเอาเงินมาซื้อพระแท้เข้าฉากทั้งหมด อย่างพระสมเด็จในเรื่องก็ก๊อปมาจากองค์จริงที่ราคา 150 ล้าน แต่เราไม่สามารถทำให้มันเหมือนจริงแบบที่เซียนดูไม่ออกได้ มันแพง! 

สำหรับคนบางกลุ่มก็ยังมองว่าการเล่นพระเครื่องเป็นการหากินกันคุณมีความคิดเห็นยังไง

เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมาแล้วอ่ะ มันเกิดขึ้นมานานแล้วด้วย ถ้าไปหลอกกันน่ะผิดอยู่แล้ว แต่ถ้าเรามองหลักการจริงๆ ของพระเครื่อง มันคือการให้ของกันเพื่อทำให้ยังสามารถอยู่ได้ เป็นตัวแทนของความดี คนเอาไปห้อยแล้วรู้สึกใกล้ชิดกับศาสนามากขึ้น อย่างตัวผมก็ได้รับการเข้าใกล้พระพุทธศาสนาจากพระเครื่องเป็นจุดแรก จากที่เราห่างไป ตอนนี้เราก็เข้าวัดมากขึ้น คุยกับพระอาจารย์ ได้ฟังคำสอนของเกจิ การที่มีพระอยู่บนคอสำคัญเหมือนกันว่าเราจะไม่ทำอะไรเลวๆ อันนี้คือจุดประสงค์หลักของพระเครื่องในการดึงคนเข้ามา จุดประสงค์รองก็คือบางทีศาสนาต้องมีการทำนุบำรุง มีแง่มุมที่บอกว่าเราต้องสมถะให้มากที่สุดสิ แต่ก็จะมีความคิดอีกแบบว่าถ้าทำแบบนั้นมันจะหายไป แต่ละประเทศก็ไม่เหมือนกัน

เผยเคล็ดลับวิธีเขียนบท

จากที่เห็นเป้ปลดปล่อยโลกในหัวของตัวเองออกมาจนเกิดเป็นภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้น ดวงตามุ่งมั่นที่ฉายแววตั้งใจ และไปสุดในทางของตัวเอง ได้เริ่มทอดสะพานเส้นทางผู้กำกับให้แก่เขาแล้ว ในวันที่น้อยคนจะเชื่อว่าเขากำกับหนังได้ แต่สูตรสำเร็จที่เป้ถอดออกมาก็พิสูจน์ให้เห็นผ่านสายตาผู้ชมทั่วประเทศ ไม่แน่ใจว่าเขากลายเป็นขวัญใจของคนในวงการพระเครื่องไปแล้วหรือเปล่า 

เพราะระหว่างที่เป้เดินผ่านย่านท่าพระจันทร์ซึ่งเป็นแหล่งพระเครื่อง บรรดาชาวร้านพระลากไปยันแผงลอยพระต่างก็พูดว่าเป้มาอีกแล้ว เป้มาแล้ว ทำเอาเชื่อเลยว่าแม้หนังเรื่องนี้จะออกจากโรงไป แต่คนก็คงไม่ลืมกันไปง่ายๆ ทั้งเดอะสโตน และอารักษ์ อมรศุภศิริ

ตอนหนังเสร็จสมบูรณ์เป็นภาพอย่างที่เราต้องการไหม 

วันนั้นผมเดินออกมาจากห้องตัด พี่กอล์ฟบอกว่า “มึงไม่ต้องเครียดละ หนังมึงเจ๋งแล้ว” ผมก็คิดอย่างนั้นมาตั้งแต่ทำบทนะ คือมันเป็นความเพี้ยนของผมอย่างหนึ่ง เวลาทำงาน ผมจะชอบงานตัวเอง เพลงที่คุณล้อๆ กันผมก็เคยชอบมันมากๆ เหมือนกัน จนคุณมาล้อกันผมเริ่มไม่ชอบมันละ (หัวเราะ) ก็อาจจะมีชอบน้อยลงแหละ แต่ ณ เวลาที่มันปล่อยออกมาผมจะชอบมันมากๆ แล้วยิ่งเห็นคนชอบไปกับเราด้วย หรือเขาติตรงนี้ เราก็จะเออทำไมตอนนั้นเราไม่เห็นนะ เราก็สนุกกับการได้รับคอมเมนต์ ดูว่าอันไหนมีประโยชน์ก็รับไว้ ยินดีมากๆ ที่จะวิจารณ์ ผมชอบอ่าน

ความรู้สึกของการเป็นผู้กำกับหนังครั้งแรกเป็นยังไง

ทุกคนชอบบอกว่าเฮ้ย! เรื่องแรกได้ขนาดนี้อ่ะก็ดีแล้ว แต่ผมไม่เคยคิดว่าผมทำเรื่องแรกเลยนะ แปลกดี อาจจะเป็นเพราะว่าผมชอบมันมากล่ะมั้ง ก็เลยไม่คิดว่าต้องไปเทียบกับคนอื่นที่ทำเรื่องแรก คิดไว้เล่นๆ ว่าจะเอาเป็นอาชีพหลักเลย ฉันจะเขียน ฉันจะกำกับนะ แต่ตลาดหนังมันไม่ง่ายเลย เราก็เลยต้องคิดใหม่ว่าเรื่องต่อไปต้องเป็นเรื่องที่แจ๋วที่สุดเท่าที่คิดออก เหมือน The Stone ที่เคยทำได้ ช่วงที่ทำ The Stone ผมดูหนังใคร ผมก็จะบอกว่าหนังตัวเองสนุกกว่าตลอด คือแบบว่าเซลฟ์จัดๆ เลย หมายถึงในแง่ที่ว่าเราชอบหนังตัวเองมากนะ แล้วก็หวังว่าคนดูจะรู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน

เผยเคล็ดลับวิธีเขียนบทให้ฟังหน่อย

ยังไม่ต้องลง Dialogue แต่ถ้าเขียน Treatment จะยาวเท่าไหร่ก็เรื่องของคุณ เสร็จแล้วตัดให้เหลือแค่ 1 หน้า A4 ให้ได้ แล้วก็เขียนแบบ 10 หน้าไว้ด้วย แบบ 20 หน้า แบบ 40 – 60 หน้าไว้ด้วย หลังจากนั้นถึงจะเป็น Screenplay หนังมันอยู่ที่ 1 – 2 ชั่วโมงครึ่งนะ แต่คุณต้องสามารถเขียนทั้งหมดนี้ได้ ตอนแรกอยากจะใส่อะไรก็ใส่ แล้วค่อยย่อมันลง ย่อเสร็จก็ขยายขึ้น บทจะเขียนให้สนุกยังไงก็ได้ แต่ถ้าเป็นตัว Shooting script คือต้องทำให้มันไปสู่เป้าหมายให้ได้มากที่สุด คนในกองจะเดินตามแผนที่ของเรา ผมเองยังวาง Shooting script หลวมไปหน่อย มันต้องละเอียดมากๆ 

แล้วถ้าเกิดว่าหนังมันขาดทุนขึ้นมาล่ะ จะยังอยากทำอยู่ไหม

มันไม่ขาดทุนแล้วอ่ะดิ ทำไงดีอ่ะ (หัวเราะ) ไม่อยากครับ ถ้ามันเจ๊งนี่ผมทำอะไรไม่ถูกเลย 

แล้วเราชอบตัวเองในบทบาทไหนที่สุด 

มันก็สนุกหมดเลยนะ ผมโชคดีมากที่ได้ทำหลายๆ อย่าง แต่การเป็นนักแสดงผมว่าตัวเองเอาอยู่มากที่สุด อย่างดนตรีก็ควบคุมลำบาก เราก็ยังไม่ได้เก๋าที่สุดในวงการดนตรี

มีอะไรที่อยากลองอีกไหม

ไม่มีแล้วครับ แค่อยากทำหนังเจ๋งๆ ไปเรื่อยๆ

‘นี่อาจไม่ใช่หนังไทยที่ดีที่สุด แต่สำหรับผมมันเป็นหนึ่งในหนังไทยที่ดีที่สุดแน่นอน ไม่ต้องลังเลเลย ไปดูเถอะครับ ผลงานการกำกับหนังเรื่องแรกของเป้ อารักษ์ ถ้าหนังไทยทำได้แบบนี้ทุกเรื่อง ผมก็จะซื้อตั๋วหนังไปดูทุกเรื่องเช่นกัน’ จากความคิดเห็นของผู้ใช้กระทู้พันทิปท่านหนึ่ง

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

นอยบอย

ช่างภาพที่ชอบนอยเพราะน้ำตาลตก 🥲