A Familiar Taste of A Faraway Place

สัมผัสแรกของอาหารลับแลคือรสชาติอร่อยคุ้นลิ้น
แตกต่างจากชื่อลึกลับของมัน

“อาหารมันจะกึ่งๆ ผสมๆ นะ เพราะมาจากเมืองแห่งการต้อนรับ”
พี่ตา-กัญญาวีร์ ศิริกาญจนารักษ์ เจ้าบ้านแห่งร้าน ‘ม่อนลับแล’ ยิ้มแล้วเชิญชวนให้เริ่มตักข้าวก่อนอธิบายต่อ
“ที่นี่เป็นจุดเชื่อมของหลากชาติพันธุ์ เวลามาเจอกันตรงนี้
อะไรที่มีก็ผสมกันเป็นเรื่องเป็นราว มีทั้งอาหารแบบภาคกลาง ภาคเหนือ
มีข้าวพันเป็นแผ่นแป้งแบบเวียดนาม บางจานมีกะทิแต่ไม่หวาน ก็เหมือนอาหารทางพม่าเลย”

นอกจากผู้คนที่หอบเอาตำรับอาหารหลายถิ่นเข้ามา
ห้องครัวใหญ่ของอุตรดิตถ์คือภูเขาและแม่น้ำ ป่ารกชัฏหรือ ‘ป่าโข่’ หยิบยื่นผักผลไม้
แม่น้ำมอบกุ้งและปลาน้ำจืดมาให้ เฉดสีในจานอาหารทำให้เราลายตา ตั้งแต่เขียวอมเหลืองอ่อนของมะม่วงไล่ไปจนถึงเขียวเข้มจัดของผักคันทรง
สีเหลืองของสับปะรด สีน้ำตาลของซอสมะขาม สีแดงอมส้มเรื่อๆ ของกุ้งจนถึงสีม่วงอมชมพูของหอมแดงลูกโต
เรากลืนน้ำลายเอื๊อก แพ้ทางสีสันสวยๆ ของวัตถุดิบและกลิ่นกับข้าวร้อนๆ หอมฉุย

ทั้งตำมะม่วงปลาป่นพริกแห้ง
ที่อาจพลิกแพลงใช้ลองกองหรือผลไม้อื่นตามฤดูกาล แกงป่าผักพื้นบ้านรสเข้มข้น
ใส่สารพันผักจากป่าโข่และกะทิ ตามด้วยคันทรงทอดไข่
ผักท้องถิ่นรสมันกรอบเจียวกับไข่ร้อนๆ กินกับน้ำพริกมะขามหอมกลิ่นถั่ว
ใช้พริกหนุ่มสดผัดมะขามเปียก และกุ้งผัดซอสมะขาม มีทีเด็ดตรงหอมแดงลับแลลูกโตๆ รสจัดตัดกับความเปรี้ยวเผ็ด

“ส่วนนี่ ยำสับปะรดห้วยมุ่น
รวมมิตรของดีจาก 3 อำเภอ สับปะรดอำเภอน้ำปาด มะม่วงหิมพานต์อำเภอท่าปลา
ปลาทอดจากกระชังแม่น้ำน่าน ใส่มะนาวกับหอมแดงทอดอำเภอลับแล”

พี่ตาเลื่อนจานยำสับปะรดมาให้ชิมอย่างภูมิใจ ก่อนจะตบท้ายมื้อนี้ด้วยของว่างเป็นข้าวแคบปิ้ง แผ่นแป้งสีขาวขุ่นบางๆ ปรุงรส โรยพริกและงาเคี้ยวเพลิน เป็นอาหารท้องถิ่นที่รับอิทธิพลแผ่นกระยอหรือใบเมี่ยงเวียดนาม
พลิกแพลงเป็นอาหารได้หลายเมนู

“มันคือแป้งข้าวเหนียวหรือข้าวเจ้าหมัก ล้างเอาความเปรี้ยวออก
ผสมน้ำสะอาดแผ่เป็นแผ่น ตากแดดและน้ำค้างไว้ซักคืน เก็บตอนเช้ามืดให้นิ่มๆ เหนียวๆ
จะเอาไปห่อข้าวเหนียว เข้าป่าเข้านากินก็ได้ ม้วนห่อเส้นหมี่ก็เป็นหมี่พันเหมือนซูชิ
เอามาปิ้งก็เป็นข้าวแคบปิ้ง เหมือนข้าวเกรียบกินเล่นแต่เหนียวกว่า
คนไม่รู้จักอาจจะงงว่าเอาพลาสติกมากินเล่นทำไม”

เจ้าบ้านชาวลับแลอธิบายพลางหัวเราะ
เราบิข้าวแคบมาเคี้ยวกรุบๆ แกล้มกับกาแฟสูตรพิเศษจากคาเฟ่ลับแล ลา ลีกา
ร้านกาแฟในเครือม่อนลับแลที่ผสมเมล็ดกาแฟท้องถิ่นกับเมล็ดพันธุ์ต่างประเทศ แม้เป็นส่วนผสมแปลกใหม่
แต่รสฟิวชันที่ได้ก็อร่อยเข้าท่าทีเดียว

เบื้องหลังความแปลกหน้า
อาหารจากอำเภอชื่อลึกลับต้อนรับเราด้วยรสชาติคุ้นเคย เติมวัตถุดิบท้องถิ่นไปนิด
เหยาะวัฒนธรรมต่างชาติลงไปหน่อย ก่อนเสิร์ฟความอร่อยละเมียดละไมที่กระเพาะส่งเสียงร้องว่า
ยินดีที่ได้รู้จัก

นอกจากม่อนลับแล นี่คือเหล่าร้านอาหารอร่อยของเมืองลับแลที่เราอยากบอกว่าห้ามพลาด

ร้านป้าหว่าง หมี่พันลับแล
ร้านอาหารเล็กๆ ที่คนลับแลวางใจในรสชาติต้นตำรับมากว่า
30 ปี
สองมือของป้าหว่างคลุกหมี่ขาวนิ่มๆ กับผัก แคบหมู และปรุงรสอย่างคล่องแคล่วตามใจปากลูกค้า
ก่อนม้วนเส้นหมี่ด้วยแผ่นข้าวแคบเป็นโรลเหมือนขนมโรตีแท่งผอมบาง เสิร์ฟของว่างแสนอร่อยที่เคี้ยวเพลินได้หลายแท่ง
ถ้ายังไม่อิ่ม ลองสั่งเมนูหมี่คลุก หมี่ถาดใส่ลูกชิ้นทอดจานใหญ่ หรือข้าวแคบดู
เคล็ดลับของป้าหว่างคือความจำเรื่องรสชาติที่แม่นยำ ยิ่งแฟนๆ ขาประจำ เห็นหน้าปุ๊บก็รู้โดยอัตโนมัติว่าชอบกินรสไหน
ความเป็นกันเองและรอยยิ้มใจดีเป็นอีกสาเหตุให้ลูกค้าหน้าเก่าและหน้าใหม่แวะเวียนมาอุดหนุนที่ร้านไม่ขาด
บางคนติดใจตั้งแต่ยังเป็นนักเรียนจนแต่งงานมีลูกสาม
ก็ยังกลับมาหารสชาติของบ้านที่คุ้นเคย

เปิด
10.00 – 17.00 น.หยุดเฉพาะวันจันทร์ (ช่วงเข้าพรรษา
หยุดทุกวันพระ)
ที่ตั้ง: ถ.ราษฏร์อุทิศ ซ.5 (ปากซอยย่าหม้อ)
ต.ศรีพนมมาศ อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์
โทรศัพท์: 084-045-2407

ร้านลอดช่องเค็มป้าลูน
ไม่มีลอดช่องสิงคโปร์สีเขียวหรือน้ำกะทิหวานมัน
เพราะที่นี่ไม่ใช่ร้านขนมหวาน แต่เป็นร้านอาหารท้องถิ่นเฉพาะอุตรดิตถ์
ลอดช่องบีบเส้นสดขาวๆ คล้ายเส้นขนมจีนอวบสั้นต้มน้ำปูนใส คลุกเคล้ากับผักชีใบเลื่อย
ถั่วงอกดอง ปลาป่น ปรุงรสด้วยน้ำปลา มะนาว และพริกป่น รสชาติคล้ายยำขนมจีนที่คนชอบกินเส้นไม่ควรพลาด
ที่สำคัญราคายังถูกอย่างไม่น่าเชื่อว่าเป็นอาหารคาวหาทานยาก สนนราคาอยู่ที่จานละ 5 บาทเท่านั้น ป้าลูนยังมีอาหารเส้นอย่างก๋วยจั๊บร้อนๆ
และหมี่คลุกให้เลือกสรร พร้อมน้ำแข็งไสและขนมถ้วยเป็นตัวเลือกตบท้าย
แต่ละเมนูราคาน่ารักน่าประทับใจจนอยากชวนให้ไปพิสูจน์ความอร่อยคุ้มเกินราคา

เปิด
08.00 – 15.00 น. หยุดเฉพาะวันศุกร์
ที่ตั้ง: ก่อนถึงวัดท้องลับแล หมู่บ้านต้นม่วง
ต.ฝายหลวง อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์
โทรศัพท์: 082-171-1317

ร้านเจ๊นีย์ของทอดลับแล
เห็นกระทะใบยักษ์ใส่น้ำมันร้อนๆ
พร้อมภูเขาเต้าหู้ กุ้ง เกี๊ยว ขนมปัง และผักนานาชนิด ทอดเหลืองอร่ามวางสลับเรียง
แค่ได้กลิ่นท้องก็ร้องจ๊อกๆ อยากชิมรสชาติกรุบกรอบชุบแป้งทอด นอกจากข้าวโพด เผือก
หรือผักเบสิกทั่วไป ไม้ตายของร้านเจ๊นีย์ที่เปิดมาร่วม 30 ปีคือกระบองทอด หรือหน่อไม้ยัดไส้หมูสับปรุงรสทอด ผักพื้นบ้านนี้เป็นซิกเนเจอร์ของร้านที่ไม่ควรพลาด ของทอดทุกจานเคียงด้วยน้ำจิ้มสูตรพิเศษ ผสมรสเปรี้ยว หวาน เค็ม ใส่พริกขี้หนูสวนสดและถั่วลิสงคั่วเองหอมกรอบ
ลองจิ้มของว่างร้อนๆ เข้าปากสักชิ้น เป็นอันต้องเบรกแตกยั้งใจไม่อยู่จนเมนูเพิ่มพลังงานนี้เกลี้ยงจาน