The Attic Diary Cafe : Chef’s Table สูตรคุณยายในบ้านริมทางรถไฟ

Highlights

  • The Attic Diary Cafe เป็นทั้งบ้านและร้านอาหารเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ริมทางรถไฟ ใต้ทางด่วนชุมทางบางซ่อนของ ปุ๊–อิศเรศ จันทรวดี
  • เมนูอาหารทุกๆ จานล้วนเป็นอาหารในความทรงจำเมื่อครั้งที่ปุ๊อาศัยอยู่กับยายในจังหวัดปราจีนบุรี จุดเด่นคือเป็นอาหารไทยโบราณที่ปรุงด้วยพริกแห้งปนกับพริกสดและหอมแดงเป็นหลัก ไม่ใส่รากผักชี

อะไรคือเหตุผลที่ทำให้ใครสักคนลงทุนเดินทางไกลเพียงเพื่อทานข้าวสักมื้อ? ถ้าไม่ใช่รสชาติอาหารที่อร่อยจนคนร่ำลือก็คงเป็นบรรยากาศพิเศษที่หาไม่ได้จากร้านในเมือง

บ้านหลังสีเขียวเข้มที่ตั้งอยู่ริมทางรถไฟ ใต้ทางด่วนชุมทางบางซ่อน ที่นี่เป็นทั้งบ้านและ The Attic Diary Cafe ร้านอาหารเล็กๆ ของหนุ่มใหญ่มาดเซอร์ ปุ๊–อิศเรศ จันทรวดี นอกจากตัวร้านจะรายล้อมไปด้วยต้นไม้ใบเขียวที่ช่วยสร้างบรรยากาศชิลล์ๆ แล้ว สูตรอาหารไทยที่สืบทอดจากคุณยายของปุ๊ คือเหตุผลสำคัญที่เราดั้นด้นขับรถมาทานข้าวไกลถึงชุมทางรถไฟแห่งนี้

ชื่อร้านอาจทำให้ใครหลายคนเข้าใจว่าเป็นคาเฟ่ จริงๆ แล้วที่นี่คือร้านอาหาร chef’s table ในร้านอาหารทั่วไป คำคำนี้อาจมีความหมายว่าใครที่นั่งโต๊ะนี้ถือเป็นแขกของเชฟ แต่สำหรับร้านอาหารแห่งนี้ มันหมายถึงโต๊ะกินข้าวตัวเดียวในบ้าน ใครที่แวะเวียนมาที่นี่จะต้องสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและเป็นกันเองของพ่อครัวเจ้าของบ้านได้อย่างไม่ต้องสงสัย

จุดเริ่มต้นบนชีวิตที่พลิกผัน

อดีตคนทำสื่อโทรทัศน์เล่าให้ฟังว่าจุดเริ่มต้นของอาชีพพ่อครัว เริ่มต้นจากความตั้งใจที่เขาอยากชะลอจังหวะชีวิตให้ช้าลงเพื่อทบทวนตัวเองหลังจากที่แยกทางกับอดีตภรรยา ระหว่างทางนั้นเขาผันตัวมาเป็นพ่อค้าขายเสื้อผ้าที่ตลาดชุมทางสยามยิปซี ก่อนที่จะเจอกับเหตุการณ์ที่พลิกชีวิตเขาอีกครั้ง

“ผมต้องดูแลคุณแม่ที่ห้องไอซียู ผมนั่งทบทวนทุกอย่างในชีวิตแล้วพบว่าสิ่งที่ผมต้องการจริงๆ คือการให้เวลากับตัวเอง ให้เวลากับคนรอบกายที่เรารักและให้ความสุขกับเขาให้ได้มากที่สุด”

ในวันที่ความคึกคักของตลาดยิปซีเริ่มแผ่วลง ปุ๊เห็นว่าพื้นที่ว่างริมทางรถไฟที่รายล้อมด้วยต้นไม้ใบเขียวและห่างไกลเมืองผืนนี้เหมาะกับการใช้ชีวิตแบบเงียบๆ อย่างที่ตัวเองต้องการ ปุ๊จึงตัดสินใจสร้างบ้านหลังเล็กๆ ที่เรามาเยือนในวันนี้ขึ้น

“พอคิดจะทำบ้าน ผมคิดว่าจะเริ่มต้นอาชีพใหม่ของตัวเองด้วย ผมชอบทำอาหารแล้วก็มีสูตรอาหารมากมายที่ผมได้มาจากคุณยาย มีคนเคยบอกว่าผมทำอาหารอร่อยจนถึงขั้นชวนไปเปิดร้านแถวๆ ทองหล่อ ผมปฏิเสธไป เพราะใจผมไม่อยากอยู่ในเมืองที่แสนวุ่นวาย ผมอยากอยู่กับป่า กับธรรมชาติ เลยตัดสินใจทำที่นี่ให้เป็นร้านอาหารที่ให้คนจองเข้ามาทาน หากวันไหนมีเวลาว่างก็ขับรถไปออกแคมป์ ใช้เวลาไปกับสิ่งที่ตัวเองอยากทำ”

สเปซแห่งการผจญภัยของบ้านในฝัน

หากใครเคยอ่านนวนิยายเรื่อง ห้าสหายผจญภัย (The Famous Five เขียนโดย Enid Blyton) เรื่องราวของเด็กๆ ที่ออกไปผจญภัยในชนบท ตั้งแคมป์ในป่า สนุกกับสีสันของธรรมชาติ และตื่นเต้นไปกับสิ่งรอบตัว บ้านของปุ๊ให้ความรู้สึกแบบนั้นเป๊ะ

ตัวบ้านสองชั้นทรงกล่องของปุ๊ดูโปร่งโล่งด้วยหน้าต่างบานกระจกทั้งด้านหน้าและด้านข้าง ที่นอกจากเราจะเห็นวิวทางรถไฟในระยะใกล้เสียจนมองเห็นสีหน้าของผู้สัญจรได้ชัดเจนแล้ว ยังเป็นตัวช่วยในการระบายอากาศและรับลมชั้นดี โถงทางฝั่งขวาของบ้านเป็นห้องเพดานสูงที่จัดไว้เป็นโต๊ะกินข้าว เมื่อเงยหน้าขึ้นไปเราจะเห็นกระจกที่เป็นพื้นดาดฟ้าของชั้นสอง บันไดลิงสำหรับไต่ขึ้นดาดฟ้าที่พาดอยู่ริมผนังทำเอาเราเผลอเอ่ยออกมาว่า “นี่มันบ้านในฝันชัดๆ”

“ผมสร้างมันตามนั้นแหละครับ” ปุ๊ตอบรับคำของเรา พอสำรวจรอบๆ บ้าน เราสังเกตว่าทุกมุมของบ้านมีความชอบของเขาซ่อนตัวอยู่ทุกแห่ง ตั้งแต่ไม้ประดับน้อยใหญ่ ลูกสนแห้งตัวแทนของป่าสน สถานที่ที่เขาอยากไปใช้ชีวิตอยู่ รถยนต์วินเทจคันสวยที่จอดอยู่ในบ้าน เครื่องทำกาแฟที่เต็มไปด้วยสติกเกอร์ ไปจนถึงสารพัดของกุ๊กกิ๊กที่เพิ่มชีวิตชีวาให้กับบ้านหลังเล็กๆ รายล้อมไปด้วยต้นไม้นี้

อาหารสูตรเฉพาะของที่บ้าน

เมนูอาหารทุกๆ จานล้วนเป็นอาหารในความทรงจำเมื่อครั้งที่ปุ๊อาศัยอยู่กับยายในจังหวัดปราจีนบุรี และมีความน่าสนใจตรงที่หลายเมนูเกิดจากการลองผิดลองถูก จับนั่นผสมนี่ของคุณยาย จนได้อาหารสูตรที่ทำกินกันเองในครอบครัว

“อาหารของบ้านเราไม่เหมือนบ้านอื่น ทั้งรสชาติและวัตถุดิบที่ใช้” สิ่งที่เขารู้มาตั้งแต่เด็กคือกับข้าวที่เขาพกไปโรงเรียนด้วยมีรสชาติอร่อยไม่เหมือนใคร แถมเป็นที่ถูกอกถูกใจของเพื่อนๆ เสมอ เขาอยากถ่ายทอดความอบอุ่นที่เขาได้รับจากยายผ่านอาหารที่เขาทำ

“อาหารบ้านเราเป็นอาหารโบราณ ใช้พริกแห้งปนกับพริกสดและหอมแดงเป็นหลัก ไม่ใส่รากผักชี” พ่อครัวรุ่นใหญ่แบ่งปันเคล็ดลับเล็กๆ ในครัวให้คนแปลกหน้าฟังอย่างไม่กั๊ก

เมนูอาหารและรสมือของปุ๊สืบทอดมาจากคุณยายของเขาไม่มีผิดเพี้ยน อย่างผัดกระเพราหมูสามชั้น หมูจะถูกนำไปคั่วกับพริกแห้งและเกลือก่อน เพื่อให้ได้รสเค็มเผ็ดและหอมพริกแห้ง ตัดความเลี่ยนมันของชิ้นหมูได้ดี หรือหมูก้อนชุบไข่ทอด จานที่สร้างสรรค์มาจากหมูสับปรุงรส ปั้นเป็นก้อนแล้วลอยในไข่ไก่ที่ถูกตีจนฟู เมื่อลงกระทะพร้อมกันเราก็จะได้หมูก้อนทอดที่มากับไข่เจียวกรอบๆ

ต้มยำไก่เหนียว คือเมนูต้มยำน้ำใสใส่น้ำพริกตาแดงที่ปุ๊กำชับมาว่าต้องเป็นไก่แก่ตัวเมียปลดประจำการเท่านั้น เพราะเนื้อเยอะและเหนียวเหมือนไก่บ้าน นอกจากนี้ยังมีแกงขมิ้นปูใบชะพลูสุดเข้มข้นที่ปรุงจากพริกแกงที่เขาทำเอง นอกจากน้ำแกงจะข้นแล้ว รสชาติก็ยังเข้ม กลมกล่อมด้วยน้ำกะทิที่พอคลายฤทธิ์เคลือบลิ้นแล้วจึงเผยความเผ็ดร้อนลึกออกมาจนหมด ทั้งเนื้อปูและใบชะพลูที่มากันแบบหนักมือทำเอาเราลุกไปเติมข้าวหลายครั้ง

ก่อนที่ปากของเราจะเผ็ดร้อนเพราะพริกแห้งไปมากกว่านี้ จานง่ายๆ ที่พ่อครัวคนนี้แนะนำให้มีติดสำรับไว้คือกะหล่ำปลีผัดน้ำปลาใบกรอบหอม กับแกงจืดไข่น้ำกระเทียมสดหมูสับ ที่ไข่ในแกงจืดนุ่มฟูกว่าที่ไหนๆ ช่วยบรรเทาความเผ็ดร้อนของคำต่อไปได้ดีทีเดียว

การเดินทางในบทต่อไป

หลังจากที่ทานไปคุยไปจนอิ่มแปล้ ปุ๊บอกเราว่าเขามีแผนจะย้ายออกจากกรุงเทพฯ ขึ้นเหนือไปเปิดร้านแบบเดียวกันนี้อีกที่ถนนเส้นเชียงใหม่-ลำพูน และที่อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ และตั้งใจทำให้เป็นพื้นที่ตั้งแคมป์ พาคนเมืองไปเปิดประสบการณ์แคมปิ้งกลางธรรมชาติแบบเดียวกับที่เขาชอบ เป็นกุศโลบายที่ปุ๊อยากชวนคนออกไปอยู่กับผืนป่า เพื่อที่ว่าคนเหล่านั้นจะได้หวงแหนผืนป่ามากขึ้น

“ผมชอบชีวิตตอนนี้ที่สุดแล้ว” เขาเอ่ยท่ามกลางความเงียบของบทสนทนา แววตาเป็นประกายของเขาฟ้องว่าการได้ทำในสิ่งที่อยากทำ ออกเดินทางในที่ที่อยากไป และใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติที่เขารัก คือความสุขที่เป็นที่สุดในชีวิตของหนุ่มใหญ่คนนี้

The Attic Diary Cafe

address : 30/99 ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี (ในตลาดนัดชุมทางสยามยิปซี)
hours : เปิดวันละ 2 รอบ คือ 13:00-16:00 น. และ 17:00-22:00 น. ยกเว้นวันอังคารและวันที่ติดธุระ โดยต้องจองล่วงหน้าทางไลน์เท่านั้น
instagram : theatticdiarycafe

AUTHOR

PHOTOGRAPHER

ดวงสุดา กิตติวัฒนานนท์

ช่างภาพนิตยสาร a day ผู้ชอบกินอาหารที่ถ่าย