Stardew Valley เกมทำฟาร์มจากต้นทุน 0 ดอลลาร์สหรัฐสู่วันที่ทำยอดขายได้กว่า 34 ล้าน

สำหรับใครที่คุ้นเคยกับวงการเกม เราคงไม่ต้องอธิบายให้มากความว่าการทำเกมขึ้นมาสักเกมหนึ่งต้องใช้ทรัพยากรและเวลามากมายขนาดไหน

แต่ถ้าใครที่ไม่คุ้น เราอาจพอยกตัวอย่างให้เห็นภาพได้บ้างผ่านเกมดัง เช่น Cyberpunk 2077 เกมที่เกมเมอร์หลายคนตั้งตารอคอยในปี 2020 ที่ใช้เวลาสร้างถึง 8 ปี ภายใต้งบประมาณในการผลิตกว่า 316 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำยอดขายไปประมาณ 10 ล้านชุด

หรือเกมอายุ 7 ปีอย่าง Grand Theft Auto V ที่ใช้เวลาสร้าง 5 ปี ภายใต้งบประมาณในการผลิตกว่า 265 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และทำยอดขายไปประมาณ 150 ล้านชุด

นี่เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น เพราะแท้จริงแล้วยังมีเกมอีกมากที่เป็นหลักฐานว่ากว่าจะได้เกมดีๆ สักเกมต้องใช้ทรัพยากรมากมายขนาดไหน เว็บไซต์เกมชื่อดังระดับโลกอย่าง PC Gamer ก็เคยอธิบายสาเหตุของเรื่องนี้ไว้ว่า พองานเกมต้องเกี่ยวข้องกับกราฟิกคุณภาพสูง บริษัททำเกมจึงต้องแบกค่าจ้างพนักงานที่สูงตามทั้งในแง่ของฝีมือและจำนวน 

ดังนั้นยิ่งเกมพัฒนาโดยใช้เวลามากเท่าไหร่ ต้นทุนการผลิตก็จะยิ่งคูณไปมากเท่านั้น และเมื่อรวมกับงบโปรดักชั่นและการตลาดอื่นๆ จึงไม่แปลกเลยที่เกมที่ขายได้ในระดับเกินสิบล้านชุดจะแลกมาด้วยต้นทุนระดับเกินร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ

แต่ท่ามกลางเม็ดเงินที่สะพัดขนาดนั้น ในปี 2016 กลับมีเกมหนึ่งที่ปล่อยออกมาวางขายและสร้างปรากฏการณ์จนเป็นที่พูดถึงทั่วโลก

เพราะนี่คือเกมที่เว็บไซต์ GameRevolution ประเมินไว้ว่าถ้าถูกผลิตโดยวิธีปกติน่าจะใช้งบประมาณกว่า 20-25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ในความเป็นจริงเกมเกมนี้กลับใช้ต้นทุนทั้งหมดเท่ากับศูนย์

ใช่แล้ว ศูนย์ที่แปลว่าไม่เสียเงินสักดอลลาร์เดียว

เพราะนี่คือ Stardew Valley เกมทำฟาร์ม 8 บิตจากผู้สร้างเพียงคนเดียวที่สามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า 10 ล้านชุด

และบรรทัดต่อจากนี้คือเรื่องราวทั้งหมดของเกมที่เปลี่ยนแปลงความเป็นไปได้ในวงการไปตลอดกาล

จากฟาร์มจริงสู่การเริ่มต้น

ในวัยเด็ก กิจกรรมยามว่างของ Eric Barone คือการเล่นเกม

ด้วยความที่เติบโตในเมืองชนบทอย่างออเบิร์น ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ไม่ค่อยมีสิ่งบันเทิงใจเท่าไหร่นัก เมื่อผสมกับประสบการณ์การถูกบูลลี่ เด็กชายเอริกจึงเลือกใช้เวลาว่างของตัวเองหันหน้าเข้าสู่เครื่องเล่นเกมคอนโซลมากกว่าการออกไปเล่นกับเพื่อน

ในจอสี่เหลี่ยมนั้น ความเหงาของเขาถูกเยียวยาด้วยเกมหลายเกม แต่ที่เอริกหลงรักมากที่สุดคือเกมในซีรีส์ Harvest Moon โดยเฉพาะภาค Back to Nature หรือเกมที่ทำให้เกมเมอร์ชาวไทยหลายคนเรียกว่า ‘เกมปลูกผัก’

นี่คือเกมที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้เป็นเจ้าของฟาร์มและสามารถทำกิจกรรมได้หลายอย่างตั้งแต่การปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ เข้าเหมืองขุดแร่ หรือจีบคนอื่น ซึ่งตรงนี้เองที่เป็นเสน่ห์ให้ Harvest Moon: Back to Nature ได้รับความนิยมไปทั่วโลก และยังเป็นสิ่งที่ทำให้เอริกหลงรักเกมแนวนี้ตั้งแต่นั้น

แต่เมื่อโตขึ้น เขาเองก็เหมือนเด็กคนอื่นที่จัดเกมให้เป็นกิจกรรมที่ทำในเวลาพักผ่อน ไม่ได้อยากพัฒนาให้เป็นอาชีพ เขาจึงศึกษาต่อทางด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ที่ University of Washington Tacoma ก่อนจบการศึกษาและพยายามยื่นสมัครงานในสาขาที่เกี่ยวข้อง

แต่กลายเป็นว่าหนึ่งที่ก็แล้ว สองที่ก็แล้ว สิบที่ก็แล้ว ไม่มีที่ไหนรับนักศึกษาจบใหม่อย่างเขาเข้าทำงานเลย

“หลังจากโดนปฏิเสธหลายครั้ง ผมเลยคิดกับตัวเองว่านี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น ผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่า และผมสามารถทำอะไรได้มากกว่านี้ไหม” เอริกให้สัมภาษณ์ไว้กับเว็บไซต์ PC Gamer ถึงช่วงเวลานั้น

“จากตรงนั้นเองที่ผมได้คำตอบว่าผมคงต้องมีทักษะการเขียนโปรแกรมที่มากกว่านี้ แต่จะทำอะไรดีล่ะ ผมเลยนึกย้อนกลับไปว่าในเมื่อผมชอบเล่นเกมมาตลอดและชอบทำดนตรีด้วย ผมน่าจะใช้ประโยชน์จากตรงนี้ได้ ผมจึงตัดสินใจว่าในระหว่างที่ไม่มีงานทำนี้ ผมจะลองทำเกมของตัวเองดู แต่ก็เพื่อการฝึกทักษะเท่านั้น ไม่ได้มองว่าตัวเองจะเป็นผู้พัฒนาเกมเลย”

 แต่ใครจะคิดล่ะ ว่าก้าวแรกของเรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นจากจุดนี้

จากฟาร์มฝันสู่อุปสรรค

“ผมชอบ Harvest Moon มาก แต่หลังจากภาค Back to Nature ก็ไม่มีภาคไหนที่ผมชอบเท่าเดิม มันเลยเป็นเหมือนแรงผลักดันให้ผมลองทำเกมแบบที่ตัวเองชอบโดยเอาสิ่งที่ไม่ชอบออกไป”

นี่คือไอเดียข้างต้นของเอริก จากจุดนั้นเขาลองร่างความคิดออกมาโดยใช้ Harvest Moon เป็นแกนกลาง ตัดสิ่งที่ไม่ชอบออก แล้วเติมสิ่งที่เขาชอบจากเกมอื่นๆ อย่าง Minecraft, Terraria และ Rune Factory ลงไป รวมถึงองค์ประกอบของชนบทที่เขาเติบโตมาและมุมมองของเขาที่มีต่อสังคมเมือง 

กลายเป็นว่าเมื่อยิ่งคิดเขาก็ยิ่งสนุก ยิ่งลองวางแผน โปรเจกต์นี้ก็ดูเหมือนจะใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ จนเกินกว่าจะเป็นแค่การฝึกเขียนโปรแกรมแล้ว

และที่สำคัญคือเขาได้เจอความมหัศจรรย์บางอย่างที่อาชีพผู้พัฒนาเกมมอบให้ โดยยึดตามคำสัมภาษณ์ที่เขาเคยเล่าไว้ในเว็บไซต์ Matador Review ว่า

“ข้อดีที่สุดของงานนี้คือการที่ผมจะได้สร้างสรรค์ทุกอย่างในจินตนาการออกมาอย่างที่ต้องการ และผมก็ไม่ต้องคอยกังวลด้วยว่าไอเดียจะไปขัดแย้งกับความคิดของใคร ดังนั้นในแรกเริ่มมันจึงสนุกมากที่จะได้ทำอะไรบางอย่างออกมาแล้วมีความเป็นผมอยู่ในนั้นร้อยเปอร์เซ็นต์”

ในปี 2012 หลังจากที่ลองร่างไอเดียออกมาจนเป็นรูปเป็นร่างและไกลกว่าการฝึกทักษะเขียนโปรแกรม เขาตัดสินใจวัดดวงกับโปรเจกต์นี้โดยการไปทำงานเป็นเด็กเดินตั๋วในโรงหนังเพื่อประทังชีวิต ส่วนเวลาที่เหลือกว่า 10 ชั่วโมงต่อวันเขาเลือกทุ่มให้กับการพัฒนาเกมในฝันของเขาอย่างเต็มที่

แม้จะมีพื้นฐานด้านการเขียนโปรแกรมและทำเพลงอยู่บ้าง แต่การสร้างเกมทั้งเกมต้องใช้ทักษะมากกว่านั้น นั่นจึงเป็นที่มาที่ทำให้เขาเจอปัญหาใหญ่ตั้งแต่ขั้นตอนแรก แต่มันก็เป็นเส้นทางที่ทำให้เขาไปต่อได้เช่นกัน

“หลายๆ อย่างในเกมเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยทำมาก่อน และประสบการณ์การเขียนโค้ดของผมก็น้อยมาก ทำให้ร่างแรกของทุกอย่างในเกมที่ออกมามันเลวร้ายสุดๆ ผมต้องรื้อทำใหม่นับครั้งไม่ถ้วน แต่ในทุกครั้งที่ทำใหม่ ทักษะของผมก็เพิ่มขึ้นทุกครั้ง และเมื่อทักษะเพิ่มผมก็เห็นความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการสร้างเกม จนสุดท้ายโปรเจกต์ผมมันก็ค่อยๆ ใหญ่ขึ้นตาม

“ช่วงเวลานั้นเลยถือเป็นช่วงที่หนักมาก ผมไม่เคยนับหรอกว่าตัวเองลงแรงไปกี่พันชั่วโมง แต่ผมมั่นใจว่ามันโคตรเยอะ ถึงจะมีบ้างที่ท้อแต่ผมก็จะบอกตัวเองให้พยายามตะลุยทำไปอยู่อย่างนั้น ถ้างานออกมาไม่ดีผมก็จะรื้อทำใหม่จนกว่าจะดี มันเป็นวัฏจักรที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง”

เขาให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ gq ว่าวัฏจักรนี้เกิดขึ้นหลายวัน หลายเดือน จนเป็นหลักปี จากแผนตอนแรกที่จะทำให้เสร็จในหนึ่งปีก็กลายเป็นว่าเขาปล่อยเกมวางขายในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2016 

รวมเวลาแล้วกว่า 4 ปีที่เขาต้องพยายามอยู่คนเดียวแบบนั้นโดยไม่ได้รับรางวัลหรือคำชมใดๆ ตอบแทนเลย

ก่อนความคิดและหยาดเหงื่อทั้งหมดจะออกดอกออกผลในชื่อ Stardew Valley

Stardew Valley

จากฟาร์มสำเร็จสู่ความต่อเนื่อง

Stardew Valley คือเกมทำฟาร์มในภาพพิกเซล 8 บิตที่เริ่มต้นด้วยเรื่องราวของผู้เล่นที่รับบทเป็นพนักงานออฟฟิศที่แสนเบื่อหน่ายกับชีวิตประจำวัน จนวันหนึ่งได้เจอกับจุดเปลี่ยนคือการได้รับช่วงดูแลฟาร์มจากคุณปู่ที่เพิ่งจากโลกนี้ไป

ผู้เล่นจะเริ่มต้นจากวันแรกที่เดินทางมาถึงฟาร์มแห่งนี้ พร้อมคำแนะนำจากผู้พัฒนาที่มีให้เพียงน้อยนิด สิ่งที่ผู้เล่นเห็นจะมีแค่พื้นที่รกร้างที่เต็มไปด้วยต้นไม้และก้อนหิน และเมืองชนบทที่เต็มไปด้วยผู้คนให้เราไปปฏิสัมพันธ์ ชายหาดให้เราตกปลา เหมืองให้เราลงไปขุดแร่ และพื้นที่รกร้างส่วนอื่นๆ ที่อาจมีไอเทมซ่อนอยู่ โดยผู้เล่นจะทำอะไรก็ได้แล้วแต่ใจอยาก

Stardew Valley

ระหว่างเกมอาจจะมีการไกด์บ้าง เช่น การให้ผู้เล่นลองสร้างโรงเลี้ยงสัตว์หรือการให้ผู้เล่นลองนำของขวัญไปให้ตัวละครอื่น แต่สิ่งที่มากำหนดเหล่านี้มีน้อยมาก อิสระคือสิ่งที่เกมมีให้ ผู้เล่นสามารถเล่นได้โดยเน้นแนวทางไหนก็ได้ โดยที่ในแต่ละทางก็จะมีข้อดี-ข้อเสียที่สามารถนำมาพัฒนาตัวละครได้ต่างกัน ที่สำคัญคือไม่ว่าจะทางไหน คอนเทนต์ในแต่ละส่วนของเกมก็มีอยู่แน่นเอี้ยด 

จะเน้นปลูกผักเหรอ ได้ เกมมีระบบพืชพันธุ์ตามฤดูกาล มีการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกในฟาร์ม และมีระบบสภาพอากาศให้คุณ

จะเน้นลงเหมืองขุดแร่เหรอ ได้ เกมมีระบบตีหินเพื่อเก็บแร่ มีมอนสเตอร์ในเหมืองแต่ละชั้น และมีการนำแร่มาพัฒนาอุปกรณ์อื่นๆ ให้คุณ

จะเน้นการปฏิสัมพันธ์กับคนเหรอ ได้ เกมมีระบบความชอบ มีของขวัญที่แต่ละตัวละครถูกใจ หรือมีแม้กระทั่งระบบคู่รักและการมีลูกให้คุณ

หรือเมื่อเริ่มคล่องและเล่นเก่งขึ้นแล้ว คุณก็สามารถทำทุกอย่างที่กล่าวมาได้และค้นหาความลับภายในเกมต่อ เพราะเนื้อหาเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในเนื้อเรื่องหลักยังมีอีกมากเกินกว่าจะเล่าทั้งหมดไหว

ซึ่งทั้งหมดนี้เองที่ทำให้ Stardew Valley ไม่ใช่ ‘แค่เกมเกมหนึ่งที่พิเศษเพราะเกิดจากผู้สร้างเพียงคนเดียว’ แต่มันคือเกมชั้นดีที่มีระบบการเล่นชั้นยอดให้ผู้เล่นติดพันจนรู้ตัวอีกทีก็หมดเวลาไปกว่าร้อยชั่วโมง และทำยอดขายได้เกือบหนึ่งล้านชุดตั้งแต่สัปดาห์แรก

Stardew Valley

“ช่วงแรกที่ปล่อยเกมออกมาผมแพนิกมาก ผมไล่แก้ข้อผิดพลาดในเกมจนแทบไม่ได้นอน เป็นช่วงเวลาที่เครียดนะ แต่มันก็มีความสุขมากเช่นกัน” เอริกให้สัมภาษณ์ไว้ในช่วงปีแรกที่เกมออกวางจำหน่าย รวมถึงให้ทัศนะไว้ด้วยว่าทำไมเกมที่เป็นส่วนตัวกับเขาขนาดนั้นถึงออกมาสำเร็จขนาดนี้

“สำหรับผมแล้ว นี่คือเกมที่ไปไกลมากกว่าเกม พอผมใส่ความจริงของตัวเองลงไปมันเลยแสดงออกถึงความจริงบางอย่างในชีวิตด้วย เพราะบ่อยครั้งที่เมื่อมีปัญหาในชีวิต ผู้คนก็จะอยากหลีกหนีความจริงโดยอาศัยเกม แต่พอมีเกมที่สามารถทำให้ผู้เล่นสามารถหลีกหนีความจริงไปพร้อมๆ กับสะท้อนภาพความเป็นมนุษย์ของผู้คนได้ ผู้เล่นเลยรู้สึกว่ามันเป็นมากกว่าความบันเทิงใจทั่วไป ซึ่งไม่ใช่ทุกเกมหรอกที่สามารถทำได้ขนาดนี้”

ต่อเนื่องจากจุดเด่นที่ว่า หลังจากปล่อยตัวเกมแล้วประสบความสำเร็จ เอริกยังไม่หยุดสร้างโลกของเขาอยู่แค่นั้น เขายังคงค่อยๆ พัฒนาผลงานของตัวเองและอัพ patch เสริมฟรีๆ ไปเรื่อยๆ เพิ่มตรงนั้นนิด ปรับตรงนี้หน่อย โดยอาศัยข้อมูลจากฟีดแบ็กของผู้เล่นและความเป็นตัวเองที่ยังคงชัดเจนตั้งแต่วันแรก

รู้ตัวอีกที Stardew Valley ก็มีอายุ 5 ปีแล้วในปัจจุบัน แถมเกมยังถูกพอร์ตให้เล่นในหลายแพลตฟอร์มจนสามารถทำยอดขายแตะสิบล้านชุดเมื่อปลายปีที่ผ่านมา และเว็บไซต์ The Wealth Record ก็ได้คำนวณรายได้ของเอริกไว้ว่าการลงทุนทำเกมที่มีต้นทุนเท่ากับศูนย์ทำให้ตอนนี้เขามีทรัพย์สินกว่า 34 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

จากฟาร์มเป็นตำนานสู่ตอนต่อไป

ไม่ใช่แค่เกมเกมหนึ่ง แต่สิ่งที่เอริกทำกับ Stardew Valley นั้นส่งผลไปไกลกว่าที่คิดมาก

หากมองในวงการเกม ด้วยความนิยมที่นับวันมีแต่จะมากขึ้นและกระแสปากต่อปาก เมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมาเอริกเพิ่งประกาศผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่าเกมทำฟาร์มของเขาจะถูกนำมาแข่ง e-sports ครั้งแรกอย่างเป็นทางการ โดยชิงเงินรางวัลกว่า 40,000 ดอลลาร์สหรัฐ

ใช่แล้ว เกมทำฟาร์มกำลังเดินหน้าสู่การเป็น e-sports ได้อย่างสมภาคภูมิ

นอกจากนั้นเรื่องราวของเขายังสร้างแรงบันดาลใจให้กับใครอีกหลายคนที่อยากเข้ามาอยู่ในอุตสาหกรรมเกม เกิดเป็นกระแสที่ผู้พัฒนาเกมหลายคนเลือกใช้วิธีพัฒนาเกมคนเดียวเพราะมีเอริกเป็นไอดอล แม้อาจยังไม่มีใครทำสำเร็จเท่าเขา แต่ก็สามารถพูดได้ว่าสิ่งที่เอริกทำเปลี่ยนให้ทุกคนมองการสร้างเกมไม่เหมือนเดิมไปตลอดกาล 

และไม่ใช่แค่ในวงการเกมที่เปลี่ยน การทำฟาร์มในโลกเสมือนนี้ยังส่งผลในชีวิตจริงของบางคนด้วย

Stardew Valley

หลังจากเกมออกได้หนึ่งปี มีรายงานว่าชายหนุ่มคนหนึ่งนามว่าซามูเอลได้แรงบันดาลใจจากการเล่นเกม Stardew Valley กว่าร้อยชั่วโมง จนเขาลงทุนไปซื้อฟาร์มและใช้ชีวิตราวกับอยู่ในเกมจริงๆ

ซามูเอลให้สัมภาษณ์ไว้กับเว็บไซต์ PC Gamer ว่าชีวิตก่อนหน้านี้ของเขาคล้ายกับตัวละครในเกมมาก คือเป็นพนักงานออฟฟิศที่ใช้ชีวิตไปแบบซังกะตาย จนกระทั่งมาเจอเกมของเอริกที่ทำให้เขาได้รู้ว่าแท้จริงแล้วตัวเองต้องการอะไร เขาจึงลงทุนซื้อที่ดินเปล่ากว่า 2.5 เอเคอร์ก่อนมาพัฒนาเป็นฟาร์ม โดยเริ่มต้นจากศูนย์ผ่านการถางหญ้าและพรวนดินเหมือนวันแรกของตัวเอกในเกมยังไงอย่างงั้น

“หลายคนบอกว่าผมบ้า เพื่อนบางคนเตือนสติว่าผมกำลังเลียนแบบเกมอย่างสุดโต่งเกินไป แต่ผมรู้ตัวเองดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือความพยายามของผมในการเป็นในสิ่งที่ตัวเองอยากเป็นก็แค่นั้น” ซามูเอลทิ้งท้ายไว้ในบทสัมภาษณ์ชิ้นเดียวกัน

Stardew Valley

นี่เป็นเพียงตัวอย่างและตำนานของสิ่งที่ Stardew Valley ทำเท่านั้น เพราะแท้จริงแล้วเกมนี้ยังสร้างความประทับใจให้กับใครอีกหลายคนบนโลก อย่างในประเทศไทยเองคอมมิวนิตี้ของคนรักเกมนี้ก็มีสมาชิกกว่าแสนคน รวมถึงกระแสเกมแนวทำฟาร์มก็ถูกจุดขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งหมดล้วนเป็นหลักฐานชั้นดีถึงความสำเร็จและปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นจากฝีมือเอริก ชายผู้จะถูกกล่าวขานในวงการเกมไปอีกหลายสิบปี

และสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ เขาเคยสรุปให้แฟนเกมฟังผ่านการสัมภาษณ์เมื่อปลายปีที่แล้วเช่นกัน

“สำหรับผมแล้ว (หน้าที่) หลักของเกมคือความบันเทิง แต่นอกเหนือจากนั้นผมยังมองมันเป็นศิลปะที่มีพลังพาให้เราหนีออกจากความเป็นจริงเพื่อไปเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้ การเล่นเกมเป็นประสบการณ์ที่ไม่มีสื่อไหนเทียบเท่าได้อีกแล้ว ดังนั้นการได้มีส่วนสร้างมันขึ้นมาและประสบความสำเร็จขนาดนี้ สำหรับผมมันคือเรื่องที่สุดยอดมากๆ

“ซึ่งความรู้สึกตรงนี้แหละที่ทำให้ผมอยากทำเกมต่อไป”

และคงไม่ต้องบอกใช่ไหม ว่าเกมต่อไปที่เอริกจะทำ เขาจะมีทีมงานกี่คน


แหล่งที่มาและรูปภาพ

engadget.com

gamerevolution.com

gq.com

matadorreview.com

pcgamer.com

stardewvalley.net

stardewvalleywiki.com

steamspy.com

vulture.com

AUTHOR