‘ทางการไต้หวันต้องรักประชาชนของเขามากแน่ๆ’
เป็นประโยคที่ผุดขึ้นมาในหัวระหว่างการปั่นและเดินเท้าในเส้นทางธรรมชาติทั้งในเมืองและนอกเมืองตามคำเชิญของ สำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพ ที่ชวนเราไปสัมผัสประสบการณ์พิเศษ ทั้งบนเส้นทางยอดฮิตและเส้นทางเปิดใหม่ที่น่าดันให้ป็อปขึ้น เพราะนอกจากทิวทัศน์สวยงามน่าทึ่ง ยังเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์เพิ่มความน่าหลงใหล
นั่นทำให้เรานึกอิจฉาที่ผู้บริหารของไต้หวันทั้งสงวนพื้นที่และสร้างขึ้นใหม่เพื่อประโยชน์สาธารณะ ซึ่งแม้ไต้หวันจะมีพื้นที่น้อยกว่าไทยเกือบ 14 เท่าตัว แต่ก็สามารถจัดสรรพื้นที่เพื่อให้ทุกคน ทุกวัย ทุกตัว (สัตว์เลี้ยง) ได้มีสถานที่ทำกิจกรรมที่ชอบ แชร์ความสนใจหลากหลายร่วมกัน สร้างเมืองที่น่าอยู่สำหรับผู้อยู่อาศัยและผู้รักการเดินทาง โดยเฉพาะสายแอดเวนเจอร์
ในครั้งนี้ เราจะมาเปิดลายแทงเส้นทางสำหรับนักปั่นมือใหม่และมือโปร ที่ต้องการสัมผัสประสบการณ์การปั่นอย่างปลอดภัย ตลอดสองข้างทางซึ่งมีทั้งภูเขา ทะเล เมืองท่าค้าขาย และเส้นทางสายประวัติศาสตร์ ที่นอกจากกาลเวลาจะไม่สามารถลบทำลายลงได้ ยังเพิ่มเรื่องราวและคุณค่าให้การเดินทางของเราพิเศษยิ่งกว่าเดิม
Ready Set Bike
‘อากาศไต้หวันก็เหมือนผู้หญิงที่แปรปรวนและคาดเดาไม่ได้ ส่วนผู้ชายก็เหมือนพยากรณ์อากาศที่มักโกหกอยู่เสมอ’
เป็นคำเตือนแรกเมื่อเราหย่อนก้นลงในรถตู้เมื่อมาถึง แต่เป็นความโชคดีที่ตลอดการเดินทางไม่มีใครต้องควักเสื้อกันฝนออกมาคลุมหรือต้องหยิบร่มออกมากาง อาจเพราะมีใครในกรุ๊ปเป็นลูกรักพระอาทิตย์แน่ๆ เลยทำให้ส่งแสงแดดออกมาต้อนรับเราอย่างเข้มข้นมากๆ
ไต้หวันเป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ชิปที่ใหญ่ที่สุดในโลก กับอีกหนึ่งอุตสาหกรรมที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ไม่น้อยหน้ากว่ากันก็คือ การเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตจักรยานที่ใหญ่ที่สุดของโลก สื่อออนไลน์ด้านธุรกิจ BUSINESS WIRE ถึงกับขนานนามไต้หวันว่าเป็น ‘The Bicycle Kingdom’ ข้อมูลในปี 2020 ระบุว่า จำนวนจักรยานในระดับกลางถึงไฮเอนเกือบ 70% ที่จำหน่ายทั่วโลกผลิตขึ้นบนเกาะไต้หวัน ถ้านับให้เห็นเป็นตัวเลข ในทุกๆ ปีจะมีจักรยานกว่า 2 ล้านคันส่งออกไปสู่ตลาดโลกนั่นเอง
ทั้งนี้สำนักข่าว Taiwan Today ระบุว่าใน 10 เดือนแรกของปี 2022 อุตสาหกรรมจักรยานได้สร้างมูลค่าการผลิตทำลายสถิติใหม่แตะตัวเลข 6.01 พันล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยประมาณ 209 แสนล้านบาท) ซึ่งค่าเฉลี่ยเติบโตขึ้น 26.4 เปอร์เซ็นต์ เราอยากเกริ่นตัวเลขเป็นน้ำจิ้มเบื้องต้นเพื่อให้เห็นภาพรวมความยิ่งใหญ่กันไว้เท่านี้ ก่อนพับหน้าจอและพาคุณออกไปสูดบรรยากาศของเมืองมหาอำนาจด้านการผลิตจักรยานที่ปูทางจักรยานไว้รอบเกาะรวมแล้วกว่า 968 กิโลเมตร ในเส้นทางที่ชื่อว่า huan-dao (環島)
ทริปนี้จึงเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของเส้นทางจักรยานทั้งหมด ที่โชว์แลนด์สเคปสวยงามของ 4 เมืองสำคัญ ได้แก่ จีหลง ไทเป นิวไทเป และไถจง ซึ่งเราได้ไปเยือนเพื่อเก็บประสบการณ์มาฝากสายปั่นชาวไทย ให้ได้ลองไปสัมผัสกันดูสักครั้งในชีวิต รับรองว่าจะติดใจจนรีบหาวันหยุดจองทริปกลับไปปั่นซ้ำกันในเส้นทางอื่นๆ
Day 1 Route 1 เมืองนิวไทเป
เส้นทางปั่นย้อนเวลา Old Caoling Bike Path
รวมระยะทาง 4.6 กิโลเมตร
อุโมงค์เฉาหลิงเก่า ถือได้ว่าเป็นเส้นทางรับน้องสำหรับหน้าใหม่อย่างเรา ด้วยระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นการวอร์มอัปกันก่อนถึงวันสำคัญที่ทำให้พวกเราต้องมาเยือนไต้หวันในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมแบบนี้ เรียกได้ว่าเป็นเส้นทางสายประวัติศาสตร์ที่มีความสำคัญทางวัฒนธรรม เพราะแต่เดิมเคยเป็นเส้นทางรถไฟตั้งแต่ปี 1924 จนปรับมาเป็นเส้นทางสำหรับปั่นจักรยานและเดินออกกำลังในปี 2009 ปัจจุบันรวมๆ แล้วจะมีอายุครบ 100 ปีในปีหน้าที่จะถึงนี้
พวกเราสำรวจหาร้านเช่าจักรยานกันที่ Fulong Street เพื่อปั่นชมธรรมชาติสองข้างทางมาจนถึงอุโมงค์เฉาหลิงเก่า ถ้าสังเกตด้านบนทางเข้าอุโมงค์ฝั่งฝูหลงจะมีสลักคำว่า ‘พิชิตอุปสรรคแห่งธรรมชาติ’ ปรัชญาเกริ่นนำก่อนที่จะทะลุสู่ห้วงกาลเวลาที่เคยเป็นอดีตเส้นทางรถไฟ ทันที่ที่หลุดเข้าไปในอุโมงค์แห่งนี้ อากาศเย็นแบบเฉียบพลันก็ต้อนรับเราจนน่าแปลกใจ โดยไปสิ้นสุดเส้นทางกันที่ ทะเลอี๋หลาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมหาสมุทรแปซิฟิก เบื้องหน้าเป็นจุดชมวิวมีลมทะเลพัดเย็นสบาย ควรค่าแก่การแวะเก็บภาพความสวยงามของธรรมชาติร่วมกันก่อนกลับ
ตลอดระยะทางไป-กลับกว่าสี่กิโลเมตร เราได้เห็นคนทุกเพศทุกวัยมาเป็นเพื่อนร่วมทาง มีทั้งแก็งค์วัยรุ่นปั่นเร็วซิ่งแซงนำไปข้างหน้า หรือคู่รักคุณลุงคุณป้าที่ปั่นไปนึกหวนความหลังไปแบบชิลล์ๆ ตลอดจนครอบครัวใหญ่ที่มากันทุกเจเนอเรชัน ตั้งแต่คุณหลานยันคุณปู่คุณย่า พวกเขาสามารถมีวันหยุดสุดสนุก และแสนสุขแบบเรียบง่ายท่ามกลางธรรมชาติ จนทำให้เรานึกอิจฉา
Day 2 Route 2 เมืองจีหลง
เส้นทางปั่นกิจกรรมวันจักรยานโลก กับ ประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน
รวมระยะทาง 16.6 กิโลเมตร
วันที่ 3 กรกฎาคม ของทุกปีตรงกับวัน World Bicycle Day ซึ่งมีความสำคัญสำหรับนักปั่น โดยเฉพาะไต้หวันที่เป็นเมืองส่งออกจักรยานสู่เลนถนนทั่วโลก เราตื่นเต้นเป็นพิเศษเมื่อรู้ว่าประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน ผู้นำหญิงเหล็กที่เราชื่มชม จะมาเป็นประธานเปิดงานในกิจกรรมวันนี้
เริ่มสตาร์ตกันที่บริเวณไว่มู่ซาน (Waimushan) ในเขตจีหลง (Keelung) เมืองริมทะเลทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะ แสงแดดไม่มีแผ่วตั้งแต่เช้า เราปั่นกันตามเส้นทางที่ได้ประธานาธิบดีอิงเหวินมาเป็นผู้นำปั่นเป็นระยะทางสั้นๆ ถือได้ว่าเป็นเส้นทางโชว์แลนด์สเคปที่สวยงามตระการตาของเมืองให้นักท่องเที่ยวได้ดื่มด่ำ เพราะทางขวามือของเราคือมหาสมุทร ส่วนทางซ้ายเป็นภูเขาที่โอบล้อมเราอย่างอบอุ่นและเป็นมิตร ได้สัมผัสสายลมและเสียงคลื่นซัดอยู่เป็นระยะๆ
ยอมรับว่าตกหลุมรักวิวจนทำให้เสียสมาธิไม่น้อยเลยทีเดียว ที่สำคัญเลนจักรยานที่ทางเมืองขีดเส้นจัดสรรไว้ให้นี้ได้รับการบำรุงรักษาอย่างดี ทำให้เราเห็นว่าชาวไต้หวันเขาเคารพของสิทธิ์ของผู้ใช้ถนนได้อย่างเสมอหน้ากัน
ปั่นเกาะกลุ่มกันมาเรื่อยๆ จนมาสิ้นสุดกันที่อ่าวจงเจียว (Zhongjiao Bay) ในเขตจินซาน (Jinshan) รวมเวลาแล้วปั่นกันยาวต่อเนื่องกว่า 1 ชั่วโมง แม้จะร้อนเหงื่อซกแค่ไหน แต่ถ้าใครชวนให้กลับมาอีกครั้ง เราไม่ปฏิเสธแน่นอน
Day 3 Route 3 เมืองไทเป
เส้นทางปั่นริมแม่น้ำในเมืองไทเปด้วยบัตร Easy Card
รวมระยะทาง 11 กิโลเมตร
จากการสังเกตในบริเวณจุดท่องเที่ยวสำคัญๆ ทั้งนอกเมืองและในเมือง เราจะพบกับจุดจอดจักรยานสาธารณะ หรือที่รู้จักกันในชื่อ YouBike ที่มีจุดยืม-คืนกระจายอยู่ทั่วเมือง ที่มาของโลโก้ ‘U bike’ มาจากลักษณะของการยิ้มปากจะเป็นรูปตัวยูนั่นเอง ปัจจุบันมีให้เห็นในสองเวอร์ชัน
- รุ่นที่หนึ่ง การใช้งานต้องสแกนบัตร EasyCard ที่เครื่องบริเวณจุดจอดรถ (ภาพจากเมืองไถจง)
- รุ่นที่สอง จักรยานจะมีที่สแกนติดไปกันตัวรถ สามารถยืมอีกที่หนึ่งไปจอดที่ไหนก็ได้ในเมือง (ภาพจากเมืองไทเป)
ซึ่งจากการสังเกตด้วยสายตา จักรยานส่วนใหญ่อยู่ในสภาพดี พร้อมใช้งาน ไกด์พี่ไอซ์เล่าให้ฟังว่า ช่วงพีคๆ ที่มีดีมานด์การใชัจักรยานเพิ่มขึ้น อยู่ระหว่างเวลาเดินทางไป-กลับโรงเรียนและสถานที่ทำงาน รวมถึงเหล่าแม่บ้านพ่อบ้านที่ต้องการไปจับจ่ายของในตลาดหรืออยากแวะซื้อสินค้าที่อยู่ไม่ห่างจากบ้าน YouBike ก็เป็นตัวเลือกอันดับแรกๆ ของชาวไต้หวันเช่นกัน
สำหรับกรุ๊ปของเราในวันนี้ได้พักเอาแรงกันเต็มที่ ตื่นแต่เช้าในวันอาทิตย์รับอรุณวันใหม่ริมแม่น้ำเมืองไทเป เส้นทางจักรยานและกิจกรรมกลางแจ้งขนาดใหญ่สำหรับชาวไต้หวันและนักท่องเที่ยว แม้จะเป็นวันหยุด แต่เราได้เห็นสถานที่แห่งนี้คึกคักหนาแน่นกันตั้งแต่หัววัน หลากหลายกิจกรรมมีพื้นที่เตรียมไว้ให้ใช้งาน ทั้งการเดิน วิ่ง ปั่น กีฬาต่างๆ เช่น เทนนิส เบสบอล รวมถึงตกปลา และปิกนิก แคมปิ้งกันท่ามกลางบรรยากาศสีเขียวที่มีทัศนียภาพในแต่ละฝั่งของเส้นทางที่แตกต่างกัน เป็นเมืองที่ผู้คนมีพลังงานล้นเหลือและแอ็กทีฟกันแม้ในวันหยุด
ส่วนนักปั่น ไม่ว่าจะปั่นแบบโปรหรือปั่นแบบยืดเส้นยืดสาย ก็มีทางจักรยานให้เราเลือกปั่นกันตามสะดวก เปลี่ยนวิวสองข้างทางได้เหมือนกับการปั่นรอบเมืองลัดเลาะไปตามแม่น้ำตั้นสุ่ย (Tamsui) ผ่านสะพานกวงฟู่ (Guangfu) สีแดงเชื่อมระหว่างเมืองไทเปและซินเป่ย หรือ เมืองไทเปใหม่ เป็นกิจกรรมเสียเหงื่อที่จะไม่ทำให้เสียดายเวลา ได้ฟิลจอยๆ ฟินๆ กับแสงแดดในเช้าวันอาทิตย์ รับลมพัดเย็นจากแม่น้ำ เหนื่อยตรงไหนก็สามารถเลือกจอดตามจุดต่างๆ ของ YouBike ที่มีจัดเตรียมไว้ให้จำนวนมาก เป็นสถานที่บริเวณริมแม่น้ำที่พร้อมเวลคัมทุกคนและสัตว์เลี้ยงให้ได้มีพื้นที่หายใจในเมืองใหญ่
Day 4 Route 4
เส้นทางปั่นกินลมชมเมืองไถจง
รวมระยะทาง 8.7 กิโลเมตร
วันสุดท้ายของทริป ไกด์พี่ไอซ์ของเราคงจะเห็นสภาพลูกทัวร์ที่หน้าเริ่มเกรียมแดดกันขึ้นเรื่อยๆ จึงเซอร์ไพร์สเราด้วยไอเดียปั่นๆ บิดๆ กับรถจักรยานไฟฟ้ามีหลังคา 4 ที่นั่ง ลงตัวพอดีกับจำนวนกลุ่ม 8 คน ช่วยเบาแรงและเซฟพวกเราจากแดดไปได้หนึ่งวัน ทำให้ได้ยิ้มและเอ็นจอยกับบรรยากาศได้อย่างเต็มที่ แวะถ่ายรูปกันจนเมมฯ เต็มเลยทีเดียว
ตลอดระยะทางกว่า 8.7 กิโลเมตร ซึ่งเริ่มต้นกันที่บริเวณสถานีรถไฟ Houli Station พวกเราได้ลัดเลาะผ่านทัศนียภาพของเมืองไถจง เมืองขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของไต้หวัน ลอดผ่านอุโมงค์ที่เคยเป็นเส้นทางรถไฟเก่า (Old Mountain Line No.9) ที่ปรับตัวเป็นเส้นทางเดิน-ปั่นจักรยานเพื่อคนรุ่นต่อไป มาโผล่ที่สะพานเหล็กข้ามแม่น้ำต้าเจียซึ่งสร้างขึ้นในช่วงต้นทศวรรษที่ 1900 หยุดแวะพักเหนื่อยและชื่นชมกับความสวยงามของแม่น้ำแบบ 180 องศาที่มีโขดหินโผล่ขึ้นมาให้เห็นในช่วงแม่น้ำขอด
บิดไปปั่นไปจนไปสิ้นสุดเส้นทางกันเขื่อนฉือกัง (Shigang Dam) เขื่อนขนาดใหญ่ของเมืองไถจง เป็นเส้นทางผ่อนคลายกันในวันสุดท้ายก่อนบ๊ายบายไต้หวัน
Extra Track
เส้นทางพิเศษบนรางรถไฟ Miao Li Sheng Hsing Old Mountain Line Rail Bike ที่คุณพ่อคุณแม่จูงมือน้องๆ หนูๆ มากันอย่างคึกคัก ทำให้เมื่อเรามาถึงก็มียอดจองเต็มกันตั้งแต่ช่วงบ่ายของวัน ตลอดระยะทางพวกเราได้แจกรอยยิ้ม โบกไม้โบกมือให้กับเพื่อนร่วมทางที่ขับสวนมากันจนเมื่อย แต่ก็แฮปปี้ยิ้มกันจนเหงือกแห้งเลยทีเดียว
First and many Impressions
แม้จะเป็นการเดินทางมาเยือนไต้หวันเป็นครั้งแรก แต่ด้วยการจัดการที่ดีทำให้เราแทบจะเข้าใจถนนหนทางในทั้ง 4 เมืองที่ได้ไปโดยไม่ต้องใช้เวลานานนัก เส้นถนนที่ชัดเจน การแบ่งเลนสำหรับรถยนต์ จักรยาน และทางเดินทางเท้า ทำให้การเดินสำรวจเมืองสนุกและสังเกตได้ถึงความสะอาดที่แทบไม่มีขยะทิ้งเกลื่อนกลาดให้เห็น ยกเว้นในเมืองที่มีคนอยู่กันหนาแน่น (แต่ก็น้อยมากๆ)
สำหรับชาวไทยที่นิยมอาหารรสชาติจัดจ้าน อยากชวนให้ลองชิมรสชาติอาหารดั้งเดิมที่ชูความสดของวัตถุดิบคุณภาพ โดยเฉพาะเมนูอาหารทะเล ผักหน้าตาแปลกใหม่ เปิดใจทดลองสิ่งที่เราไม่คุ้นเคยเพื่อเปิดประสาทสัมผัสและซึมซับสิ่งที่คนท้องถิ่นรับประทานกัน แม้จะไม่แซ่บนัวถึงใจเท่าอาหารไทย แต่ขอบอกว่าเมนูที่เราได้ชิมตลอดทั้งทริปก็ทำให้เราประทับใจได้ไม่แพ้กัน
แม้ไต้หวันจะมีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่าไทย แต่ในเมืองไทเปที่เป็นเมืองหลวงกลับไม่มีตึกสูงตั้งเรียงกั้นสายตาจนทำให้เรารู้สึกถึงความหนาแน่นแออัด จึงเกิดเป็นกิจกรรมตามเก็บจุดถ่ายรูปคู่กับตึก Taipei 101 เป็นคอนเทนต์แถมกลับบ้าน
หลายๆ ที่ที่เราได้ไปเยือน เป็นสถานที่ที่ได้รับการปรับปรุงและเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานเพื่อตอบโจทย์ยุคสมัยมากขึ้น ทั้งโครงสร้างอาคารสถานีรถไฟที่เมืองไถจง โรงพยาบาลรักษาตา และเส้นทางรถไฟสายเก่าที่มีการปัดฝุ่นใหม่กลายเป็นพื้นที่สาธารณะสำหรับชาวเมือง สถานที่เปิดรับนักท่องเที่ยว รวมถึงกลายเป็นร้านค้ายอดนิยมที่ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจและทำให้เมืองมีชีวิตชีวา เป็นจุดขายดึงดูดนักเดินทางจากทั่วโลก
‘คิดจะปั่นครั้งใดก็อย่าลืมมีชื่อไต้หวันพ่วงไว้ในใจด้วยนะ’
ขอขอบคุณผู้สนับสนุนการเดินทาง
สำนักงานการท่องเที่ยวไต้หวัน ประจำกรุงเทพ
ภาพ: จันจิรา ยีมัสซา, นวภัทร ดัสดุลย์