สัตว์เลี้ยงตัวเล็กที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์
สุนัขแสนซน สุดแสบที่อยู่ข้างกายเรา
สุนัขที่เดินเข้ามาหาเวลาหิว แต่กลับนิ่งเฉยเวลาเราเรียก
สุนัขที่เรารีบวิ่งเข้าไปเล่นด้วยหลังจากโรงเรียนเลิก
สุนัขที่เข้าใจความรู้สึกของเรามากกว่าใครๆ
สุนัขตัวสีขาว หูยาวสีดำ ใส่ปลอกคอสีแดง
เรากำลังพูดถึง ‘Snoopy’ (สนูปี้) สุนัขที่เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างพิพิธภัณฑ์ ‘Snoopy Museum’ ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
ก่อนจะมาเป็นพิพิธภัณฑ์
แรกเริ่มเดิมที ‘สนูปี้’ เป็นตัวละครสำคัญในการ์ตูนซึ่งตีพิมพ์เป็นครั้งแรกเมื่อปี 1950 วาดโดย Charles M. Schultz (ชาร์ลส์ เอ็ม. ชูลซ์) นักวาดการ์ตูนชาวอเมริกัน
ซีรีส์การ์ตูน ‘Peanuts’ (พีนัทส์) เป็นเรื่องราวของสนูปี้ สุนัขพันธุ์บีเกิลที่มีอารมณ์ความรู้สึกเหมือนกับมนุษย์ Charlie Brown (ชาร์ลี บราวน์) เด็กชายตัวเล็กๆ ผู้เป็นเจ้าของสนูปี้ Sally (แซลลี) พี่สาวของชาร์ลี บราวน์ Linus (ไลนัส) เด็กชายติดผ้าห่ม Lucy (ลูซี่) เด็กหญิงจอมโวยวาย Schroeder เด็กชายเจ้าของเปียโนสีแดงที่ลูซี่หลงรัก และ Woodstock (วูดสต็อก) นกน้อยไม่ถนัดบิน เพื่อนรักของสนูปี้
การ์ตูนพีนัทส์มีความตลกเจือความขมผสมความเหงา ชาร์ลส์ เอ็ม. ชูลซ์ สร้างตัวละครชาร์ลี บราวน์ให้เป็นเด็กผู้ชายเงียบๆ และชอบเก็บอารมณ์ความรู้สึก ชาร์ลี บราวน์จะแสดงออกมา ก็ต่อเมื่ออยู่กับสนูปี้และเพื่อนๆ เท่านั้น
ส่วนสนูปี้ก็เป็นสุนัขที่มีความชัดเจนในสิ่งที่ต้องการ หิวก็บอกว่าหิว ไม่อยากไปก็บอกว่าไม่อยาก สนูปี้ไม่เก็บความรู้สึกเอาไว้จนกลายเป็นความกังวลเหมือนกับชาร์ลี บราวน์ สนูปี้มีความฝัน จินตนาการ และเป้าหมายที่แน่วแน่
สักวันหนึ่งจะต้องเป็นนักเขียนให้ได้!
สนูปี้ตั้งมั่นในสิ่งนี้
ซีรีส์การ์ตูนพีนัทส์ได้รับความนิยมมากตั้งแต่เริ่มแรก ต่อมาได้รับการตีพิมพ์เป็นเล่ม และนำไปสร้างเป็นการ์ตูนเพื่อฉายในโทรทัศน์ การ์ตูนเรื่อง ‘พีนัทส์’ ดำเนินไปอย่างช้าๆ และค่อยเป็นค่อยไป แต่สร้างความประทับใจในความรู้สึก จนได้รับการพัฒนาเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันอย่างในปัจจุบัน
คำคมโดนใจ
นอกจากตัวละครที่น่ารักแล้ว สิ่งที่ทำให้การ์ตูนเรื่องพีนัทส์โดนใจผู้คนจากทุกๆ ประเทศทั่วโลกคือ ‘ข้อคิดที่ได้รับ’
‘การปล่อยวาง’ เป็นหัวข้อสำคัญที่ชาร์ลส์ เอ็ม. ชูลซ์พูดถึงอยู่บ่อยครั้ง
ในตอนที่ชาร์ลี บราวน์ รู้สึกเฟลกับตัวเอง แซลลีพูดประโยคๆ หนึ่งกับชาร์ลี บราวน์ ผู้ไม่ยอมทำอะไร นอกไปจากนั่งนิ่งๆ อยู่บนโซฟา
“Life goes on..”
“ชีวิตต้องเดินต่อนะ..”
แซลลีพูดสั้นๆ กับน้องชายของเธอ
ชาร์ลี บราวน์เป็นตัวแทนของมนุษย์ที่ต่างก็ผ่านความเศร้า ความล้มเหลวและความผิดหวังมากันทั้งสิ้น แต่ละคนมีวิธีการรับมือแตกต่างกัน บางคนลุกขึ้นมาเพื่อเริ่มต้นใหม่ แต่หลายคนก็จมปลักกับความรู้สึกที่ทำร้ายตัวเอง
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ‘ชีวิต’ ก็ต้องเดินหน้าต่อ โลกไม่มีวันที่จะหยุดหมุน พระอาทิตย์ยังคงขึ้นในทุกๆ เช้า พระจันทร์ยังฉายแสงเวลาค่ำคืน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็ต้องลุกจากความจมดิ่งขึ้นมาให้ได้
อย่างที่ไลนัสบอกกับชาร์ลี บราวน์ว่า…
“You win a few and you lose a few!”
“บางครั้งเราชนะ แต่บางเวลาเราก็พ่ายแพ้!”
ชาร์ลส์ เอ็ม. ชูลซ์ รู้ดีว่าบนโลกที่ทุกคนต่างก็เผชิญกับการรบและศึกของตัวเอง ไม่มีใครที่จะเป็นผู้ชนะในทุกๆ ครั้ง แล้วก็ไม่มีใครที่จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ตลอดเวลา…
ชาร์ลส์ เอ็ม. ชูลซ์ เน้นย้ำถึงความจริงข้อนี้อยู่เสมอ
แล้วยังมีเรื่องราวของ ‘ความรัก’ ซึ่งเป็นอีกหัวข้อหนึ่งที่ชาร์ลส์ เอ็ม. ชูลซ์ เขียนถึงบ่อยๆ
ย้อนกลับไปในวันที่เรามองความรักด้วยความใสซื่อ…
มีเสียงเคาะที่ประตูหน้าบ้าน พอเปิดประตูออกมา… สนูปี้ก็มายืนรอส่งความรักและมอบรอยจูบให้
สนูปี้มาหาลูซี่ที่บ้านในลักษณะนี้เสมอๆ แม้ว่าลูซี่จะไม่เคยสนใจก็ตาม
ส่วนลูซี่เองเป็นตัวละครที่แข็งกร้าวและพูดจาโผงผาง แต่ทุกครั้งที่เห็นชโรเดอร์ ลูซี่ก็กลายเป็นเด็กผู้หญิงขี้อายในทันที ลูซี่มองดูชโรเดอร์เล่นเปียโนด้วยสายตาหวานเยิ้ม พร้อมส่งรอยยิ้มเอียงอายให้
เวลาที่คนเรามีความรัก เรามักจะเปลี่ยนแปลงไปโดยไม่รู้ตัว จากคนที่ล้อมกรอบตัวเองไว้ด้วยกำแพง เรากลับยอมวางปราการนั้นลงเพื่อ ‘ความรัก’
“It’s amazing how stupid you can be when you are in love.”
“น่าประหลาดใจที่คนเรากลายเป็นโง่เง่าได้เวลาที่มีความรัก”
ลูซี่นั่งเท้าคางพึมพำออกมาด้วยความกลัดกลุ้มใจ… เราๆ หลายคนคงคุ้นกับสิ่งนี้ดี!
เรื่องราวในพิพิธภัณฑ์ Snoopy Museum
สถานี Minami Machida Granberry Park ซึ่งเป็นย่านที่พักอาศัย คือสถานที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ Snoopy Museum ในกรุงโตเกียว
มิวเซียมแห่งนี้เดินทางมาเยือนได้ไม่ยากจากสถานีชิบุยะ โดยนั่งรถไฟฟ้าเอกชนสาย Tokyu Den-en-toshi ซึ่งวิ่งระหว่างกรุงโตเกียวกับเมืองโยโกฮามาของญี่ปุ่น มาลงใกล้ๆ กับพิพิธภัณฑ์ได้เลย แต่สถานีชิบุยะมีหลายประตูทางเข้า เราต้องเดินลงไปที่ชั้นใต้ดิน และมองหาประตูทางเข้าของรถไฟฟ้าสาย Tokyo Den-entoshi (สีม่วง) ซึ่งอยู่ติดกับรถไฟฟ้าเอกชนสาย Hanzomon
พิพิธภัณฑ์สนูปี้จัดแสดงเรื่องราวน่ารักๆ ของสนูปี้และผองเพื่อนจากการ์ตูนเรื่องพีนัทส์ ทั้งมิตรภาพระหว่างสนูปี้และชาร์ลี บราวน์ สนูปี้กับคู่หูชื่อ ‘วูดสต็อก’ ความใสซื่อของผองเพื่อน รวมไปถึงมุขตลกที่ทำให้ทุกคนอมยิ้ม อย่างเช่น การนั่งหลับในชั้นเรียน
ในพิพิธภัณฑ์ยังมีคาเฟที่ออกแบบเมนูด้วยแรงบันดาลใจจากการ์ตูนเรื่องนี้ เครื่องดื่มขวัญใจชาวอเมริกันอย่างมิลก์เชก เป็นหนึ่งในเมนูห้ามพลาด
อยากให้เผื่อเวลาสำหรับการมาเยือนพิพิธภัณฑ์สนูปี้สักเล็กน้อย เพราะมิวเซียมแห่งนี้มีทั้งประติมากรรมสนูปี้ขนาดยักษ์ นิทรรศการที่ผลัดเปลี่ยนกันจัดเป็นช่วงๆ เวิร์กช็อปดีๆ และร้านขายของที่ระลึกลายสนูปี้กับตัวละครต่างๆ จากในเรื่อง
กว่าจะชมครบทุกโซน ถ่ายรูปครบทุกมุม ก็ใช้เวลาพอสมควรเลยทีเดียว!
Credit รูปภาพ: Snoopy Museum Tokyo