Huashan 1914 Creative Park : โรงงานไวน์เก่าที่แปลงร่างเป็นพื้นที่งานศิลปะสุดเจ๋ง

จากชื่อ Huashan 1914 Creative Park อันยาวเหยียดและไม่คุ้นหู
เราขอเรียกที่นี่ใหม่ว่า พื้นที่ศิลปะและสวนแห่งความคิดสร้างสรรค์ภายใต้บรรยากาศเก่าแก่ใจกลางเมืองไทเป,
ยาวไม่แพ้กันแฮะ

บ้านเราคงไม่คุ้นกับคำว่า ‘สวนศิลปะ’ กันสักเท่าไหร่
แต่ในไทเปนั้นมีสวนศิลปะอยู่หลายแห่ง Huashan 1914 Creative Park แห่งนี้เป็นทั้งพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะและสวนพักผ่อนหย่อนใจ
ร่มรื่นไปด้วยบรรดาต้นไม้น้อยใหญ่ที่แทรกตัวอยู่ท่ามกลางอาคารเก่า ที่นี่เคยเป็นหนึ่งในโรงงานผลิตไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวัน
สร้างขึ้นในปี 1914 แต่เมื่อเมืองเริ่มใหญ่ขึ้น
ค่าที่ดินพุ่งสูง รวมทั้งเกิดปัญหามลพิษจากกระบวนการผลิต
โรงงานไวน์จึงย้ายออกไปอยู่นอกเมือง โกดังเก่าแห่งนี้ถูกทิ้งร้างเป็นสิบปีแต่ยังมีสภาพตึกค่อนข้างสมบูรณ์
สภาพแวดล้อมที่สวยงามดึงดูดให้กลุ่มศิลปินอิสระเริ่มเข้าไปใช้งานและแสดงละครเวที
เมื่อได้รับความสนใจมากขึ้นในวงกว้าง มันถูกเปลี่ยนชื่อและปรับเป็นพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะและกิจกรรมสร้างสรรค์ขนาดใหญ่ที่ว่ากันว่าดีที่สุดในไทเป

ช่วงที่เราไปมีนิทรรศการแอนิเมชันและการ์ตูนมาจัดแสดงหลายนิทรรศการเพื่อเอาใจเด็กๆ
งานใหญ่ที่เป็นไฮไลต์คือนิทรรศการของ Studio Ghibli
ตั้งแต่ทางเข้าก็เลยมีหุ่นจากการ์ตูนเรื่อง Ponyo มาตั้งโดดเด่น
ใกล้กับลานกิจกรรมและสนามหญ้าขนาดใหญ่ด้านหน้า เมื่อเดินเข้าไปข้างในจะเจอโกดังขนาดใหญ่หลายหลังซึ่งมีไม้เลื้อยสีเขียวขจีปกคลุมอยู่ทั่วทั้งอาคารจนเป็นเอกลักษณ์
โกดังเหล่านี้ใช้สำหรับจัดแสดงงานนิทรรศการ
เราเดินซอกแซกตามทางเดินเก่าสำรวจร้านต่างๆ อย่างสนุกสนานและพบว่าสถานที่แห่งนี้ยังคงรักษาเสน่ห์ความดิบสไตล์โรงงานอุตสาหกรรมและโครงสร้างทางสถาปัตยกรรมสมัยโบราณไว้
รวมถึงยังมีต้นไม้เก่าแก่ลำต้นใหญ่โต แสดงถึงการอนุรักษ์ดูแลรักษาอย่างดี

นิทรรศการแรกที่เราได้เข้าไปชมคือ WHERE IS WALLY? นิทรรศการเกี่ยวกับตัวการ์ตูนผู้ชายสูงโปร่งใส่แว่นทรงกลม
สวมชุดลายขาวแดง ที่ซ่อนตัวอยู่ในหน้าหนังสือให้พวกเราหากันสมัยเด็กๆ
แอบสารภาพว่าตอนเด็กชอบเล่นมาก แข่งกันหากับเพื่อน เป็นเกมที่ฝึกความตาไวได้ดีทีเดียว
นิทรรศการโซนแรกมีการจัดแสดงหุ่นเจ้าวอลลี่และผองเพื่อนในท่าทางต่างๆ
โซนที่สองเป็นการแสดงประวัติและผลงานการวาดหนังสือวอลลี่ตั้งแต่สมัยแรกจนถึงเล่มล่าสุด
มีหนังสือให้ลองพลิกฝึกสายตาตามหาวอลลี่ แต่หาไปสักพักก็เกิดอาการตาลายเลยขอยอมแพ้ไปโซนสุดท้ายต่อ
ก่อนเข้าโซนนี้เราจะได้หยิบการ์ด 1 ใบเพื่อไปตามหารูปที่อยู่ในการ์ดตอนเดินชมงานด้วย
ก่อนถึงทางออกจึงเป็นร้านขายของที่ระลึกสุดน่ารัก

ระหว่างที่รอคิวมหาศาลเพื่อเข้าชมนิทรรศการ
Studio Ghibli เราก็เดินเล่นไปทั่วบริเวณ
ไปเจอคาเฟ่สุดเก๋ที่สร้างเป็นรูปบ้านกลับหัวสีสันสดใส พอเดินลัดเลาะไปในอาคารเก่าก็เจอร้านค้าสุดกรี๊ดหลายร้าน
ร้านหนึ่งเป็นร้านขายกล่องเพลงไขลานซึ่งมีตุ๊กตาไม้หลากหลายแบบไว้เลือกประกอบเองได้
อีกร้านที่เราโปรดปรานไม่แพ้กันคือร้านขายของดีไซน์คัดสรรจากญี่ปุ่น
เรารู้สึกว่าที่นี่บรรจงคัดเลือกของที่มีทั้งความสวยงาม ความประณีตในการผลิต มีกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นผสมผสานอยู่
ของที่ขายมีหลายอย่างทั้งเครื่องใช้จานชาม ผ้าลินินเนื้อดี สมุด
รวมทั้งกระดาษลายแปลกตาจากญี่ปุ่น
เราได้ไม้แขวนเสื้ออันบางที่ทำจากทองเหลืองมาสองอัน และกระดาษอีกหลายแผ่น

และแล้วการรอคอยกว่า 2 ชั่วโมงก็สิ้นสุดลง
เราได้เข้าไปชมนิทรรศการจิบลิซึ่งภายในมีการจัดแสดงหุ่นจำลองและงานศิลปะของแอนิเมชันหลายเรื่องที่คัดสรรมาแล้ว
แต่ละเรื่องมีการใช้เทคนิคจัดแสดงแตกต่างกันไป เหมาะกับคนชอบถ่ายรูปเป็นพิเศษ เช่น
เรื่อง Kiki’s Delivery มีการจำลองฉากบรรยากาศร้านขนมปัง
มีหุ่น Kiki ขี่ไม้กวาดลอยอยู่กลางห้อง อีกเทคนิคหนึ่งที่น่าสนใจคือการสร้างห้องกระจกสะท้อนฉากทุ่งดอกไม้ในเรื่อง
Howl’s Moving Castle พร้อมกับมีหุ่นจำลองเจ้าปราสาทเคลื่อนที่ขนาดใหญ่
(มันขยับได้ด้วยนะ!)

การจัดแสดงที่น่ารักที่สุดในความเห็นเราคือ
My Neighbor Totoro
ซึ่งจำลองถ้ำขนาดใหญ่ของเจ้าโตโตโร่และมีรูเล็กๆ
ให้เราส่องจากข้างนอก มองเข้าไปจะเห็นเจ้าโตโตโร่กำลังนอนหลับพุงกระเพื่อมอยู่ นอกจากนี้ยังมีการแสดงฉากรายละเอียดเล็กๆ
น้อยๆ ในเรื่องผ่านกรอบรูปภาพภาพสามมิติ ทั้งจดหมายและวอลนัทห่อใบไม้อันเป็นอาหารโปรดของเจ้าโตโตโร่

เรื่องโปรดของเราคงหนีไม่พ้นเรื่อง Spirited Away ที่ได้รับรางวัสออสก้าสาขาแอนิเมชันในปี
2003 และเป็นเรื่องแรกที่จุดประกายทำให้เราเริ่มดูแอนิเมชันของค่ายนี้
ภายในมีการแสดงฉากเด็กหญิงตัวเอกของเรื่อง หรือ Chihiro กำลังยืนอยู่หน้าทางเข้าโรงอาบน้ำหลังใหญ่ในโลก
Spirit World ซึ่งเป็นภาพจำของหนังเรื่องนี้ ที่ฮิตสุดๆ คือฉากเจ้าผีไร้หน้ากำลังนั่งอยู่บนรถไฟซึ่งมีที่ว่างข้างๆ
ให้ผู้ชมเข้าไปนั่งถ่ายรูปคู่กันได้ แต่ด้วยคิวอันยาวเหยียดเราเลยขอยอมแพ้

โซนสุดท้ายที่เราชอบคือการจัดแสดงภาพลายเส้นสเกตช์มือลงสีน้ำของจริงจากเรื่อง
The Tale of Princess Kaguya ภาพมีความฟุ้งกระจายและนุ่มนวล เป็นเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากเรื่องอื่นๆ
แต่ยังคงไว้ซึ่งความแฟนตาซีและความคิดสร้างสรรค์ที่ล้ำลึกของแอนิเมชันค่ายนี้
เมื่อสิ้นสุดนิทรรศการ เราเดินออกมาด้วยความอิ่มเอมใจ รู้สึกเหมือนได้กลับไปอยู่ในโลกของเด็กที่เต็มเปี่ยมไปด้วยจินตนาการอีกครั้ง
ท่ามกลางสายฝนอันเย็นฉ่ำที่ตกลงมาปกคลุมทั่วทั้งไทเป

ภาพ เบญญา
สิงห์อุสาหะ และ นวลตา วงศ์เจริญ

AUTHOR