เมื่อพูดถึงสตรีทแวร์ หากไม่ใช่แบรนด์สตรีทแวร์สัญชาติอเมริกันก็มักจะเป็นแบรนด์สตรีทแวร์สัญชาติญี่ปุ่นที่ปรากฏขึ้นมาเป็นลำดับแรกๆ Supreme, Stüssy และ BAPE เหล่านี้คือแบรนด์ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นเจ้าพ่อของวงการสตรีทแวร์ในปัจจุบัน แต่แม้ว่าแบรนด์สตรีทแวร์ยักษ์ใหญ่หลายๆ แบรนด์จะถือกำเนิดขึ้นในสองประเทศนี้เป็นสำคัญ หากนั่นก็ไม่ได้แปลว่าวงการสตรีทแวร์จะโคจรอยู่รอบๆ แบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นและอเมริกันเพียงอย่างเดียว เราจะพาไปทำความรู้จักกับ Stone Island แบรนด์สตรีทแวร์ที่แม้ว่าต้นกำเนิดของมันจะอยู่ที่ประเทศอิตาลี แต่กลับร้อนแรงสุดๆ ในวงการสตรีทแวร์ของเกาะอังกฤษ
จิตวิญญาณที่เข้มแข็ง
อย่างที่ได้กล่าวไป Stone Island คือแบรนด์สัญชาติอีตาลี ก่อตั้งขึ้นในปี 1982 โดย Massimo Osti แฟชั่นดีไซเนอร์ชาวอิตาลี โดยที่ชื่อของแบรนด์ก็หยิบมาจากคำที่ปรากฏอยู่ในนวนิยายของ Joseph Conrad นักเขียนชาวอังกฤษนั่นเอง ส่วนสาเหตุที่ออสตี้เลือกงานเขียนของคอนราดก็เป็นเพราะว่า นวนิยายของนักเขียนท่านนี้มักจะสะท้อนถึงจิตวิญญาณที่เข้มแข็งของมนุษย์เมื่อต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ โดยที่คำว่า stone และ island ซึ่งปรากฏอยู่เรื่อยๆ ในนวนิยายของคอนราดนั้นเป็นคำที่ออสตี้มองว่าสามารถอธิบายจิตวิญญาณของคอลเลกชั่นเสื้อผ้าที่เขากำลังออกแบบได้เป็นอย่างดี
แต่พ้นไปจากความหมายด้านจิตวิญญาณแล้ว สาเหตุที่ออสตี้เลือกใช้คำว่า stone ก็เป็นเพราะว่ามันสะท้อนความทนทานของ ‘tela stella’ ผ้าชนิดใหม่ที่มีผิวสัมผัสคล้ายกับผ้าใบกันน้ำและมีลวดลายคล้ายกับหินขัด ซึ่งกลายเป็นวัสดุหลักที่ส่งให้เสื้อผ้าของ Stone Island กลายเป็นที่โดดเด่นในทันที ขณะที่คำว่า island ยังหมายถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างออสตี้กับท้องทะเล โดยที่โลโก้ของแบรนด์ซึ่งเป็นเข็มทิศนั้นก็มาจากโมเดลเข็มทิศของช่วง 60s ที่อยู่บนเรือใบส่วนตัวของออสตี้นั่นเอง
ในแง่นี้ ทั้งชื่อและโลโก้ของ Stone Island จึงสะท้อนนิยามของการผจญภัยในท้องทะเล และความใกล้ชิดระหว่างมนุษย์กับธรรมชาตินั่นเอง
อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า หนึ่งในเอกลักษณ์ของ Stone Island คือวัสดุผ้า โดยที่ tela stella เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของผ้าชนิดใหม่ที่เกิดจากการค้นคว้าของออสตี้ในช่วงที่เริ่มก่อตั้งแบรนด์เท่านั้น โดยที่การค้นคว้าหาผ้าชนิดใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ ก็ได้กลายเป็นเอกลักษณ์ของ Stone Island ทุกวันนี้ไปแล้ว เพราะพ้นไปจาก tela stella แบรนด์ยังมี micro reps ผ้าไนลอนที่มีเส้นไยหนากว่าผ้าไนลอนทั่วๆ ไป ซึ่งช่วยให้เสื้อผ้าของ Stone Island ที่ตัดเย็บจากผ้าไนลอนชนิดนี้ทนทานเป็นพิเศษต่อความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และ heat reactive ผ้าฝ้ายที่จะถูกพิมพ์ทับด้วยลายพราง โดยเมื่อร่างกายของผู้สวมใส่เกิดความอบอุ่นขึ้นมา ลายพรางบนผ้าก็จะปรากฏให้เห็นชัดเจนขึ้น
เทคโนโลยีถือเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของ Stone Island ที่ช่วยดึงดูดให้ผู้คนจำนวนมากหันมาสนใจและอยากจะครอบครองเสื้อผ้าของแบรนด์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟนๆ ฟุตบอลจากเกาะอังกฤษ แต่ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นล่ะ?
โด่งดังในวงการฟุตบอลอังกฤษ
ในบทสัมภาษณ์กับ Highsnobiety Ollie Evans หนึ่งใน reseller ของแบรนด์ Stone Island ในอังกฤษเล่าว่า
“Stone Island เริ่มต้นจากการมีฐานแฟนกลุ่มเล็กๆ โดยเฉพาะในอิตาลีช่วง 80s ในกลุ่ม Paninaro ซึ่งได้รับอิทธิพลทางการแต่งตัวจากไตล์อเมริกันที่ผสมผสานกับเสื้อผ้านักกีฬาของดีไซเนอร์ชาวอิตาลี มันเป็นช่วงเวลาเดียวกันนี้เองที่บรรดาแฟนๆ ของทีมฟุตบอลในอังกฤษเริ่มที่จะเดินทางตามไปดูทีมของพวกเขาแข่งขันตามประเทศต่างๆ ในยุโรป แฟนๆ ฟุตบอลเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะได้รับอิทธิพลทางแฟชั่นจากกลุ่ม Paninaro เท่านั้น หากพวกเขายังเริ่มซื้อแบรนด์เสื้อผ้าที่เป็นที่นิยมในกลุ่มนี้กลับไปยังอังกฤษด้วย”
Terrace Wear คือชื่อเรียกสไตล์แฟชั่นของแฟนบอลกลุ่มนี้ โดยที่ในแง่หนึ่ง สาเหตุที่ทำให้พวกเขาเลือกใส่เสื้อผ้าชิ้นอื่นๆ แทนที่จะเป็นเสื้อของทีมฟุตบอลที่พวกเขาชื่นชอบ ก็เพื่อที่จะอำพรางตัวเองจากสายตาของตำรวจที่พยายามสอดส่องหาแฟนบอลหัวรุนแรงที่พร้อมจะก่อเหตุทะเลาะวิวาทอยู่ตลอดเวลา การสวมเสื้อฟุตบอลนั้นโดดเด่นและเป็นเป้าสายตาจนเกินไป พวกเขาจึงหันไปใส่เสื้อผ้าของดีไซเนอร์แทน
“สาเหตุอีกอย่างคือ เสื้อผ้า Stone Island ไม่ได้หาง่ายนัก มันจึงสอดคล้องกันอย่างพอดีกับวัฒนธรรมของการแย่งชิงความโดดเด่นในกลุ่มผู้ชายด้วยกัน อวดโอ่ว่าเสื้อผ้าของตนนั้นหาได้ยากและแพงกว่าคนอื่นๆ” อีแวนส์อธิบาย ในแง่นี้ Stone Island จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมฮูลิแกนของเหล่าแฟนๆ ฟุตบอลไปโดยปริยาย
Stone Island ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุค 90s เมื่อชื่อเสียงของแบรนด์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกลุ่มแฟนๆ ฟุตบอลอีกต่อไป แต่เริ่มแพร่กระจายไปสู่วงการอื่นๆ เช่น วงการเพลงที่วงดนตรีชื่อดังอย่าง The Stone Roses, Happy Mondays และ Oasis ต่างก็เคยปรากฏตัวในเสื้อผ้าของ Stone Island ด้วยกันทั้งนั้น ทว่าเหตุการณ์สำคัญที่ส่งให้แบรนด์โด่งดังเป็นพลุแตกเกิดจากการที่ Eric Cantona นักฟุตบอลสัญชาติฝรั่งเศสแห่งทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดปรากฏตัวในเสื้อผ้าของ Stone Island อยู่เรื่อยๆ
กว่าจะเป็น Stone Island ในอเมริกา
Stone Island นั้นโด่งดังอยู่ก่อนแล้วในประเทศอังกฤษ แต่กว่าที่แบรนด์จะบินข้ามมหาสมุทรไปแจ้งเกิดในวงการสตรีทแวร์ในสหรัฐอเมริกาก็เป็นปี 2014 แล้ว เมื่อแบรนด์สตรีทแวร์ยักษ์ใหญ่อย่าง Supreme ได้คอลแล็บกับ Stone Island จากนั้นในปี 2015 ก็ได้มีการคอลแล็บกับ NikeLab ตามมา
หนึ่งในตัวแปรสำคัญที่ส่งให้คอลเลกชั่น Stone Island x Supreme ไฮป์ขึ้นมาอย่างสุดๆ ในสหรัฐอเมริกาเกิดขึ้นเมื่อ Drake ศิลปินฮิปฮอปชื่อดังได้โพสต์รูปของตัวเองกำลังสวมใส่เสื้อผ้าคอลเลกชั่นนี้อยู่ เพียงแต่หากจะบอกว่าเดรกคือศิลปินฮิปฮอปคนแรกที่แนะนำ Stone Island ให้กับวัฒนธรรมสตรีทแวร์ในอเมริกาก็อาจพูดได้ยากอยู่สักหน่อย เพราะในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันยังมีแรปเปอร์อเมริกันคนอื่นๆ เช่น A$AP Nast ที่อ้างว่าเขาคือแรปเปอร์อเมริกันคนแรกต่างหากที่แนะนำให้วงการสตรีทแวร์ได้รู้จักกับ Stone Island
ใครคือเซเลบที่แนะนำให้ชาววงการสตรีทแวร์อเมริกันได้รู้จัก Stone Island อาจไม่สำคัญเท่ากับประเด็นที่ว่า ในขณะที่ Stone Island ของฝั่งอังกฤษเป็นที่นิยมจากวงการฟุตบอล Stone Island ในสหรัฐอเมริกากลับเป็นที่รู้จักจากบรรดาเซเลบและศิลปินฮิปฮอป อย่างที่ Jian DeLeon นักเขียนสายแฟชั่นในนิวยอร์กกล่าวว่า
“ที่นี่ไม่มีวัฒนธรรมฟุตบอล แต่สิ่งที่เรามีคือจุดตัดระหว่างสไตล์ฮิปฮอปและการให้ความสำคัญกับเสื้อผ้าคุณภาพสูง ชาวอเมริกันน่ะชื่นชอบเสื้อผ้าเอาต์ดอร์คุณภาพสูง โดยเฉพาะแจ็กเก็ตที่สามารถสวมใส่ได้นานๆ”
แต่ถึงที่สุดแล้ว แม้ว่าอังกฤษและอเมริกาจะรู้จัก Stone Island กันคนละเวลา ภายใต้บริบทที่ต่างกัน หากจุดร่วมที่มีร่วมกันคือความชื่นชอบต่อเสื้อผ้าคุณภาพสูง ที่มาพร้อมดีไซน์ที่โดดเด่นและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพราะเสื้อผ้าของ Stone Island ตอบโจทย์อย่างที่สุด นั่นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยว่าทำไม Stond Island เป็นแบรนด์เสื้อผ้าที่เมื่อได้ลองสวมใส่แล้วก็ยากที่จะเปลี่ยนใจไปหาแบรนด์อื่น