หมดยุคโปรโมตไอดอลบนป้ายรถไฟฟ้า ชาวแฟนด้อมเกาหลีขอกระจายรายได้ให้ตุ๊กตุ๊ก

หมดยุคโปรโมตไอดอลบนป้ายรถไฟฟ้า ชาวแฟนด้อมเกาหลีขอกระจายรายได้ให้ตุ๊กตุ๊ก

ที่ผ่านมาเวลาเดินทางโดยรถไฟฟ้าหรือไปเดินห้าง เรามักจะเห็นป้ายประชาสัมพันธ์ หรือป้ายสุขสันต์วันเกิดไอดอลเกาหลีตามจอ LED ริมผนังที่เกิดจากการร่วมลงขันของกลุ่มแฟนคลับ ซื้อพื้นที่ป้ายหวังมอบเป็นของขวัญให้ศิลปินคนโปรด จนกระทั่งไม่นานมานี้ บนโลกออนไลน์เกิดแคมเปญรณรงค์ให้ชาวแฟนด้อมหันไปสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในมูฟเมนต์เกี่ยวกับการเมือง นี่คือที่มาที่ไปที่ทำให้เราได้มีโอกาสเห็นเหล่าไอดอลเกาหลีไปปรากฏตัวตามป้ายประชาสัมพันธ์ในที่แปลกตาออกไป ไม่ว่าจะเป็นรถแดงที่เชียงใหม่ เรือเจ้าพระยา หรือแม้กระทั่งรถตุ๊กตุ๊ก

ช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา กลุ่ม A.R.M.Y หรือกลุ่มแฟนคลับของวงบังทันบอยส์ (BTS) ได้ทำโปรเจกต์ซื้อพื้นที่ป้ายโฆษณาหลังรถตุ๊กตุ๊กอวยพรวันเกิดให้ 2 สมาชิกในวง ได้แก่ คิม ซอกจิน (จิน) และคิม แทฮยอง (วี) ที่เกิดในเดือนนี้ผ่านรถตุ๊กตุ๊กทั้งหมด 15 คัน โดยเน้นย่านสยาม-สุขุมวิทที่มีผู้คนพลุกพล่าน

ตัวแทนอาร์มี่ผู้จัดทำโปรเจกต์ในครั้งนี้ได้ทวีตเล่าว่า เหล่าคนขับรถตุ๊กตุ๊กรู้สึกดีใจมาก เพราะมีรายได้เพิ่มขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจฝืดเคืองจนกลายเป็นไวรัลคนรีทวิตหลักหลายหมื่น 

“มันเริ่มมาจากเรามีไอเดียว่าอยากทำโปรเจกต์วันเกิดให้ 2 สมาชิกบังทัน โดยอยากให้เป็นโปรเจกต์ที่มีความเป็นประเทศไทยอยู่ในนั้น หากศิลปินเห็นจะได้รู้ว่าอาร์มี่ไทยคิดถึงพวกเขานะ เพราะปกติเราจะเจอหน้าพวกเขาทุกปี ถ้าเขาไม่มาประเทศไทยเราก็ไปหาที่เกาหลี แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ไม่ได้เจอกัน เราจึงเลือกใช้มีเดียเป็นป้ายโฆษณาบนรถตุ๊กตุ๊ก เพราะมันสื่อถึงความเป็นประเทศไทยได้ชัดเจน” 

เธอเล่าต่อว่าขั้นตอนในการประชาสัมพันธ์ผ่านรถตุ๊กตุ๊กนั้นไม่ยุ่งยากเลย แบ่งเป็น 2 ส่วนหลักคือ หนึ่ง–ขั้นตอนการออกแบบกับการสั่งผลิต และสอง–การประสานงานกับรถตุ๊กตุ๊ก ดีลเรื่องราคา จำนวนคัน เส้นทางที่ให้บริการ และนัดวันติดตั้งป้าย หน้าที่อีกอย่างของผู้จัดทำคือกระจายข้อมูลทั้งหมดให้กับแฟนคลับคนอื่นๆ ในกลุ่มทราบ เพื่อที่จะได้วางแผนถ่ายรูปเก็บเป็นความทรงจำกัน

จุดที่น่าสนใจคือ หลังจากที่โปรเจกต์นี้เป็นไวรัล แฟนด้อมวงอื่นๆ ก็ได้นำไอเดียนี้ไปทำตาม รวมถึงขยายไปสู่ผู้ประกอบการรายย่อยเจ้าอื่นๆ ด้วย ซึ่งทีมอาร์มี่เองมองว่าเป็นเรื่องที่ดี 

“น่ายินดีที่การทำโปรเจกต์เพื่อฉลองวันเกิดศิลปินที่เรารักสามารถกระจายรายได้ไปสู่ผู้ประกอบการรายย่อย ช่วยให้พวกเขามีรายได้เพิ่มขึ้นในภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่เช่นนี้ และทีมเราก็ดีใจมากๆ ที่กระแสตอบรับดีเกินคาด เหมือนเป็นมิติใหม่ของการแสดงความรักต่อศิลปินและยังได้โปรโมตประเทศไทยไปในตัวอีกด้วย”

“เราอยากเห็นมูฟเมนต์การกระจายรายได้ที่ยั่งยืนกว่านี้ไปพร้อมๆ กับการทำโปรเจกต์ให้บรรลุวัตถุประสงค์ของแฟนคลับ อยากให้ทุกแฟนด้อมหันมาทำโปรเจกต์วันเกิดศิลปินที่สามารถขับเคลื่อนช่วยเหลือสังคมไปในเวลาเดียวกัน เช่น การบริจาคให้องค์กรต่างๆ เพื่อนำไปพัฒนาและช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนต่อไป”

เมื่อถามถึงความเกี่ยวข้องของการติดตามศิลปินและการเมืองสังคม ตัวแทนอาร์มี่ก็แสดงความเห็นในมุมมองของเธอว่า “สำหรับเราจุดเริ่มต้นของการตามศิลปินคือผลงาน ภาพลักษณ์ และทัศนคติของศิลปิน ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการเมืองเลย แต่เพราะการติดตามศิลปินเกาหลีทำให้มีโอกาสได้เห็นมุมมองความคิดของเขา บางครั้งเพียงถ้อยคำที่เขาสื่อสารกันในชีวิตประจำวันหรือในรายการวาไรตี้ก็แฝงความเป็นประชาธิปไตยลงไปในข้อความนั้นแล้ว”

“ในช่วงหนึ่งของรายการวาไรตี้ที่มีบรรยากาศสนุกสนาน คิม นัมจุน ลีดเดอร์ของวงบังทันก็แสดงความเห็นว่า “ความเห็นส่วนน้อยก็ถือเป็นความเห็นในประเทศแห่งประชาธิปไตย” นอกจากนี้ไม่ใช่แค่เรื่องการแสดงความคิดเห็นเท่านั้น เรายังได้เห็นการพัฒนาในด้านต่างๆ ของเกาหลีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเกี่ยวข้องกับการเมืองทั้งนั้น จึงทำให้เราอดตั้งคำถามไม่ได้ว่าทำไมในเรื่องสำคัญๆ เช่น สาธารณสุข การศึกษา หรือคมนาคม ประเทศเราถึงยังไม่สามารถพัฒนาได้อย่างทั่วถึง”

นี่คือตัวอย่างหนึ่งของการแสดงความรักต่อศิลปินอย่างสร้างสรรค์และได้ประโยชน์ทั้งตัวศิลปิน แฟนคลับ และประชาชนด้วยกัน นับเป็นปรากฏการณ์ที่ชวนให้เราติดตามว่า เหล่าแฟนคลับจะสร้างมูฟเมนต์น่าสนใจใดๆ อีกในอนาคต

AUTHOR