เรื่องนี้เริ่มต้นด้วยอาการสะดุ้งโหยงเมื่อแตะผิวน้ำ
ไม่ต้องไปแช่ออนเซนที่ญี่ปุ่นหรือจุ่มตัวในสระอุณหภูมิสูงของสปาฝรั่งเศส
สัมผัสอุ่นวาบของน้ำแร่ร้อนรักษะวารินเมื่อหย่อนขาลงไปครั้งแรก
ทำให้เรารู้ตัวว่าการพักผ่อนที่แท้จริงเริ่มต้นขึ้นแล้ว
“บ่อน้ำร้อนที่นี่เปิดมานานเป็นร้อยๆ
ปีแล้วครับ สมัยก่อนเป็นแค่บ่อธรรมดา แล้วก็ค่อยๆ พัฒนาจนปรับปรุงล่าสุดเมื่อ 2 – 3 ปีที่แล้ว
ทำให้ทั้งบ่อแช่ตัวและแช่เท้าให้ดีขึ้น”
พี่พิสิษฐ์
มากดวงเทียน เจ้าหน้าที่ศูนย์บริการข้อมูลบ่อน้ำร้อนเล่าเรื่องประกอบภาพ ในวันที่ฝนตกปรอยๆ
เย็นฉ่ำเป็นฉากหลัง สวนสาธารณะรักษะวารินยังคงเป็นจุดหมายของชาวอำเภอเมืองระนอง หลายครอบครัวแช่เท้าไปคุยไปในบ่อน้ำอุ่นเล็กๆ
หลายบ่อ คุณลุงคุณป้าทิ้งตัวลงบ่อกว้างแล้วหลับตา
ฟังเสียงน้ำในคลองหาดส้มแป้นข้างหลังไหลซู่ซ่า บรรยากาศออนเซนไทยๆ สงบสบายจนความเครียดทั้งหลายเลือนหายไปกับอุณหภูมิน้ำ
“ต้นกำเนิดแรกมาจากบ่อพ่อ มีน้ำพุร้อนไหลตลอด
อุณหภูมิประมาณ 65 องศา แล้วก็มีบ่อแม่
และบ่อลูกสาว เป็นบ่อธรรมชาติทั้งหมด 3 จุดครับ เราถ่ายน้ำร้อนมาลงบ่อที่ให้บริการ
น้ำแร่ที่นี่ไม่มีสารตะกั่ว ไม่มีกำมะถัน ดีต่อสุขภาพ เรียกว่าเป็นน้ำแร่ที่ดีที่สุดในประเทศก็ว่าได้”
เจ้าบ้านใจดีกล่าวอย่างภูมิใจ “คนที่ขาอ่อนแรง เป็นอัมพฤกษ์
อัมพาต แช่แล้วอาการดีขึ้น แต่แช่ครั้งแรกแล้วไม่ได้ผลทันทีนะครับ ต้องมาแช่เป็นประจำ”
เจ้าหน้าที่เทศบาลเล่าเสริมว่าหลายคนเดินทางมาจากอำเภออื่น
รวมถึงชุมพร ภูเก็ต และจังหวัดใกล้เคียงเพื่อมาใช้บริการวารีบำบัดของเมือง ‘แร่นอง’ อย่างสม่ำเสมอ
โดยเฉพาะขาประจำที่จะมารับความร้อนแต่เช้า เพราะที่นี่เปิดให้บริการฟรีทุกวัน
และทุกค่ำจะล้างทุกบ่อใหม่หมด ก่อนจะปล่อยน้ำแร่จากบ่อพ่อเข้าไป ให้แต่ละบ่อมีน้ำตั้งแต่อุ่นนิดๆ
ไล่ไปจนถึง 40
กว่าองศาฯ และใสสะอาดอยู่เสมอ
“ถ้าจะมาให้ครบวงจร
ต้องไปนอนที่ลานสุขภาพสัก 10 – 15 นาทีก่อนนะครับ ใต้ลานเป็นบ่อเก็บน้ำแร่จากบ่อพ่อ
น้ำมันเต็มตลอดทำให้พื้นร้อน ชาวบ้านนิยมมานอนให้เหงื่อออกเหมือนซาวน่า
เสร็จแล้วค่อยไปแช่น้ำร้อนทั้งตัว ทำให้เลือดไหลเวียนดี ผิวกระชับ สดชื่นขึ้นด้วย”
พี่พิสิษฐ์ปิดท้ายด้วยรอยยิ้ม แม้สายฝนจะตกไม่หยุดหย่อนในเมืองฝนแปดแดดสี่
แต่พุร้อนใจกลางเมืองระนองยังคงระอุ พร้อมต้อนรับผู้มาเยือนด้วยความอบอุ่นเสมอ
บ่อน้ำแร่ร้อนสวนสาธารณะรักษะวาริน
เปิดทุกวัน 05.00 – 21.30 น.
ที่ตั้ง: ถ.ชลระอุ
ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง จ.ระนอง
จากออนเซนกลางเมืองมาสู่บ่อน้ำพุร้อนกลางป่า
นอกจากวิวทิวทัศน์สีเขียวชะอุ่มที่สวยเด็ดขาด ตาน้ำแร่ร้อนพรรั้งยังผุดขึ้นท่ามกลางลำธารน้ำจากภูเขา
หมายความว่าเราจะได้ทั้งแช่น้ำร้อนสลับกับจุ่มตัวในน้ำเย็นใสจากธรรมชาติได้ในคราวเดียว
ที่นี่มีบ่อน้ำร้อนหลายอุณหภูมิให้เลือกแช่ ตั้งแต่ 20, 30, 40 ไปจนถึง 50 องศาฯ
ที่ร้อนจี๋จนคนแช่ต้องใจแข็งใช่เล่น
แถมยังมีบ่อปูนแบบตักอาบสำหรับคนชอบรดความอุ่นบนผิวทีละน้อย
เราลองสัมผัสความร้อนในบ่อที่เรียงตัวลดหลั่นกันตามอุณหภูมิและกระจายตัวอยู่ทั้งสองฝั่งของลำธารเย็นเจี๊ยบ
จากจุ่มขานิดหน่อย ก็ค่อยๆ ตกหลุมรักการแช่บ่อน้ำร้อนอย่างเต็มตัว น้ำอุ่นโอบกอดร่างกายเหนื่อยล้า
ความตึงเครียดละลายจางหาย เรานั่งฟังเสียงหัวเราะปะปนกับเสียงน้ำซู่ซ่า
เมื่อชาวออนเซนทั้งเด็กและผู้ใหญ่อดใจนั่งนิ่งไม่ไหว ลุกมาเล่นน้ำดำผุดดำว่ายในลำธารกันเป็นพักๆ
แน่ล่ะ
แช่น้ำเสร็จก็ต้องกินอะไรตบท้าย เราแอบมองถาดไข่ที่ถูกแช่แยกไว้ในบ่อน้ำแร่ร้อนจัดหลายชั่วโมงจนกลายเป็นไข่ออนเซนลวกขนานแท้
เมื่อล้างตัวเปลี่ยนชุดเรียบร้อยก็ได้เวลาตอกไข่ลวกใส่แก้วร้านค้าของอุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาว ยังมีข้าวต้มมัด โรตี
และขนมไทยในห่อใบตองเล็กๆ ให้เราเลือกกินของว่างคู่กับน้ำใบเตยหอมร้อนๆ ชิมแล้วสดชื่นกระปรี้กะเปร่าไม่แพ้ธรรมเนียมดื่มนมหลังแช่ออนเซนของญี่ปุ่น
ชั่วขณะนั้นเรานั่งอ้อยอิ่ง
เก็บพลังงานจากน้ำร้อน-น้ำเย็นไว้กับตัวให้มากที่สุด
ปล่อยให้ร่างกายจดจำความผ่อนคลาย บันทึกความชุ่มฉ่ำของน้ำแร่ร้อน ธารภูเขา และหยาดฝนในหัวใจ
รู้แน่ชัดว่าไม่มีทางจะสัมผัสความรู้สึกแบบนี้ได้
นอกจากกลับมาเยือนที่ระนองอีกครั้ง
บ่อน้ำแร่ร้อนพรรั้ง
เปิดทุกวัน 08.00 – 18.00 น.
ที่ตั้ง: อุทยานแห่งชาติน้ำตกหงาวบ้านพรรั้ง
ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง
“ใครมาร้องเรียนหรือต้องการข้อมูลเรื่องการแช่น้ำร้อน
เราก็ให้ข้อมูลทุกอย่าง ช่วยเหลือเต็มที่ครับ เพราะงานของเจ้าหน้าที่เทศบาลไม่ใช่นั่งอยู่เฉยๆ
แต่คือการบริการ”
พิสิษฐ์ มากดวงเทียน
เจ้าหน้าที่ศูนย์บริการข้อมูลบ่อน้ำแร่ร้อนสวนสาธารณะรักษะวารินและเจ้าบ้านชาวเมืองระนอง
ภาพ มณีนุช บุญเรือง
เดินทางไปลิ้มรสเรื่องราวจากเจ้าบ้านระนองต่อได้ที่นี่เลย