Project: Chakrit (and his falling star) : การเป็นผู้ใหญ่ มันไม่ง่ายเลย

เขียนบทและกำกับการแสดง: นัสรี ละบายดีมัญ
สถานที่: ห้องบีฟลอร์ สถาบันปรีดี พนมยงค์

คงไม่มีช่วงเวลาไหนนอกจากวัยมหาวิทยาลัยที่ความฝันจะพลุ่งพล่านไปพร้อมกับมิตรภาพอย่างแทบแยกกันไม่ออก
ช่วงเวลาไร้เดียงสาที่ไม่ต้องทำอะไรมากไปกว่าเข้าเรียนวิชาที่สนใจ (บางวิชาก็อาจไม่สนใจเท่าไหร่)
นั่งพูดคุยกินดื่มกับเพื่อนถึงอนาคตหลังเรียนจบ และจินตนาการถึงตัวเองในวัยผู้ใหญ่
สิ่งที่เหมือนจะอยู่ไกลออกไปแต่ใกล้กว่าที่คิด

ละครเวทีความยาว 90 นาทีของกลุ่ม A Theatre Unit Project: Chakrit (and his falling star) ว่าด้วยเด็กหนุ่ม
4 คนที่เรียนภาพยนตร์มาด้วยกัน เช่าห้องอยู่ด้วยกัน ก่อนจะแยกย้ายไปตามทางเดินความฝันของตัวเองหลังเรียนจบ
พวกเขากลับมาพบกันปีละครั้งในห้องเช่าที่เดิม โดยรู้ตัวดีว่ามีบางอย่างค่อยๆ
เปลี่ยนไป

วิธีการเล่าเรื่องของละครไม่ได้โลดโผนเพราะเล่าตามลำดับเวลาเป็น
4 ฉากใหญ่โดยใช้ฉากเป็นห้องเช่าเดิมในทุกๆ ปี สลับกับฉากในแฟนตาซีเรื่องราวของหนังสั้นที่พวกเขาคิดบทมาร่วมกันชื่อว่า
‘โปรเจกต์ชาคริต’
เกี่ยวกับชายคนหนึ่งที่อยากหนีออกจากโลกใบนี้เพราะมันช่างเฮงซวย!

การนั่งชมชีวิตพวกเขาที่ผ่านไปในแต่ละปีทำให้เรามองเห็นการเติบโตจากวัยรุ่น
สู่การ ‘ต้อง’ เป็นผู้ใหญ่ที่มีภาระรับผิดชอบต่างกันไป จากวัยที่ตามใจตัวเองได้
ก็ต้องมารับมือกับความรับผิดชอบที่ครอบครัวมาผูกโยงให้ สู่วัยที่ต้องพบเจอการพังทลายของความสัมพันธ์หลายต่อหลายครั้ง
หรือหน้าที่การงานที่ไม่ได้เป็นไปอย่างใจ ตัวละครทั้ง 4 คือ ณ (ธาริน ปริญญาคณิต) ท้อป
(ณัฐสิทธิ์ โกฏิมนัสวนิชย์) เพ้นท์ (นวพล ภิภักดิ์) และ แมค (ศิวัช วิสุทธิรังษีอุไร)
ต่างก็กำลังเผชิญกับสภาวะที่ตัวเองจนมุมคล้ายอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่ถูกปิดตาย และต้องตัดสินใจว่าจะอยู่หรือหนีไปจากมัน
ไม่ต่างจากชาคริต ตัวละครที่พวกเขาสร้างขึ้นมา

เราสนใจการออกแบบทางเลือกให้กับตัวละครแต่ละตัว
แกนหลักของเรื่องอยู่ที่ ณ ผู้ที่ไม่ยอมย้ายออกจากห้องเช่า เขารอให้เพื่อนๆ
กลับมาหา นั่งดื่มเบียร์พูดคุยกันด้วยคิดว่าสิ่งต่างๆ จะยังเป็นเหมือนวันก่อน แต่
ท้อป เพ้นท์ และแมค แต่ละคนเลือกเปิดประตูออกไปเจอโลกใบใหม่แล้ว

ในเวลาแค่สั้นๆ เราอาจตัดสินไม่ได้ว่าใครเติบโตเป็นผู้ใหญ่มากกว่ากันและมันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
แต่สิ่งที่ละครเล่นกับความรู้สึกของเรา-ผู้ที่กำลังอยู่ในช่วงวัยเปลี่ยนผ่านไม่ต่างกัน-คือการได้กลับไปทบทวนตัวเองว่าเราใช้จ่ายวันเวลาที่ล้มลุกคลุกคลานกับความฝัน
ตามหาความหมายของสิ่งที่ทำ และจัดการเก็บวัยเด็กที่ยังอยู่ในตัวเราไม่ให้พลุ่งพล่านเกินไปได้อย่างไร

บทสนทนาระหว่างกันของนักแสดงอาจแปร่งๆ
ไปบ้างซึ่งเราคิดว่าเป็นผลจากการออกแบบคาแรกเตอร์แต่ละคนให้ต่างกันไป สำหรับเรา
การแสดงของนวพล ภิภักดิ์ ที่รับบทเป็นเพ้นท์นั้นน่าสนใจ เป็นธรรมชาติและค่อนข้างมีจังหวะที่ดี
เด็กหนุ่มที่เดินตามทางที่ครอบครัววางไว้ให้มาตลอดแล้วผ่านจุดที่ทำให้เติบโตขึ้นเป็นคาแรกเตอร์ที่ทำให้เราเห็นจุดเปลี่ยนค่อนข้างชัด
และทำให้เราเผลอติดตามเขาทั้งที่อาจไม่ได้เป็นตัวละครหลัก

รายละเอียดเล็กๆ
อย่างการเปลี่ยนผ้าปูที่นอนทีละชั้นๆ
การเนรมิตห้องสี่เหลี่ยมให้เป็นอะไรก็ได้ในจินตนาการทั้งบังเกอร์หลบภัย อวกาศเวิ้งว้าง
แถมถ้าตั้งใจฟังดีๆ
ละครเรื่องนี้ยังเล่าถึงสถานการณ์การเมืองที่คับข้องใจตัวละครด้วย
ทั้งหมดก็ทำให้เราเห็นว่าละครเรื่องนี้ผ่านการคิดและทำมาอย่างดีถี่ถ้วน ยังไม่นับความเนี้ยบของหลายๆ
อย่างที่ทำให้เราอยากเอาใจเชียร์กลุ่มละครนี้

ที่สำคัญ
ละครเรื่องนี้มีฉากจบที่เราประทับใจจนอยากให้ทิ้งเวลาไว้กับฉากนั้นนานๆ เหลือเกิน

Project: Chakrit (and
his falling star) จัดแสดงที่ห้องบีฟลอร์ สถาบันปรีดี พนมยงค์ (BTS
ทองหล่อ) เพียง 3 รอบการแสดง คือ 15 – 17 พฤศจิกายนนี้ เวลา 19.30 น.
ผู้สนใจยังสามารถจองที่นั่ง waiting list ได้ทางเพจ
A Theatre Unit หรือเพจอีเวนต์นี้

AUTHOR